ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 248 ฉันหนีตายจากขั้นหกได้ (1)
ตอนที่ 248 ฉันหนีตายจากขั้นหกได้ (1)
ระยะทางร้อยลี้ หากฟางผิงวิ่งสุดชีวิตโดยไม่เสียดายปราณ ก็ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
แต่ปราณของผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้ไร้ขีดจำกัด ปกติแม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก หากไม่ถึงสถานการณ์จำเป็นจริงๆ คงไม่ทำแบบนี้เหมือนกัน
ตอนนี้ฟางผิงอยากจะวิ่งตาลีตาเหลือกกลับไป
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า…การปิดล้อมด้านหน้านี่มันอะไรกัน?
มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ทหารลาดตระเวนเต็มไปหมด!
“ปิดล้อมเมืองความหวังงั้นเหรอ?”
ฟางผิงพึมพำ วิเคราะห์ในใจ
มนุษยชาติไม่ได้ต้านเมืองเทียนเหมินมาแค่ปีสองปี แต่เพราะมีประสบการณ์จากหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนเข้าใจโดยปริยายว่าสิบสองเมืองแห่งอื่นๆ ไม่อาจเข้าร่วมสงครามใหญ่
เว้นเสียแต่ว่าเมืองเทียนเหมินจะถูกทำลาย!
นี่เป็นความคิดที่ยึดมั่นมาหลายปีแล้ว
แต่ครั้งนี้ฟางผิงเห็นกองทัพของเมืองตงขุยกำลังเคลื่อนไหว
หากเมืองความหวังยังยึดถือความเชื่อแบบเดิมๆ ต้องเกิดปัญหาอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ปิดล้อมบริเวณโดยรอบ ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้พลังการรบของมนุษยชาติสู้เมืองเทียนเหมินไม่ได้ ทำได้แค่ตั้งรับ ตอนนี้มีการสร้างแนวปิดล้อม อาจทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในป่ากลับไปรายงานข่าว ยังไงก็ไม่ได้มีผู้ฝึกยุทธ์เคลื่อนไหวทางเมืองตงขุยอยู่แล้ว”
“นี่คือสวรรค์ต้องการให้ฉันช่วยเหลือมนุษยชาติจริงๆ สินะ!”
จู่ๆ ฟางผิงก็สัมผัสได้ถึงภาระอันใหญ่หลวง หากเมืองความหวังไม่รู้ข่าวการร่วมรบของเมืองตงขุย เมืองตงขุยส่งยอดฝีมือขั้นสูงออกมาล้อมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงของมนุษย์ นั่นเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ประเทศจีนมีถ้ำใต้ดินยี่สิบสองแห่งที่ต้องเฝ้าระวัง ไม่อาจเตรียมพร้อมปรมาจารย์หลายสิบคนประจำอยู่ทุกจุดได้อยู่แล้ว
ปรมาจารย์ทางถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ถือว่ามีเยอะแล้ว บางแห่งมีแค่สองสามคนที่นั่งรักษาการณ์เท่านั้น
“จะให้ฉันทำหน้าที่เหมือนฟิดิปปิเดส[1]…”
“ไม่สิ ฟิดิปปิเดสนั้นไปแจ้งข่าวดี ครั้งนี้ฉันต้องฝ่าแนวกั้นไปช่วยเหลือมนุษยชาติ ฉันกล้าหาญมากกว่า…”
ชมตัวเองแล้ว ฟางผิงกลับหน้าเจื่อนลงในชั่วพริบตา แค่ปลอบใจตัวเองเท่านั้น
คนเยอะอะไรขนาดนี้!
เขาเห็นกองกำลังทหารที่สวมชุดเกราะเหมือนในละครโทรทัศน์ คนพวกนี้อยู่กันเป็นกลุ่มละหนึ่งร้อยคน เคลื่อนทัพในรูปแบบคดเคี้ยว พงหญ้าที่ก่อนหน้านี้ถูกปล่อยให้รกร้าง ตอนนี้ถูกพวกเขาใช้อาวุธฟันจนขาดร่วงลงไป
จุดที่ฟางผิงซุ่มอยู่ไม่ได้ไกลจากพวกเขาเท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกนี้อยากจะกวาดล้างพงหญ้าให้ราบคาบเป็นพื้นที่โล่งกว้าง
“หญ้าพวกนี้…เมื่อก่อนไม่เก็บกวาด เพราะจะได้กลายเป็นพื้นที่กีดขวางระหว่างทั้งสองเมือง ตอนนี้ถูกกวาดล้างเพราะคิดว่าหลังจากนี้ไม่จำเป็นต้องมีหญ้าพวกนี้อีกแล้วสินะ?”
“ถ้าเป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่าเรื่องใหญ่แล้วจริงๆ ภาระที่ฉันแบกรับนี่มันยิ่งใหญ่ชะมัด”
“เดินทะลุป่าราชันเจี่ยวออกไป คนพวกนี้อาจจะไม่ตามฆ่าตลอดทาง แต่ถ้าเดินผ่านทางตะวันออกเข้ามา คงต้องถูกฆ่าแน่”
ฟางผิงวิเคราะห์แล้ววิเคราะห์อีก
ตอนนี้เขาอยู่เส้นทางสายเหนือ ผู้ฝึกยุทธ์ของเมืองเทียนเหมินไม่รู้ว่าเขามาจากป่าราชันเจี่ยว และเห็นสถานการณ์ฝั่งตะวันออกแล้ว
ดังนั้นอาจจะไม่ตามฆ่าเขาอย่างสุดกำลังเสมอไป
แต่หากเขาฝ่าแนวกั้นทางตะวันออก เกรงว่าอาจจะถูกยอดฝีมือระดับสูงลงมือเก็บเขาทันที
“แม้จะไม่ได้ให้ความสำคัญจนเกินไป แต่อย่างน้อยก็อาจให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางมาตามฆ่าฉัน ด้านหน้ายังไม่รู้ว่ามีผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ ขั้นสี่ยังพอมีหวัง ขั้นห้าฉันอาจจะวิ่งหนีไม่พ้น…”
“ครั้งนี้กลับเข้าเมือง คงจะกลายเป็นวีระบุรุษจริงๆ แล้ว แต่ฉันไม่อยากเป็นผู้สละชีพ…”
ฟางผิงครุ่นคิดไม่หยุด สุดท้ายจึงกัดฟัน เขาต้องกลับไป แม้ว่าจะไม่อยากเป็นวีระบุรุษ ก็ต้องเป็น! หากเกิดเรื่องกับเมืองความหวังจริงๆ ทางเข้าถ้ำถูกปิดลง ฟางผิงคงต้องรอตายอย่างเดียว
ถ้ำใต้ดินสิบสามเมืองมียอดฝีมือนับร้อย เขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่รอตายจะเป็นอะไรได้อีก?
“แต่จะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้…ไขกระดูก…”
ฟางผิงหัวแล่นอย่างว่องไว เขาไม่สามารถหลอมไขกระดูกทั่วร่างได้ ค่าทรัพย์สินไม่พอ
แต่เขาสามารถหลอมไขกระดูกท่อนล่างก่อนได้ กระดูกส่วนล่างมีหกสิบสองชิ้น หลอมไขกระดูกชิ้นละหนึ่งล้าน ก็เป็นหกสิบสองล้าน
หลอมเสร็จแล้ว ปราณจะเข้มข้นยิ่งขึ้น กระดูกหนาแน่นกว่าเดิม ทั้งไขกระดูกจะแข็งแรง ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง รวมถึงมีความสามารถสร้างเลือดได้มากกว่าเดิม
ถึงเวลานั้นอาจจะหนีรอดจากยอดฝีมือขั้นห้าพวกนั้นก็ได้
“สู้ไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ต้องหนีให้รอด!”
ฟางผิงทำสีหน้าหนักแน่น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้ายังพอว่า แต่ขั้นหกแทบจะเหาะเหินในอากาศได้อย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามอยากจะวิ่งหนีจากขั้นหก ปกติแทบจะเป็นไปไม่ได้
“นอกจากเพิ่มประสิทธิภาพของไขกระดูกแล้ว ยังมีวิธีไหนอีก?”
ฟางผิงจมดิ่งในความคิด “เพิ่มปราณ?”
“พลังจิตใจ?”
“อีกอย่างอาวุธเยอะและหนักขนาดนี้เป็นอุปสรรคอยู่บ้าง จะทำยังไงดี? ซ่อนไว้? แต่พงหญ้าพวกนั้นถูกกำจัดจนเกลี้ยงแล้ว ต้องถูกค้นเจอแน่นอน ฉันฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางพวกนั้นเหนื่อยแทบเป็นแทบตาย ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ขาดทุนแบบนี้หรอก”
“ตอนนี้ฉันมีความสามารถในการแบกของหนักเพิ่มขึ้นแล้ว พกอาวุธวิ่งน่าจะไม่เป็นอุปสรรคเท่าไหร่”
ฟางผิงไม่คิดจะบุ่มบ่ามวิ่งฝ่าแนวกั้นเข้าไป ตลกแล้ว กองกำลังเยอะขนาดนั้น ทั้งยังเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทหาร!
บุกเข้าไปอาจจะฆ่าได้สองสามคน แต่เขาก็คงอยู่รอดไม่ถึงสามนาทีเหมือนกัน
“หลอมไขกระดูกแล้วค่อยว่ากัน!”
ฟางผิงถอยหลังหลบออกมาช่วงหนึ่งอย่างระมัดระวัง เริ่มเพิ่มระดับหลอมไขกระดูก คล้อยหลังจากค่าทรัพย์สินที่ปลิวหายไป หน้าผากของฟางผิงก็ชิ้นเหงื่อขึ้นมาในชั่วพริบตา
“คันยุบยิบ! เจ็บชะมัด!”
ฟางผิงทำสีหน้าซับซ้อน ความเจ็บที่ลงลึกถึงไขกระดูก คันยุบยิบไปหมดแต่ไม่สามารถเกาได้นั้นทำให้คนรู้สึกยากจะรับได้จริงๆ
ตอนนี้เขาอยากจะตะโกนร้องออกมา กลับต้องกัดฟันแน่น ไม่เปล่งเสียงออกไป
“หนึ่งชิ้น!”
“สองชิ้น…”
ตอนที่ไขกระดูกถูกหลอม ฟางผิงก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
ผิวหนังกำลังหดเกร็งไม่หยุดหย่อน คล้ายกับการผลัดเปลี่ยนช่วงขั้นสามตอนปลาย รูเหงื่อเล็กลง ถึงกระทั่งเกิดการผลัดขน นี่เป็นการปิดกั้นการสูญเสียของปราณ ถึงได้สร้างระบบหมุนเวียนภายในขึ้นมา
เมื่อถึงขั้นแปด…อันที่จริงหากพวกปรมาจารย์ไม่อยากจะเหลือเส้นผมขนของตัวเองไว้ พวกเขาสามารถปล่อยให้โล่งเกลี้ยงได้
ในใจนั้นจินตนาการว่าหน้าตาของปรมาจารย์แทบจะกลายเป็นไข่เยี่ยวม้าเหมือนกันทั้งหมด ฟางผิงก็ลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
หาความสุขท่ามกลางความทุกข์ ถือเป็นข้อดีของฟางผิงอย่างหนึ่ง
“ผู้ชายยังดี ผู้หญิงกลายเป็นไข่เยี่ยวม้า…คงดูไม่ได้!”
“ทั้ง…พอผู้หญิงถึงขั้นแปด ทั่วทุกแห่งยังต้อง…น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
ฟางผิงสั่นสะท้านขึ้นมา แต่เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ถึงขั้นแปด ผ่านประสบการต่อสู้อย่างโชกโชน คงไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกแล้ว
“ขั้นแปดถูกเรียกว่าขั้นร่างทอง ทั้งเรียกว่าขั้นเหล็กกล้าได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกหรือเปล่า หรือจะเป็นเหมือนหินจริงๆ?”
“งั้นการใช้ชีวิตของปรมาจารย์ขั้นแปดคงน่าเบื่อไม่น้อย”
“แต่ขั้นแปดก็คงเป็นตาแก่ยายแก่กันแล้ว ใครจะมาสนใจเรื่องพวกนี้กัน…”
ระหว่างที่คิดฟุ้งซ่าน กระดูกส่วนล่างของฟางผิงก็ค่อยๆ หนักอึ้งขึ้นมา
การหลอมไขกระดูกจะทำให้ร่างกายมีน้ำหนักขึ้น เรื่องนี้ฟางผิงรู้ดี
แต่น้ำหนักเพิ่มขึ้นมา กระดูกและร่างกายก็จะรองรับการระเบิดพลังได้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน
รอจนฟางผิงหลอมไขกระดูกได้สิบชิ้น…จู่ๆ แววตากลับเป็นประกายทันที!
“ปราณทะลวงถึงหนึ่งพันแคลแล้ว”
ขีดจำกัดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าแคลเป็นด่านที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามยากจะก้าวผ่าน แม้จะหลอมกระดูกสามครั้งก็ตาม
แน่นอนมีคนทะลวงได้เช่นกัน
ตอนที่กระดูก ร่างกายและเส้นเลือดของคุณแข็งแกร่งแล้ว ด่านยากนี้ก็จะหายไป
แต่โดยปกติแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทำถึงจุดนี้ไม่ได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ขั้นสามทั่วไป รวมถึงพวกเซี่ยเหล่ยด้วย หากไม่มีวิธีหลอมร่างกายหรือวิธีอื่นๆ เป็นพิเศษ ก็ไม่อาจทะลวงด่านนี้ได้เช่นกัน เหล่าหวังอาจจะทำได้ กระดูกของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก
“ฉันทะลวงได้เหมือนกัน!”
ตอนที่ปราณทะลวงหนึ่งพันแคล จู่ๆ ฟางผิงก็พบว่า ปราณที่กระจัดกระจายก่อนหน้านี้ของตัวเองค่อยๆ เกาะกลุ่มกันขึ้นมา
หากพูดว่าก่อนหน้านี้ปราณเป็นแค่นมสดธรรมดา งั้นตอนนี้ก็กลายเป็นโยเกิร์ตแล้ว
“ไม่รู้ว่าจะมีวันที่ปราณทั้งหมดของฉันหนักเหมือนปรอทหรือเปล่า? น่าจะได้ เลือดของพวกปรมาจารย์นั้นเป็นเลือดปกติอย่างนั้นเหรอ? เลือดหนึ่งหยด อาจจะทำลายพื้นจนกลายเป็นรูก็ได้”
ฟางผิงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณในร่างกาย กำลังรวมตัว กำลังถูกใช้ จากกระจัดกระจายจนถึงเกาะกลุ่มกัน
“ทะลวงด่าน ปราณยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก!”
ฟางผิงยังคงหลอมไขกระดูก ส่วนขีดจำกัดของปราณก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
หนึ่งพันห้าแคล หนึ่งพันสิบแคล…
เพิ่มขึ้นเร็วสุดๆ ไปเลย!
——————–
[1] ฟิดิปปิเดส เป็นวีรบุรุษในตำนานชาวกรีก ได้รับหน้าที่ให้ส่งข่าวจากสนามรบมาราธอนไปยังเอเธนส์