ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 254 ติดหนี้ยังต้องคืนงั้นเหรอ (1)
ตอนที่ 254 ติดหนี้ยังต้องคืนงั้นเหรอ (1)
ด้านนอกห้องประชุม
พวกนักศึกษาอย่างฟางผิง บางคนไปรักษาบาดแผล บางคนกลับไปฟื้นฟูปราณ ฉินเฟิ่งชิงกลับไม่ได้รีบร้อนออกไป
เห็นฟางผิงจมดิ่งในความคิด ฉินเฟิ่งชิงจึงแสยะยิ้มว่า “คิดอะไรอยู่?”
“เปล่า”
“ไม่อยากกลับไป?”
“ไม่รู้”
ฟางผิงส่ายหัว เพราะเขาไม่รู้จริงๆ
“ฉันกลัวว่าจะตายที่นี่ ทั้งกลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกครหาว่าเป็นคนขี้ขลาด ยังไงพวกเราก็ต้องสนเรื่องหน้าตาสักหน่อย ทั้งคิดว่าพวกอาจารย์อู๋ไปทำภารกิจกับพวกเรา ผลปรากฏว่าคนไม่กลับมา กระทั่งร่างยังชิงกลับมาไม่ได้ อย่างน้อยฉันควรรอศัตรูล่าถอยแล้วไปค้นหาสักหน่อย ยังคิดอีกว่าพวกนายยังไม่ไป ฉันไปแล้ว ยังไงฉันก็แข็งแกร่งกว่าพวกนาย ไม่ใช่ว่าความสามารถมากขึ้นความรับผิดชอบก็มากตามหรือไง? อีกอย่าง…”
ฟางผิงส่ายหัวเล็กน้อย “บางครั้งเหมือนรู้สึกว่าจิตใจของคนซับซ้อนจนกระทั่งตัวเองยังไม่เข้าใจ ฉันไม่อยากตายอยู่ที่นี่จริงๆ ฉันกลัวการตาย ฉันมีเรื่องอีกมากมายที่ยังไม่ได้ทำ ถ้าฉันตาย พ่อแม่คงจะเสียใจ น้องสาวฉันคงรับไม่ได้? แต่ตอนนี้มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางเต็มไปหมด ระดับสูงก็พบเห็นได้ไม่ยาก ฉันที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนหนึ่ง อยู่ที่นี่มีประโยชน์หรือไง? บางครั้งฉันยังคิดว่ารอกลายเป็นปรมาจารย์ ฉันค่อยมาใหม่ นั่นไม่ใช่ว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าเหรอ ฉันตายที่นี่ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว แต่ที่นายพูดก็ถูก ฉันไม่สู้ นายไม่สู้ รอกลายเป็นปรมาจารย์แล้วค่อยมา งั้นมนุษยชาติยังจะมีความหวังอยู่อีกเหรอ? นายว่า…ทำไมมนุษย์ถึงได้ซับซ้อนขนาดนี้!”
ฉินเฟิ่งชิงกลับไม่ใส่ใจ หัวเราะว่า “จะคิดยุ่งเหยิงอะไรขนาดนั้น อยากอยู่ก็อยู่ อยากไปก็ไป ไม่ใช่ว่านายไม่ได้ต่อสู้ ไม่ได้ฆ่าคนสักหน่อย ไปก็ได้ รั้งตัวอยู่ก็ดี ไม่มีใครว่าอะไร ส่วนพวกอาจารย์อู๋สละชีวิตไว้ที่นี่ ควรยกนิ้วให้แล้วพูดดังๆ ว่าชีวิตนี้เกิดมาไม่เสียเปล่า! นายรู้ได้ยังไงว่าพวกเขาจะเสียใจกับเรื่องนี้? ไม่ใช่ออกทำภารกิจครั้งแรกสักหน่อย ชั่ววินาทีที่ลงถ้ำ ใครจะไม่คิดเผื่อว่าตัวเองจะตายบ้าง คิดว่ามาเที่ยวนกชมเขา ต่อสู้สัตว์ประหลาดเพื่อเลื่อนขั้นจริงๆ หรือไง? แต่ก็เข้าใจได้ ครั้งแรกนี่นา ไม่เป็นไรหรอก รอหลังจากนี้เพื่อนนายตาย คนใกล้ตัวตาย…”
“ไสหัวไปไกลๆ!”
ฟางผิงด่าออกมา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “นายแช่งฉัน!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “แช่งนาย? ไม่ได้แช่งสักหน่อย ฉันแค่พูดความจริง ผู้ฝึกยุทธ์ในถ้ำใต้ดิน รอเวลาผ่านไปสักหน่อย พูดตามตรงใครจะไม่มีเพื่อนที่ตายบ้าง? พูดถึงฉันละกัน ตอนแรกมีเพื่อนสนิทหลายคน ผลเป็นยังไง ตอนออกทำภารกิจส่วนมากต้องแยกย้ายกัน คนไปไหนแล้วล่ะ? ตายกันหมด ครั้งแรกที่ฉันลงถ้ำ ตอนนั้นมีอีกทีมหนึ่งลงมาด้วยกัน หัวหน้าทีมอยู่สูงกว่าฉันหนึ่งขั้น หากตอนนี้ไม่ตายคงจะเรียนจบแล้ว เวลานั้นหมอนั่นทั้งด่าทั้งต่อยฉัน บอกว่าฉันโง่เหมือนหมู! แม่งเหอะ ตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าไม่ใช่ว่าหมอนี้สูงกว่าฉันอยู่หนึ่งขั้น ฉันคงฆ่าเขาตายไปแล้ว ปรากฏว่า…กลับถูกคนอื่นฆ่าจริงๆ”
“ก่อนที่เขาจะตายยังด่าฉันอยู่เลย แน่นอนว่าฉันก็ด่าเขาเหมือนกัน…จากนั้นแค่แวบเดียว เขาก็ตาย ตอนนั้นฉันอึ้งไปเหมือนกัน รับไม่ได้ ทั้งรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ หมอนั่น ฉันยังไม่ได้ฟันเขาเพื่อล้างแค้นเลย ทำไมถึงมาตาย…ยังไงก็เป็นตอนนั้น ฉันรับไม่ได้อย่างมาก อยากจะล้างแค้นให้เขา เดี๋ยวก็อยากฆ่าสิ่งมีชีวิตถ้ำให้หมดเกลี้ยง อีกสักพักก็คิดว่าไม่อยากลงมาถ้ำใต้ดินอีกแล้ว หลังจากนั้นเหรอ เริ่มคุ้นชินแล้ว สรุปคือชินแล้วก็จะดีเอง…”
ฟางผิงใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “นายกำลังปลอบใจฉัน?”
“เหอะ ฉันจะปลอบใจนายไปทำไมกัน!” ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงขึ้นจมูก “นายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อย ทั้งใช่ว่าไม่เคยฆ่าคนมาก่อน มีอะไรให้ปลอบใจกัน ต้องทำใจให้ได้ ฉันพูดกับนายไปมากขนาดนี้เพราะอยากจะบอกว่าชีวิตมนุษย์ เกิดตายเป็นเรื่องปกติ อย่าคิดมากมายขนาดนั้น อีกเดี๋ยวถ้านายตาย ฉันก็ไม่แปลกใจเหมือนกัน ดังนั้นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเราควรจะแบ่งอะไรให้เรียบร้อยก่อนเหรอ?”
ฟางผิงหน้าดำคล้ำจนดูน่ากลัว ฉินเฟิ่งชิงตบไหล่เขาแรงๆ เอ่ยด้วยแววตาอันตราย “นายคงไม่คิดจะฮุบไปคนเดียวหรอกนะ? ไอ้หนู อย่าทำเกินไป เจ้าหวังจินหยางนั่นยังไม่ทำเกินไปเหมือนนายด้วยซ้ำ!”
“ไสหัวไป!”
“อย่าพูดพล่าม แบ่งกันให้จบๆ ไป นายอยากไปก็ไป อยากอยู่ก็อยู่ อย่างมากนายตายแล้ว ถ้าฉันยังมีชีวิตอยู่ จะได้ไปฝากตัวกับพ่อแม่นาย นับว่าแสดงความรับผิดชอบต่อนาย น่าจะพอแล้วสินะ? หากนายแบ่งให้ฉันห้าสิบห้าสิบ ฉันจะแต่งงานกับน้องสาวนายก็ได้…”
“ไสหัวไปเลย!” ฟางผิงด่าด้วยใบหน้าดำคล้ำ แค่นเสียงว่า “ต่อให้นายตาย ฉันก็ไม่ตาย ฉันเคยคำนวณแล้ว ทุกครั้งที่ลงถ้ำใต้ดิน อัตราการตายของนายสูงถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นมีโอกาสสูงที่นายจะตายก่อน”
“เชอะ โอกาสยี่สิบเปอร์เซ็นต์นั้นของนายสูงกว่าฉันเถอะ เชื่อหรือเปล่า?”
“ไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็พนันกัน ถ้าฉันตายก่อนนาย ฉันจะให้นายพันล้าน…”
“นายตายแล้ว ฉันจะไปเอาเงินกับผีที่ไหนล่ะ?”
“จริงด้วย?” ฉินเฟิ่งชิงจมดิ่งในความคิด เอ่ยราวกับคิดอะไรอยู่ “คนตายไปแล้วก็เบี้ยวหนี้ได้ นึกไม่ถึงว่าฉันจะลืมเรื่องนี้ไป”
ทั้งสองคนพูดคำว่า ‘ตาย’ ออกมานับครั้งไม่ถ้วน ราวกับเป็นเรื่องปกติขึ้นมาแล้ว
ฟางผิงค่อยๆ ฟื้นฟูจิตใจเป็นปกติ เดินไปเอ่ยไปพลาง “นายอยากแบ่งของกับฉัน อาจจะได้กลับไปไม่เยอะเท่าตอนนี้?”
“หมายความว่าไง?”
“โง่ ฉันขี้เกียจจะคิดเล็กคิดน้อยกับนายเรื่องแบ่งของแล้ว นายเอาพลังงานหัวใจไปสามดวง มูลค่าเก้าร้อยคะแนนสินะ? ยึดตามที่นายบอกแบ่งกันสามสิบเจ็ดสิบ อย่างน้อยฉันต้องได้สองพันหนึ่งร้อยคะแนน นายคิดว่าชาวพื้นเมืองยาจกสามคน ไม่มีแม้แต่อาวุธติดมือ จะมีของที่ถึงสองพันหนึ่งร้อยคะแนนหรือไง?”
ฉินเฟิ่งชิงนิ่งไปเล็กน้อย งั้นเหรอ?
เฉลี่ยแล้วขั้นสี่หนึ่งคน เจ็ดร้อยคะแนนจะถึงหรือเปล่า?
เจ็ดร้อยคะแนน งั้นอย่างน้อยอีกฝ่ายต้องมีหินพลังงานฝึกวิชายี่สิบสามกรัมขึ้นไป…
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็นึกอะไรได้ เงยหน้ามองท้องฟ้า “ดวงอาทิตย์ใหญ่จริงๆ เลย ฟางผิง ไม่พูดกับนายแล้ว แยกตรงนี้เลยละกัน!”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนหมอนี่จะจากไปอย่างรวดเร็ว
ฟางผิงยืนอยู่ที่เดิม ตะโกนว่า “นายไม่แบ่งกับฉันเองนะ อย่ามาเสียดายทีหลังล่ะ…”
ครู่ต่อมา ฉินเฟิ่งชิงกลับมาที่เดิม เอ่ยด้วยสีหน้ายุ่งเหยิงว่า “ตกลงเท่าไหร่กันแน่? อีกอย่างสามสิบเจ็ดสิบนั่น ฉันแค่พูดเล่นออกมา นายคิดเป็นจริงเป็นจัง? นายคิดดู หากไม่ใช่ฉัน นายจะฆ่าขั้นสี่สามคนได้หรือไง?”
ฟางผิงขี้เกียจจะสนใจเขา หากไม่ใช่ฉัน นายก็ฆ่าขั้นสี่สามคนตายไม่ได้เหมือนกัน อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดดีกว่า
ไม่แกล้งเขาอีก ฟางผิงควักสินสงครามออกมาจากกระเป๋า หินพลังงานพื้นฐานเจ็ดก้อน มีทั้งใหญ่และเล็ก ส่วนหนึ่งฟางผิงคลำมาจากศพก่อนที่จะออกมา
ฉินเฟิ่งชิงหยิบมาวิเคราะห์พักหนึ่ง เอ่ยว่า “แลกได้ประมาณหนึ่งร้อยคะแนน”
ฟางผิงหยิบหินฝึกวิชาก้อนเล็กๆ อีกหลายก้อนออกมา ฉินเฟิ่งชิงเอามาดูอย่างตั้งอกตั้งใจ ประเมินราคาออกมาอย่างรวดเร็ว
“น่าจะประมาณสี่สิบกรัม หนึ่งพันสองร้อยคะแนน รวมกับหนึ่งร้อยคะแนนเมื่อกี้เป็นหนึ่งพันสามร้อยคะแนน…”
คำนวณมาถึงตรงนี้ ครู่ต่อมาฉินเฟิ่งชิงก็หายตัวไปแล้ว
“ไปซะแล้ว พวกเราจะแบ่งกันอย่างนี้ใช่ไหม พี่ฉิน ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น!”
ฟางผิงกลอกตามองบน ว่าแล้วนายต้องหนี ไม่เป็นไร จะคิดบัญชีไว้
“ยึดตามอัตราสามสิบเจ็ดสิบ อย่างน้อยฉันต้องได้หนึ่งพันห้าร้อยคะแนน นายติดหนี้ฉันสองร้อยคะแนน เป็นหกล้าน รวมกับสี่ล้านก่อนหน้านี้ ฉินเฟิ่งชิง สิบล้านแล้ว ครั้งนี้จำไว้ให้ดี!”
“นายว่าเท่าไหร่ก็เท่านั้นแหละ!”
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจแม้แต่น้อย ติดหนี้ยังต้องคืนงั้นเหรอ?
ล้อกันเล่นแล้ว!
คนตายหนี้ก็สูญไปแล้ว ไม่แน่ว่าวันไหนอาจจะตายจริงๆ ใครจะสนใจว่าฟางผิงพูดเท่าไหร่อีก ยังไงตอนฉันมีชีวิตอยู่ก็ไม่คืนอยู่แล้ว
อีกอย่าง…สี่ล้านนั่นตกลงมาจากไหนกัน?
ฉันไปยืมเงินฟางผิงตั้งแต่เมื่อไหร่?
เรื่องที่ติดหนี้จางอวี่นับล้านเขายังจำได้ แค่ไม่คิดจะคืนเท่านั้น หากจางอวี่กล้าจะเอาเงินล้านนั่น เขาก็กล้าจะต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับจางอวี่สักครั้ง สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ปันเงินส่วนหนึ่งให้ตัวเองเหมือนกัน ไอ้บ้าจางอวี่นั่นเหมือนจะไม่เคยให้เงินเดือนเขาด้วยซ้ำ!
แต่เงินหลายล้านของฟางผิงนั้น…ฉินเฟิ่งชิงครุ่นคิดอย่างหนัก ฉันไปยืมตอนไหนกัน?
—
ฉินเฟิ่งชิงไปแล้ว นับว่ายอมรับส่วนแบ่งเดิมไปโดยปริยาย
ของมาถึงมือแล้ว ระบบคำนวณค่าทรัพย์สิน ผลปรากฏว่าค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมาแค่ยี่สิบแปดล้านเท่านั้น
ก่อนดำเนินภารกิจ ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเหลือสี่สิบล้านต้นๆ เท่านั้น แต่หลังจากเพิ่มขึ้นยี่สิบแปดล้าน กลับเหลือเพียงสี่สิบห้าล้านกว่า
“สิ้นเปลืองเยอะเกินไปแล้ว!”
ฟางผิงส่ายหัวเล็กน้อย อย่ามองแค่ว่าทำสงครามเพียงสิบห้านาที แต่สิบห้านาทีนี้ฟางผิงแทบจะไม่ได้หยุดพัก ระเบิดปราณไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง ตั้งแต่เริ่มบุกก็ปะทุปราณจวบจนถึงช่วงสุดท้าย
นี่เทียบกับเขาฆ่าขั้นสี่สามคนด้วยตัวคนเดียวแล้ว ยังสิ้นเปลืองมากกว่า ฆ่าขั้นสี่ ไม่ใช่ว่าฟางผิงต้องระเบิดปราณอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะสถานการณ์ไม่ค่อยดี ถูกคนล้อมเยอะขนาดนั้น เขาจำเป็นต้องระเบิดกระบวนท่าใหญ่อยู่ตลอด
คำนวณดูแล้ว สิ้นเปลืองเกือบยี่สิบสามล้าน เท่ากับว่าตอนที่ฟางผิงต่อสู้ เพิ่มปราณถึงสองหมื่นสามพันแคล สิ้นเปลืองมากกว่าขั้นสามคนอื่นๆ รวมกันซะอีก
“แต่ถือว่าดีแล้ว ฉันสู้คนเดียว ผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนกับพวกเขาลงมือต่อสู้ทั้งหมด”
———————