ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 251 ภารกิจใหม่ (1)
ตอนที่ 251 ภารกิจใหม่ (1)
ราตรีมาเยือนอย่างรวดเร็ว
คืนนี้ไม่มีใครมารบกวนฟางผิงอีก ฟางผิงก็ไม่ออกไปสอบถามสถานการณ์เช่นกัน เรื่องพวกนี้ยังไม่จำเป็นให้เขาต้องมากังวล
ตอนเย็นฟางผิงเริ่มใช้ค่าทรัพย์สินหลอมไขกระดูกส่วนบน
หลังจากที่ไขกระดูกถูกหลอม อาการบาดเจ็บที่แขนซ้ายของฟางผิงก็ค่อยๆ ดีขึ้น
ยอดฝีมือขั้นแปดเรียกได้ว่าร่างทองไม่บุบสลาย การป้องกันแข็งแกร่งขึ้นถือเป็นอีกเรื่อง การฟื้นฟูก็เร็วขึ้นเช่นกัน แต่ทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไขกระดูกอย่างมาก
หลอมไขกระดูกแล้ว การผลิตเลือด การฟื้นฟูและปฏิกิริยาโต้ตอบก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แขนซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด กำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
อวัยวะภายในที่กระทบกระเทือน ตอนแรกฟางผิงใช้ยาคืนชีวิตไปหนึ่งเม็ด ยังไม่ดีขึ้นมาเท่าไหร่ การโจมตีของยอดฝีมือขั้นหกไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
หากไม่ใช่ว่าฟางผิงใช้ปราณฟื้นฟูอวัยวะภายในอยู่ตลอด คงตายไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอให้ถังเฟิงมาช่วยหรอก
เพราะต้องฟื้นฟูพลังการรบให้กลับมาเร็วที่สุด ฟางผิงจึงทำใจ กินยาคืนชีวิตไปอีกหนึ่งเม็ด
อาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในเลยเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็วเช่นกัน
—
ชั่วพริบตาที่ท้องฟ้าสว่างขึ้นมา อาการบาดเจ็บของฟางผิงก็ฟื้นฟูขึ้นมาเกินกว่าครึ่ง นอกจากแขนซ้ายที่ไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง อาการบาดเจ็บอย่างอื่นแทบจะดีขึ้นหมดแล้ว
มองตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงด้านหน้าอีกครั้ง ฟางผิงยังคงพอใจไม่น้อย
หลังจากทะลวงหนึ่งร้อยล้าน ปราณจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ขีดจำกัดปราณเพิ่มขึ้น หมายถึงการระเบิดกระบวนท่าของฟางผิงจะมีอานุภาพมากขึ้น ทั้งหมายความว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ทรัพย์สิน : 40,500,000
ปราณ : 1008 แคล (1209 แคล+)
จิตใจ : 520 เฮิรตซ์ (541เฮิรตซ์+)
หลอมกระดูก : 126 ชิ้น (100%) , 51 ชิ้น (90%) , 29 ชิ้น (30%+)
“ปราณแตะถึงหนึ่งพันสองร้อยแคลแล้ว น่าเสียดาย ดาบคลั่งโลหิตยังฟันได้ติดต่อกันแค่สี่ดาบ”
ฟางผิงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง อันที่จริงหลายวันนี้ เขาไม่ได้ใช้ดาบคลั่งโลหิตฟันคนแค่ครั้งสองครั้ง รวมทั้งหมดแล้วฟันไปกว่าพันครั้งได้
แต่ฟันห้าครั้งติดต่อกัน ยังคงสะดุดอยู่บ้าง ฟันต่อเนื่องออกมาไม่ได้
หากสามารถฟันติดต่อกันห้าดาบ พลังรบของฟางผิงจะเพิ่มขึ้นมาถึงช่วงหนึ่ง
ตอนนี้เขาอาศัยเพียงปราณในการฆ่าศัตรู อาจไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของฉินเฟิ่งชิงได้เสมอไป
เคล็ดวิชาต่อสู้ของฉินเฟิ่งชิง หากเป็นไปตามที่คาด น่าจะแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่บ้าง
“ฉันฟันออกไปดาบเดียว อย่างมากจะระเบิดปราณแค่สองร้อยแคล หากฟันติดต่อกัน ตอนนี้ได้สี่ครั้ง จะระเบิดปราณได้กว่าสามร้อยห้าสิบแคล”
ฟางผิงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้เพราะเขาฟันติดต่อกันไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้โต้กลับ
บอกว่าฟันศัตรู ยังไม่สู้บอกว่าถ่วงเวลาให้ศัตรูตาย
แต่การฟันของพวกฉินเฟิ่งชิง เกรงว่าจะอยู่ในกระบวนท่าชั้นยอด สังหารได้ในกระบวนท่าเดียว
มองจากจุดนี้ ฟางผิงยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
“รอฉันสามารถฟันได้เจ็ดดาบต่อกัน ระเบิดพลังทบขึ้นไปอีกอาจจะถึงแปดร้อยแคล เวลานั้นถึงจะเป็นกระบวนท่าใหญ่อย่างแท้จริง ฟันตายในดาบเดียว!”
ฟางผิงพึมพำ เขาหมายถึงในระดับเดียวกัน ขั้นสามตอนปลายหรือสูงสุด
แม้จะเป็นขั้นสี่ พวกที่อ่อนแอ ไม่มีเคล็ดวิชาป้องกันที่แข็งแกร่งหรือกระบวนท่าใหญ่ ต่อสู้กับฟางผิงอาจจะถูกฆ่าตายในดาบเดียวได้เหมือนกัน
แต่เจ็ดดาบติดต่อกัน…ฟางผิงคิดว่าตัวเองคงต้องหลับสักตื่นก่อน
“ฟันห้าดาบติดต่อกันยังไม่ได้ มีเคล็ดวิชาดีขนาดนี้อยู่กับตัวแล้วแท้ๆ…”
ฟางผิงพูดประชดอกมา จนใจอยู่บ้าง
ตอนนี้จุดแข็งของเขาอยู่ที่ระเบิดปราณออกมาหลายครั้ง ไม่ใช่ครั้งเดียว น่าเสียดายจริงๆ นี่หมายความว่าเขาจะสิ้นเปลืองปราณและเวลาในการฆ่าศัตรูมากกว่าเดิม
“การฆ่าคนถึงจะเป็นช่วงที่เคล็ดวิชาต่อสู้ก้าวหน้าไวที่สุด พวกฉินเฟิ่งชิงสามารถฝึกเคล็ดวิชามาจนถึงกระบวนท่าชั้นยอด ทั้งยังเป็นกระบวนท่าชั้นยอดที่แข็งแกร่ง น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลงถ้ำมาหลายครั้ง”
“สงครามใหญ่ครั้งนี้ อย่างน้อยต้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ให้ฟันติดต่อกันห้าดาบให้ได้ ถึงเวลานั้นอย่างน้อยอานุภาพของกระบวนท่าชั้นยอดจะอยู่ที่สี่ร้อยแคลขึ้นไป”
“ทั้งต้องฝึกกระบวนท่าเดี่ยวเหมือนกัน ฟันติดต่อกันยังไงก็จำเป็นต้องหยุดพัก เจอคนที่อ่อนแอยังพอว่า แต่ยอดฝีมือสามารถขัดจังหวะการฟันของเราได้…”
ดาบคลั่งโลหิตมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดีคือรวบรวมพลังทำลาย ระเบิดพลังทบกัน
ข้อเสียก็ชัดเจน เจอกับยอดฝีมือที่มีไหวพริบ ปฏิกิริยาว่องไว ตอนที่ฟางผิงเริ่มฟันก็สามารถหลบหลีกหรือสกัดกั้นการฟันของเขาได้แล้ว เป็นแบบนี้ การโจมตีของฟางผิงจะบกพร่องลงไปทันที
“ฉันควรจะฝึกเคล็ดวิชาที่ระเบิดในกระบวนท่าเดียวอีก ดาบคลั่งโลหิตเป็นวิชาที่ฟันติดต่อกันเป็นหลัก ไม่ใช่วิชาที่ระเบิดอานุภาพเยอะในดาบเดียว”
วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียแล้ว ฟางผิงก็ร่างแผนไว้ในใจ
ในระดับเดียวกัน หากไม่พึ่งปราณ เขาไม่นับว่าไร้คู่ต่อสู้…
ถ้าต่อสู้กันจริงๆ ยอมสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินฟื้นฟูปราณอย่างรวดเร็ว ตอนนี้สิบอันดับแรกของขั้นสามคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางผิงแล้ว
“ขาดแคลนประสบการณ์รบ ทักษะ และกระบวนท่าอยู่บ้าง ในถ้ำใต้ดินถือเป็นสถานที่ที่เหมาะจะฝึกวิชาที่สุดแล้ว อันดับแรกต้องห้ามตายอยู่ที่นี่”
“ออกจากถ้ำครั้งนี้ ต้องทะลวงให้ถึงขั้นสามสูงสุด ฟันห้าดาบติดต่อกันได้ สามอันดับแรกของขั้นสาม พึ่งความสามารถฉันน่าจะพอขึ้นไปได้”
คำนวณอยู่ยกใหญ่ ฟางผิงลงจากเตียง สาวเท้าออกจากห้องพยาบาล
เพิ่งจะออกจากประตู ฟู่ชางติ่งก็เข้ามาอย่างรีบร้อน เห็นฟางผิงจึงเอ่ยทันที “มหาวิทยาลัยจัดประชุมขึ้น มีเรื่องจะประกาศ”
“อืม”
ฟางผิงสาวเท้าตามไปห้องประชุมพร้อมกับเขา
—
ห้องประชุม
ตอนนี้นอกจากพวกฟางผิง ยังมีคนอื่นๆ อีก
จู่ๆ ฟางผิงก็เห็นคนคุ้นหน้า…ฉินเฟิ่งชิง!
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไง!”
ฉินเฟิ่งชิงฟาดดาบไว้บนไหล่ เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “ไร้สาระ สงครามใหญ่กำลังจะเริ่ม ฉันต้องมาอยู่แล้ว รุ่นน้องฟาง ฉันจะขั้นสี่แล้ว ออกไปครั้งนี้ทะลวงได้แน่นอน ได้ยินว่านายอยู่ขั้นสามตอนปลาย แต่ฆ่าขั้นห้าได้ พวกเราลองวัดฝีมือกันวันไหนดีล่ะ?”
ฟางผิงแค่นเสียงว่า “ลองก็ลองสิ คิดว่าฉันกลัวนาย?”
ไอ้บ้านี่ ก่อนหน้านี้ถือดาบไปป้วนเปี้ยนแถวโซนนักศึกษาใหม่อยู่ตลอด ทำราวกับว่าจะมาฆ่าฟางผิง เขาจดจำหนี้แค้นนั้นไว้ตั้งนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นฉินเฟิ่งชิงยังติดหนี้เขาด้วย เหมือนจะสามล้านหรือเท่าไหร่นี่แหละ?
“เซี่ยเหล่ยไม่มา?”
“เขา?”
ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก “ไม่มา ได้ยินว่าหมอนั่นไปช่วยมหาวิทยาลัยเรื่องรับนักศึกษาใหม่ ว่างซะเหลือเกิน เวลาแบบนี้ควรจะลงมาถ้ำใต้ดินมากกว่า แต่ก็ดีเหมือนกัน เขาไม่มา พวกเราจะได้ฆ่าพวกเวรในถ้ำนั่นหลายๆ คนหน่อย!”
ฉินเฟิ่งชิงพูดอย่างไม่ยี่หระ เหมือนกับว่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำสามารถฆ่าได้ง่ายๆ งั้นแหละ
ฟางผิงไม่สนใจเขาอีก มองไปรอบๆ ครั้งนี้มหาวิทยาลัยส่งคนมาไม่น้อย ตอนนี้ขั้นสามมีคนมาเพิ่มกว่ายี่สิบคน รวมกับก่อนหน้านี้น่าจะมีขั้นสามเกือบสี่สิบคนแล้ว
ตอนนี้ปีสี่เรียนจบแล้ว นักศึกษาขั้นสามของเซี่ยงไฮ้ เกรงว่าจะมีประมาณหกสิบคน
ช่วงเวลาสั้นๆ ส่งมาถึงสองในสาม!
ฟางผิงหนักอึ้งในใจอยู่บ้าง ดูท่าสถานการณ์จะไม่ค่อยดีจริงๆ ไม่งั้นเซี่ยงไฮ้คงทำใจส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามลงมาถ้ำเยอะขนาดนี้ไม่ได้หรอก
นอกจากพวกนักศึกษา อาจารย์ก็มีจำนวนไม่น้อย
ฟางผิงเห็นหลัวอี้ชวน สวีเจี้ยนโจว และอาจารย์คุ้นหน้าอีกหลายคน…
ทั่วทั้งห้องประชุมมีเกือบสองร้อยคนเป็นอย่างต่ำ
ในระหว่างที่ทุกคนซุบซิบกันอยู่ พวกถังเฟิง หลู่เฟิ่งโหรวก็สาวเท้าเข้ามา
ถังเฟิงยังคงเหมือนเดิม เข้าประเด็นหลักทันที “อธิการอู๋และคณบดีติดภารกิจอื่น ต่อไปจะเป็นภารกิจของพวกเราเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองทั้งหมดขึ้นไปบนกำแพงเมือง ช่วยหน่วยทหารป้องกันเมืองความหวัง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ต่ำกว่าตอนปลายก็ให้เข้าร่วมฝ่ายป้องกัน…”
“อาจารย์!”
มีคนไม่ยินยอม อวี๋ซั่งหวาเอ่ยเสียงดังว่า “อาจารย์ ผมไม่อยากเข้าร่วมฝ่ายป้องกัน!”
ถังเฟิงกวาดสายตามองเขา เอ่ยอย่างเยือกเย็น “จะไปส่งหัวให้ศัตรู? เธอคิดว่าตัวเองอยู่ขั้นสามตอนปลาย? คิดว่าตัวเองจะสามารถต้านกระบวนท่าของขั้นสามตอนปลายได้?”
ไม่สนใจเขาอีก ถังเฟิงเอ่ยต่อว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายและสูงสุด มีความสามารถมองทะลุผ่านความมืด แน่นอนว่าพวกเธอคงมองได้ไม่ไกลมาก แต่ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางต่างมีภารกิจติดตัว…”
เขาพูดแบบนี้ออกมา ฟางผิงก็เดาถึงอะไรบางอย่างได้แล้ว
———————–