ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 255 ฟุ่มเฟือยสักครั้ง (1)
ตอนที่ 255 ฟุ่มเฟือยสักครั้ง (1)
“ฟางผิง นายกลับมาสักที เก็บของซะสิ อาจารย์เจิ้งบอกให้พวกเราไปรวมตัวที่อุโมงค์ทางเดินทางนั้น…”
เห็นฟางผิงกลับมา ฟู่ชางติ่งจึงรายงานทันที
ฟางผิงไม่พูดอะไร เอนตัวลงบนเตียงจนเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด
รอคนอื่นๆ เก็บของเสร็จแล้ว เตรียมตัวจะออกจากห้อง เห็นฟางผิงยังเอนหลังอยู่บนเตียง ฟู่ชางติ่งจึงเอ่ยว่า “บาดเจ็บหนักเหรอ?”
“เปล่า บาดเจ็บแค่ภายนอก”
ฟางผิงส่ายหัว ถอนหายใจว่า “พวกนายไปกันก่อนเถอะ”
“แล้วนาย…”
“ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”
“งั้นรีบๆ หน่อยละกัน ฟางผิง อันที่จริงฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ฝีมือของพวกเราอ่อนด้อยเกินไปจริงๆ แค่กำแพงเมืองยังกระโดดข้ามไม่ได้…”
พวกเขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง เข้าร่วมสงครามใหญ่ กระโดดลงจากกำแพงเมืองก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
“อืม ฉันรู้แล้ว พวกนายไปก่อนเถอะ”
“นายรีบตามมาเร็วๆ ล่ะ”
—
รอทุกคนออกไปแล้ว ฟางผิงค่อยพึมพำว่า “ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลาย เทียบกับขั้นสามสูงสุดทั่วไปแล้วยังแข็งแกร่งมากกว่า ขั้นสี่อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันเสมอไป…พวกนายไปได้ แล้วฉันล่ะ?”
ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายนั้นเป็นคนละเรื่องเลย
“ถ้าฉันอยู่แค่ขั้นสอง คงตามออกไปแล้ว จะให้คนแก่หามโลงศพคนหนุ่ม ไม่ใช่สไตล์ของฉันเหมือนกัน”
ฟางผิงนอนอยู่บนเตียง จ้องมองเพดานเก่าๆ นั้นอย่างใจลอย
—
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ลานหน้าทางเดิน
เจิ้งหลงเจียงนับจำนวนคน ก่อนจะขมวดคิ้ว “ฟางผิงยังไม่กลับมา?”
“กลับมาแล้วครับ อยู่ที่หอพัก”
“แล้วทำไมไม่มาล่ะ? บอกหรือยังว่ามารวมตัวที่นี่?”
ฟู่ชางติ่งส่ายหัว ครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “เขา…เขาเหมือนจะไม่อยากกลับไป…”
“ไม่อยากกลับ?”
เจิ้งหลงเจียงตะลึงไปเล็กน้อย คนอย่างฟางผิงเนี่ยนะ?
จมดิ่งในความคิดสักพัก ก่อนเจิ้งหลงเจียงจะเอ่ยว่า “พวกเธอรออยู่ที่นี่ก่อน!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินไปทางหอพัก
—
ในหอพัก
หลู่เฟิ่งโหรวยืนมองฟางผิงที่นอนอยู่บนเตียง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ทำไมไม่ไป?”
“ไม่มีเงิน”
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้ว
ฟางผิงถอนหายใจ “เสี่ยงกันสักตั้ง ไม่งั้นทะลวงขั้นสี่คงหมดตัวแล้ว อยู่บนโลกคิดจะทะลวงขั้นสี่ ง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน ฉวยโอกาสที่ตอนนี้มีสงครามกอบโกยผลประโยชน์ดีกว่า”
“จะตายเอานะ”
“ติดอยู่ขั้นสาม ไม่ช้าก็เร็วคงตายเหมือนกัน ไม่งั้นอาจารย์ให้เงินผมสักพันล้าน หรือยกสมบัติให้ผมสืบทอด ผมจะออกไปช่วยดูแลกิจการของคุณเลย…”
“นี่เธอกำลังแช่งให้ฉันตาย?”
ฟางผิงทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ส่ายหัวว่า “อาจารย์ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ดูคุณพูดสิ ผมแค่จะช่วยดูแลกิจการของคุณ คุณคิดไปถึงไหนกัน คุณทะลวงเป็นปรมาจารย์อย่างสบายใจเถอะ อย่ามากังวลเรื่องยิบย่อยพวกนี้เลย…”
“แล้วแต่เธอ ดูแลตัวเองด้วย”
ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนหลู่เฟิ่งโหรวจะหมุนตัวออกไป เธอไปได้ไม่นาน เจิ้งหลงเจียงก็เข้ามา ฟางผิงเห็นจึงเอ่ยว่า “อาจารย์บอกให้ผมอยู่ฝึกที่นี่ต่อ ทะลวงขั้นสี่เพื่อเตรียมกุมอำนาจในมหาวิทยาลัย!”
เจิ้งหลงเจียงชะงักฝีเท้าลง ผ่านไปพักใหญ่มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย “งั้นเธอคงต้องรอพวกเราทั้งหมดตายก่อน!”
ฟางผิงขำแห้ง “ได้ไงล่ะครับ ตายกันหมด เซี่ยงไฮ้ก็ไม่เหลืออะไรเลยน่ะสิ งั้นผมจะต้องกุมอำนาจไปทำไมอีก”
“ไอ้หนู…งั้นระวังตัวด้วยละกัน”
เจิ้งหลงเจียงไม่ได้เกลี้ยกล่อมอะไร เมื่อกี้เขาเพิ่งเห็นหลู่เฟิ่งโหรวเดินออกมาเช่นกัน
—
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟางผิงนั่งกัดเนื้อสุกๆ ดิบๆ อยู่ที่โรงอาหาร ก่อนจะสาวเท้าออกมา
ตอนนี้ในเมืองความหวังเต็มไปด้วยทหารทุกหนทุกแห่ง
ผู้ฝึกยุทธ์ก็ชุลมุนวุ่นวายเช่นกัน บางคนไปประตูเหนือ บางคนไปประตูตะวันออก…
เหนือเมืองความหวังมียอดฝีมือลอยอยู่บนนั้น ตะโกนว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ใช่ทหาร ระดับกลางไปรายงานตัวที่กองการรบเพื่อจัดสรรภารกิจ! ผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างไปรายงานตัวที่แต่ละประตูเมือง!”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะไปยังประตูเหนือ
ตอนนี้ทางประตูเหนือมีคนเยอะจนวุ่นวายไปหมด ประตูเมืองทั้งสองฝั่งมีทหารตะโกนเสียงดัง “เข้าแถว รอแจกแจงภารกิจ!”
ผู้ฝึกยุทธ์เคลื่อนไหวค่อนข้างรวดเร็ว ฟางผิงไปเข้าแถวฝั่งหนึ่ง ไม่นานก็ถึงคิวของเขา
“มีบัตรผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?”
“มีครับ”
ฟางผิงส่งบัตรผู้ฝึกยุทธ์ให้ อีกฝ่ายมองแวบหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “ขั้นสามระดับไหน…เอ๋ ฟางผิง…เหมือนจะคุ้นๆ…”
ทหารที่รับหน้าที่แจกแจงภารกิจพึมพำเบาๆ แต่เพราะมีคนเยอะ จึงไม่ได้คิดนาน เอ่ยว่า “ขั้นสามระดับไหน?”
“ตอนปลาย”
“งั้นนายไปเข้าร่วมฝ่ายป้องกันทางประตูตะวันออก…”
“ไม่ทำสงครามในป่า?”
“ตอนนี้มีแค่ระดับกลางที่ทำสงครามนอกเมืองได้ ไปเถอะ จะเสียเวลาเปล่า”
ฟางผิงไม่ถามอีก สาวเท้าไปทางประตูตะวันออกทันที
—
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง ฟางผิงถูกจัดการให้ไปอยู่กำแพงเมืองทางตะวันออก
ไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ที่นี่ยังมีอีกกว่าสิบคน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทั้งสิ้น ผู้นำทีมนั้นเป็นนายทหารคนหนึ่ง เห็นว่ามีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกอง ฝีมืออยู่ที่ขั้นสามสูงสุด
เมื่อได้จัดสรรกำลังคนมาถึงมือ เจ้าหน้าที่ทหารก็พาพวกเขาขึ้นมาข้างหน้า
รอจนเดินมาถึงสถานที่คล้ายกับป้อมปืนใหญ่แล้ว นับเป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเห็นอาวุธที่ใช้ป้องกันเมืองความหวัง
นั่นคือหน้าไม้ที่ทำจากโลหะผสมขนาดใหญ่ ผู้บัญชาการกองที่นำทีมตะโกนว่า “ทุกคน ภารกิจของพวกเรามีเพียงอย่างเดียว เฝ้าหน้าไม้ตัวนี้ แนบปราณติดไปกับลูกธนู! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม แม้จะไม่สามารถนำปราณออกห่างจากร่างกาย แต่แนบปราณติดไปกับอาวุธ สามารถทำได้อยู่แล้ว พวกนายเวียนกันแนบปราณติดกับอาวุธ ส่วนฉันจะเป็นคนยิงฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มาทางอากาศ!”
ฟางผิงได้ยินจึงรีบเอ่ยว่า “ทำได้ด้วยเหรอครับ? ปกติผู้ฝึกยุทธ์ที่ลอยในอากาศจะอยู่ขั้นห้า สามารถยิงขั้นห้าตายได้?”
“ได้ แน่นอนว่ามีโอกาสต่ำ แต่ยิงขั้นสี่ตายได้อยู่แล้ว อันดับแรกต้องมีปราณเพียงพอ พวกเราเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามทั้งหมด คนเดียวมีฝีมือจำกัดอยู่บ้าง แต่ขั้นสามสิบคนแบ่งเป็นสองฝั่ง แนบปราณติดไปกับลูกธนู ห้าคนรวมพลังกัน สามารถยิงตายได้อยู่แล้ว”
ฟางผิงหันไปมองรอบๆ เห็นบนกำแพงเมืองมีหน้าไม้ติดตั้งอยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตร
นอกจากหน้าไม้ ยังมีอาวุธเหมือนเครื่องปล่อยจรวดอยู่…
“นั่นคืออะไรเหรอครับ?”
“ปืนพลังงาน!”
ผู้บัญชาการกองเห็นเขามองจึงอธิบายว่า “หินพลังงานสามารถระเบิดได้ แต่อย่าคาดหวังกับมันมากจะดีกว่า”
ผู้บัญชาการกองยิ้มเจื่อน “สิ้นเปลืองเกินไป พวกเราทำสงครามแบบนี้ไม่ไหวหรอก ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าหินพลังงานมูลค่าสูงขนาดนั้น หากยิงออกไป นั่นหมายความว่าเสียไปหลายล้าน นอกจากจะถึงช่วงเวลาสำคัญจริงๆ ไม่งั้นต่อสู้สิ้นเปลืองแบบนี้ ประเทศจีนรับไม่ไหวหรอก! ทั้งผู้ฝึกยุทธ์ทางพื้นดินยังต้องระวังยอดฝีมืออีกฝ่ายรับกระสุนปืนใหญ่โยนกลับมา อานุภาพแรงระเบิดไม่ใช่น้อยๆ หน้าไม้จะใช้การได้ดีกว่า”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย ในทีมมีคนหัวเราะเบาๆ “น้องชายเพิ่งเห็นเรื่องพวกนี้เป็นครั้งแรก?”
“อืม”
“งั้นรอศัตรูมา พวกเราจะทำให้นายได้เปิดหูเปิดตาเองว่าขั้นสามฆ่าขั้นสี่ยังไง เมืองเทียนเหมินคิดว่าจะเอาชนะเมืองความหวังได้จริงๆ หรือไง? เทียบเรื่องยอดฝีมือ กำลังพวกเราไม่พอ อาจไม่ได้เปรียบเสมอไป แต่เรื่องอาวุธ พวกเราแข็งแกร่งกว่าพวกเขา…”
ผู้บัญชาการกองหัวเราะ “พวกเรามีโอกาสที่จะเผชิญหน้ากับทหารตงขุยมากกว่า”
ระหว่างที่พูด ผู้บัญชาการกองเอ่ยต่อว่า “ครั้งนี้เป้าหมายของหน่วยทหารคือทำลายกองทัพของอีกฝ่าย สร้างความหวาดกลัวให้กับเมืองตงขุย ให้พวกเขารู้ว่าการจู่โจมเมืองความหวังเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของพวกเขา จู่โจมโดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไร! ตอนนี้อีกฝ่ายยังอยู่ห่างจากพวกเราหกสิบลี้ อย่างเร็วที่สุดคือบ่ายวันนี้ ช้าสุดคือพรุ่งนี้ อีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่ พวกเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม แม้จะไม่สามารถเข้าร่วมสงครามของยอดฝีมือได้ แต่ไม่อาจขายหน้ามวลมนุษยชาติได้เช่นกัน…”
ฟางผิงพยักหน้าอย่างใจลอย สถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามไม่อาจร่วมสงครามนอกเมืองได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สบายๆ เหมือนที่ผู้บัญชาการกองพูดขนาดนั้น
———————-