ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 256-2 อยากกลับไปดูอีกสักครั้งจังเลยนะ (2)
ตอนที่ 256 อยากกลับไปดูอีกสักครั้งจังเลยนะ (2)
‘ตู้ม!’
เสียงดังขึ้นจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ฟางผิงและผู้ฝึกยุทธ์เมืองตงขุยที่กำลังต่อสู้กันต่างพากันตกตะลึงไปครู่หนึ่ง คลื่นพลังงานอันแกร่งกล้าที่สัมผัสได้ก่อนหน้านี้กำลังสูญสลายไป
ราวกับรู้ว่าคืออะไร ผู้ฝึกยุทธ์เมืองตงขุยหน้าเปลี่ยนสีทันที
ฟางผิงก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน คลื่นพลังงานหายไปแล้ว!
นี่หมายความว่าอะไร?
แม้จะไม่ใช่ปรมาจารย์ เขาก็รู้เช่นกัน หากอีกฝ่ายไม่ได้กักเก็บพลังงานทั้งหมดไว้ ก็อาจจะ…ตายในสงคราม!
แต่ในสงครามใหญ่ ใครจะเก็บพลังงานของตัวเองกัน รอคอยความตายรึไง?
“อธิการ…”
ฟางผิงกัดฟัน ไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว คำรามออกมาเสียงดัง ก่อนจะตวัดดาบอย่างว่องไว ฟันออกไปห้าครั้งติดกัน!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่อยู่ตรงข้ามถูกฟันตายในชั่วพริบตา!
ในที่สุดดาบหลั่งโลหิตก็ฟันติดต่อกันห้าครั้งสำเร็จ
ฟางผิงกลับไม่ดีใจแม้แต่น้อย ครู่ต่อมาเสียงของสวี่โม่ฟู่ก็แพร่กระจายออกมาจากประตูทางเหนือ
“ออกไปฆ่านอกเมือง!”
ก่อนหน้านี้ภายในเมืองยังสำรองกำลังคนไว้จำนวนหนึ่ง เวลานี้จู่ๆ ประตูเมืองกลับเปิดออก ทหารม้าสวมชุดเกราะพุ่งออกมาอยู่แนวหน้าทันที ด้านหลังมีทหารทั่วไปและทหารผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนวิ่งออกจากประตูเมือง เริ่มจู่โจมกองทัพที่โอบล้อมเมือง!
ผู้บัญชาการทหารของเมืองความหวังไม่ใช่ปรมาจารย์ แต่ในเมืองถ้ำใต้ดิน ระดับสูงก็เป็นผู้บัญชาการทหารของกองทัพแล้ว!
ตอนที่ยอดฝีมือบางส่วนสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานที่หายไป แม่ทัพทหารเมืองเทียนเหมินและตงขุยก็พากันหน้าเปลี่ยนสี รีบตะโกนอย่างบ้าคลั่งเป็นสัญญาณให้ถอนตัวออกไป!
—
ประตูตะวันออก
ตอนที่เสียงของสวี่โม่ฟู่ดังขึ้น ฟางผิงก็กระโดดลงจากประตูเมือง เริ่มไล่ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองตงขุย!
ภายใต้การระเบิดปราณห้าดาบติดกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แทบจะตายในดาบเดียว
ท่ามกลางฝูงชนที่ต่อสู้กันอยู่ ฟางผิงเห็นฉินเฟิ่งชิงอย่างเลือนราง ทั่วร่างเขาเต็มไปด้วยเลือด ตะโกนร้องอย่างโมโห!
อธิการเฒ่าของเซี่ยงไฮ้ อันที่จริงฟางผิงไม่ได้คุ้นเคยเท่าไหร่ ทั้งยังเจอแค่ไม่กี่ครั้ง
แต่ฉินเฟิ่งชิงเคยเจอมาหลายครั้งแล้ว!
ตอนที่สัมผัสได้ว่าคลื่นพลังงานแข็งแกร่งนั้นสูญสลายไป ฉินเฟิ่งชิงก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ปรมาจารย์ที่เข้าร่วมสงครามบางส่วนตายแล้ว!
“ตายซะ!”
ทางตะวันออก ฉากต่อสู้ยังไม่นับว่ารุนแรงมาก
ประตูเหนือ ทหารม้าบุกตะลุยข้าศึก ทำลายขบวนรบของทหารเทียนเหมิน ตอนนี้ไม่มียอดฝีมือระดับสูงมาสนับสนุนอีกแล้ว ยอดฝีมือระดับกลางก็ถูกจำกัดอยู่ที่ไกลๆ มีแต่ทหารทั่วไปและผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างที่ถูกกองกำลังของมนุษย์กวาดล้าง
—
ยอดฝีมือระดับสูงตายในสงครามจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน
เมืองตงขุยและเมืองเทียนเหมินค่อยๆ ล่าถอยออกไป ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางจำนวนมากกลับไปยังค่ายทหาร เริ่มคุ้มกันทัพทหารล่าถอยออกไป
จากที่ไกลๆ มีคลื่นพลังงานเข้มข้นแผ่กระจายออกมา เข้มข้นจนถึงขั้นที่ทุกคนรับรู้ได้ถึงความกดดัน!
ยอดฝีมือขั้นเก้ากำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง!
ทางเมืองเทียนเหมิน ฟางผิงกระทั่งสัมผัสได้ถึงคลื่นความเคียดแค้นที่บ้าคลั่งจนถึงขีดจำกัด นั่นมาจากเจ้าเมืองเทียนเหมิน!
เสียงดังกึกก้องกระจายมาในอากาศไม่ขาดสาย
ยอดฝีมือของมนุษย์กำลังต่อสู้อยู่เช่นกัน ขัดขวางศัตรูไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายช่วยเหลือคนกลับไปได้
—
ไล่ฆ่ามาเกือบชั่วโมง
ฟางผิงจำไม่ได้ว่าตัวเองฆ่าไปกี่คน มีทั้งคนทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม ขั้นสี่ ถึงกระทั่งพบเจอกับขั้นห้า แต่ถูกขั้นห้าของฝ่ายตัวเองช่วยสกัดไว้เช่นกัน
ตอนที่ไล่ตามออกไปนอกเมืองยี่สิบลี้ ก็มียอดฝีมือลอยกลางอากาศตะโกนว่า “เก็บกวาดสนามรบแล้วรีบกลับเมือง!”
พวกทหารเริ่มพากันเก็บกวาดสนามรบ เคลื่อนย้ายร่างของเพื่อนพ้อง พวกผู้ฝึกยุทธ์ป้องกันอยู่รอบนอก ไม่ให้ใครมาแย่งคนไป
“ฉินเฟิ่งชิง…”
ฟางผิงหอบหายใจ เจอเข้ากับฉินเฟิ่งชิงที่เลือดไหลจากหน้าอกไม่หยุด
ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้พูดอะไร
“เมื่อกี้…”
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงหันไปมองฟางผิง เอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “นายไม่ได้ไป?”
“อืม”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ถามออกไปอีกครั้ง “เมื่อกี้…”
“ไม่รู้”
ฉินเฟิ่งชิงตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะไม่สนใจฟางผิงอีก
ฟางผิงไม่ถามอีกเช่นกัน รอผ่านไปสักพัก กองทัพก็เริ่มล่าถอยกลับไป บนพื้นดินเหลือแต่ร่างของศัตรูเต็มไปหมด
—
ฆ่ามากว่าหนึ่งชั่วโมง แต่กลับเข้าเมืองใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว
หน้าประตูเมืองกลับมีแสงไฟ โคมพลังงานขนาดใหญ่สาดส่องเมืองความหวังจนสว่างไสวขึ้นมา
—
พวกฟางผิงที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ทหารต่างได้รับคำสั่งให้กลับไปพัก ผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารปฏิบัติหน้าที่ต่อ
ฟางผิงไม่ได้กลับหอพัก ตอนนี้ทางนั้นไม่มีคน เขาเดินตามฉินเฟิ่งชิงไป พลางเอ่ยว่า“ทำแผลสักหน่อยไหม?”
“อยากให้ฉันรำคาญหรือไง!”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าซีดเซียว ตะโกนอย่างหงุดหงิด ฟางผิงเงียบไปอีกครั้ง
รอกลับถึงที่พักของฉินเฟิ่งชิง ตอนนี้มีนักศึกษาหลายคนกลับมาแล้ว
ส่วนคนที่ไม่กลับมา นั่นหมายความว่ากลับมาไม่ได้อีกแล้ว
ตอนนี้ทุกคนต่างสบสายตากัน ไม่มีใครพูดอะไร หาที่นั่งพักผ่อน ก่อนจะพากันจมดิ่งในความเงียบ
—
บนกำแพงเมืองประตูเหนือ
ผู้บัญชาการอู๋ที่หน้าเหลี่ยม ร่วงลงมาจากฟ้าอย่างซวนเซอยู่บ้าง
สวี่โม่ฟู่ที่ยืนอยู่ที่เดิมมาโดยตลอด ละล่ำละลักเอ่ยว่า “ผู้บัญชาการอู๋ พวกผู้อาวุโสล่ะ?”
ชายหน้าเหลี่ยมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไปทำธุระของคุณเถอะ แม้ว่าเมืองตงขุยจะถอยทัพแล้ว แต่เมืองเทียนเหมินอาจไม่เลิกรา สงครามครั้งนี้ฆ่าอีกฝ่ายได้เจ็ดคน ทำลายระดับสูงไปครึ่งหนึ่ง เทียนเหมินไม่ยอมจบง่ายๆ แน่!”
สวี่โม่ฟู่กัดฟันว่า “งั้นก็ทำลายพวกเขาให้ราบคาบไปเลย!”
“ไม่ได้ ฉันสัมผัสได้ว่ายอดฝีมือจากสิบเอ็ดเมืองกำลังแสดงพลังออกมากดดัน!”
“พวกสารเลว!”
สวี่โม่ฟู่ด่าออกมาอย่างโมโห ชายหน้าเหลี่ยมไม่สนใจเขา หันไปมองทุกคนที่บนกำแพง ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ถือว่าสมใจหวังแล้ว ชั่วชีวิตนี้ของพวกอาจารย์ สิ่งที่เสียดายที่สุดคือไม่สามารถกำราบถ้ำใต้ดินได้…ทุกคน มาพยายามด้วยกันเถอะ!”
จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวก็แค่นหัวเราะ หมุนตัวออกไป เอ่ยด้วยเสียงปนร้องไห้ “ตาเฒ่าตายไปก็ดี เขามีชีวิตอยู่ก็เอาแต่จ้ำจี้จ้ำไชฉัน คิดให้ได้หน่อยงั้นเหรอ แต่เขาเองยังคิดไม่ได้เลย มีสิทธิ์อะไรมาพร่ำใส่ฉัน ตายในถ้ำใต้ดิน ไม่เหลือแม้แต่ร่าง จะเป็นยอดฝีมือร่างทองไปเพื่ออะไรกัน!”
“ขั้นแปดแล้วยังไง ขั้นเก้าแล้วยังไง…จะตายก็ตายเหมือนกัน!”
คล้อยเสียงที่ห่างไกลออกไป ทุกคนต่างอยู่ในความเงียบงัน
—
“เก็บของกันซะ ต้องกลับไปแล้ว”
กลางดึก ถังเฟิงที่หน้าขาวซีดราวกับกระดาษ สาวเท้าเข้ามาในห้อง เห็นฟางผิงก็ไม่ได้พูดอะไร
จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงกลับกระโดดขึ้นมา กัดฟันว่า “อธิการตายแล้ว?”
“อืม”
“สารเลว!” ฉินเฟิ่งชิงทุบกำปั้นกับกำแพง ตะโกนว่า “ทำไมต้องให้พวกอธิการเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วย? ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าตายกันหมดแล้วหรือไง?”
“หุบปาก!”
“ผมรับไม่ได้! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้ากว่าสามสิบคน? ตายกันหมดแล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างโมโห “อธิการร่างกายไม่แข็งแรงตั้งนานแล้ว ถือสิทธิ์อะไรให้อธิการทำสงคราม!”
ถังเฟิงเผยสีหน้าเยือกเย็น เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ถ้าเธอยังพูดเหลวไหลอีก ฉันจะฝังเธอไว้ที่นี่!”
ฉินเฟิ่งชิงถลึงตามองเขาอย่างขุ่นเคือง จู่ๆ น้ำตากลับพรั่งพรูออกมา ก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก
ทุกคนต่างจมอยู่ในความเงียบ ผ่านไปสักพัก ถังเฟิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เก็บของกลับไป”
“ฉันจะพูดอีกครั้ง เก็บของแล้วกลับไป!”
เห็นทุกคนไม่ขยับ ถังเฟิงคำรามอย่างโมโห เตะเตียงที่อยู่ด้านหน้าจนพังลงไป
ในกลุ่มมีคนเริ่มลุกขึ้นเก็บข้าวของ ฟางผิงพกเสื้อผ้าไม่กี่ตัวมาถ้ำเท่านั้น ตอนนี้ทิ้งไว้ ไม่มีใจจะเก็บแล้ว
รอทุกคนเก็บของเสร็จแล้ว ถังเฟิงจึงพาพวกเขาเดินออกไปข้างนอก ฉินเฟิ่งชิงตามมาอย่างเงียบๆ เช่นกัน
ฟางผิงหันไปมองเขา เอ่ยว่า “พวกคุณล่ะ?”
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องกังวล!” ถังเฟิงตำหนิ ก่อนจะขมวดคิ้วว่า “เข้าไป!”
ทุกคนทยอยเข้าไปในห้องโลหะผสม ฟางผิงหันไปมองถังเฟิงแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก สาวเท้าเข้าไปในอุโมงค์ทางเดิน ก่อนจะหายไปในกระแสน้ำวน
———————-