ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 260 เส้นทางสู่ความเหนือกว่า (1)
ตอนที่ 260 เส้นทางสู่ความเหนือกว่า (1)
ระหว่างที่ฟางผิงไปขอคำชี้แนะการฝึกหมัดจินกังจากตาเฒ่าหลี่ ในเวลาเดียวกันการจัดอันดับพลังต่อสู้ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
วันที่ 1 กรกฏาคม การจัดอันดับใหม่
ระยะห่างจากครั้งที่แล้วแค่เดือนเดียวเท่านั้น ทว่าการจัดอันดับกลับมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก
การจัดอันดับพลังต่อสู้ของขั้นสาม ฟางผิงอาศัยความเร็วก้าวผ่านขึ้นมาในอันดับต้นๆ
“หลิงอีอี นักศึกษาปีสองมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง อายุยี่สิบปี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด
การจัดอันดับ : อันดับหนึ่ง
ผลการรบสูงสุด : ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดด้วยตัวคนเดียว สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายได้หนึ่งคน”
“ฉินเฟิ่งชิง นักศึกษาปีสามมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อายุยี่สิบเอ็ดปี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด
การจัดอันดับ : อันดับสอง
ผลการรบสูงสุด :บุกฝ่าทัพทหารสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายหนึ่งคน”
“ฟางผิง นักศึกษาปีหนึ่งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อายุสิบเก้าปี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนกลาง
การจัดอันดับ : อันดับสาม
ผลการรบสูงสุด : หนีรอดจากยอดฝีมือขั้นหก วางแผนสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ฆ่าขั้นสี่ตอนกลางหนึ่งคน ขั้นสี่ตอนต้นอีกนับไม่ถ้วน”
หากดูจากผลการรบสามอันดับแรก อันที่จริงฟางผิงนั้นแข็งแกร่งที่สุด เคยสังหารขั้นห้า แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดของเขาเอง ตอนหลังเขาบอกว่าฆ่าด้วยการวางแผน ทุกคนจึงยอมรับโดยปริยาย
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่ฟางผิงฆ่า ส่วนมากแทบจะอยู่ในขั้นสี่ตอนต้นทั้งหมด มีแค่ตอนกลางเพียงคนเดียวที่เขาฆ่าตามลำพัง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระหว่างทำภารกิจคนนั้น
ส่วนหลิงอีอีจากปักกิ่งต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดด้วยตัวคนเดียว นั่นหมายถึงปะทะกันจริงๆ ไม่ได้วิ่งหนีเหมือนฟางผิง
ฉินเฟิ่งชิง ครั้งนี้ประจำการณ์อยู่ที่ประตูเมือง ท้ายที่สุดระเบิดพลังสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางคนหนึ่งตามลำพัง
ส่วนเรื่องที่ว่าฉินเฟิ่งชิงและหลิงอีอีใครแข็งแกร่งมากกว่ากัน อันดับหนึ่งและอันดับสอง อันที่จริงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสิน แต่หลิงอีอีอยู่ปีสอง ฉินเฟิ่งชิงอยู่ปีสาม ทั้งยังอายุมากกว่าเธอหนึ่งปี ดังนั้นจึงถูกจัดอยู่ในอันดับที่สอง
ส่วนพวกคนที่เคยอยู่อันดับก่อนหน้านี้ หากไม่ทะลวงเข้าขั้นสี่ก็เรียนจบไปแล้วเลยไม่อยู่ในอันดับอีก
ฟางผิงทะลวงผ่านเข้าสู่สามอันดับแรกได้ ถือว่าเร็วจนน่าตกใจเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยจากเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ถูกจัดในอันดับที่สิบแปด ห่างจากฟางผิงอยู่ช่วงหนึ่ง
นอกจากนี้เหลียงเฟิงหวาก็อยู่ในการจัดอันดับเช่นกัน ถูกจัดในอันดับที่สิบสอง เย่ฉิงถูกจัดในอันดับที่สี่สิบสี่
นี่คือการจัดอันดับพลังต่อสู้ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
ฟางผิงที่มาหาตาเฒ่าหลี่ กำลังมองการจัดอันดับโดยรวมของขั้นสามเช่นกัน
—
“เธออยู่อันดับที่เก้า”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “ผลการรบของผมดีที่สุดแล้ว ขั้นหกยังฆ่าผมไม่ได้เลย…”
“เธอมั่นใจ? ฉันได้ยินว่าถ้าไม่ได้ถังเฟิง เธอคงถูกฆ่าไปแล้ว”
ฟางผิงยิ้มเจื่อนๆ “ผมก็เคยฆ่าขั้นห้ามาอยู่ดี…”
ตาเฒ่าหลี่ใช้แววตามองเขาอย่างแปลกๆ ราวกับกำลังพูดว่านายลองพูดอีกครั้งสิ!
ฟางผิงไม่ใส่ใจ เอ่ยต่อว่า “ผมฆ่าขั้นห้ามาจริงๆ!”
“แต่เธอก็เกือบถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางฆ่า!”
“เหลวไหล ตอนหลังก็ถูกผมฆ่าเหมือนกันนั่นแหละ”
ฟางผิงแก้ต่าง ก่อนจะเอ่ยว่า “การจัดอันดับขั้นสามของหน่วยทหารมีคนอยู่ก่อนหน้าผมถึงสามคน รวมกับของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อีกสองคน นึกไม่ถึงว่ายังจะมีผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักอีกสองคน ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมหนึ่งคน นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ตาเฒ่าหลี่แค่นหัวเราะ “เรื่องปกติ คนของสำนักก็อยู่ในถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมเข้าไปทำสงครามกับถ้ำใต้ดินเหมือนกัน พวกเธอแข็งแกร่งขึ้นได้ ทำไมพวกเขาจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ?”
“นี่ก็ถูก”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นคนที่ผมควรจะท้าประลองคือพวกเขา?”
“เริ่มตั้งแต่สิบหรือยี่สิบอันดับแรกล้วนเหมือนกัน ทุกคนไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่”
ระหว่างที่พูด ตาเฒ่าหลี่เอ่ยต่อว่า “เธอไม่มีความได้เปรียบเรื่องปราณ น่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา”
“ไม่แน่เสมอไป พวกเขาอายุเยอะกว่าผมแค่ไม่กี่ปี ผมอาจฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ได้ไม่ลึกล้ำพอ แต่พวกเขาก็อาจไม่ได้ลึกล้ำไปกว่าผมเท่าไหร่เหมือนกัน…”
“เธอเอาชนะฉินเฟิ่งชิงได้?”
“เขาใกล้จะทะลวงขั้นสี่…” ระหว่างที่ฟางผิงพูด จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “วันนี้ฉินเฟิ่งชิงไม่ได้ปรากฏตัว ปกติเขาเป็นคนที่ชอบความครึกครื้น ครั้งนี้อธิการ…”
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก พ่อของฉินเฟิ่งชิงอันที่จริงเป็นลูกศิษย์ของอธิการ ศิษย์น้องของฉัน แต่รบจนตัวตายในถ้ำใต้ดิน พ่อของเขาเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น อธิการให้ความสำคัญอย่างมาก หลังจากตายในสนามรบ อธิการก็เสียใจไม่น้อย หลังจากฉินเฟิ่งชิงเข้าเรียนในเซี่ยงไฮ้ แม้ว่าอาจารย์ของเขาจะเป็นคนอื่น แต่อธิการก็ดูแลปฏิบัติต่อเขาดีเป็นพิเศษ สั่งสอนเคล็ดวิชาบางอย่างที่เคยสอนให้พ่อของเขาในเวลานั้น ว่ากันตามตรง นอกจากอธิการจะเป็นอาจารย์ของพ่อเขาแล้ว ยังถือเป็นอาจารย์ของเขาด้วย…”
“อย่างนี้นี่เอง”
ฟางผิงเข้าใจทันที ไม่น่าล่ะหลังจากรู้ว่าอธิการตาย ฉินเฟิ่งชิงก็มีโทสะอย่างยิ่ง
ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจอีกครั้ง ส่ายหัวว่า “หวังว่าเด็กนั่นจะเดินออกมาจากหลุมนี้ได้ แต่ฉันเชื่อว่าไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร ฉินเฟิ่งชิงคนนี้พบเจอกับความล้มเหลว ขอแค่ยิ่งสู้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ตอนแรกหลังจากถูกหวังจินหยางเอาชนะก็พยายามอย่างหนักจนกลายเป็นนักศึกษาแนวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในขั้นสามอันที่จริงเขาบ่มเพาะจนถึงขีดจำกัดแล้ว ครั้งนี้สังหารขั้นสี่ตอนปลาย ถือเป็นการพิสูจน์ทั้งหมดแล้ว หากไม่เหนือความคาดหมาย เขาน่าจะเลือกทะลวงด่าน ส่วนบ่มเพาะจนถึงขั้นไร้คู่ต่อสู้ เขาสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายก็นับว่าเกือบทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว”
“งั้นคนก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่เป็นเหมือนกันหมดเหรอครับ?”
“ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่เพียงพอให้ใช้วัดพลังต่อสู้ ดังนั้นจึงเลือกที่จะบ่มเพาะตัวเองต่อ”
“อัจฉริยะที่สังหารข้ามขั้น จะว่าไปแล้วในถ้ำใต้ดินมีอัจฉริยะแบบนี้หรือเปล่าครับ?”
“มี”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แค่น้อยเท่านั้น แต่คนพวกนี้ไม่ปรากฏตัวในหน่วยทหาร หลักๆ จะปรากฏตัวในแถบสนามบดเนื้อ รวมถึงส่วนลึกของถ้ำใต้ดิน อันที่จริงเขตที่พวกเธอเข้าไปในตอนนี้ เป็นแค่รอบนอกของถ้ำใต้ดินเท่านั้น…” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ฟางผิงไม่พูดต่ออีก ตาเฒ่าหลี่ก็เงียบไปเช่นกัน ก่อนจะเริ่มชี้แนะเขาเกี่ยวกับข้อมูลของวิชาหมัดจินกัง
“การฝึกเคล็ดวิชาไม่ใช่แค่ตัวอักษรในกระดาษ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ประสบการณ์ต่อสู้ในสถานการณ์จริง การฝึกหมัดจินกัง หลักๆ ยังต้องอาศัยการต่อสู้เพื่อใช้พัฒนา อีกอย่างดาบคลั่งโลหิต ทางที่ดีควรฝึกจนถึงขั้นฟันเจ็ดดาบติดต่อกัน หากทำถึงขั้นนั้นได้จริงๆ เธอก็จะเพียงพอให้เป็นอันดับหนึ่งของขั้นสามแล้ว!”
“ผมเข้าใจแล้ว ครั้งนี้ลงถ้ำ ผมเรียนรู้อะไรมามากมาย เคล็ดวิชาต่อสู้ก็ทำถึงขั้นฟันห้าดาบติดต่อกันแล้ว”
“อืม เข้าใจก็ดี”
—
ตลอดทั้งวัน ฟางผิงขลุกตัวอยู่ในฝ่ายบริการ ฝึกวิชาหมัดจินกังอย่างขยันขันแข็ง
—
ส่วนโลกข้างนอกได้เกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
ผู้ที่รอดชีวิตจากยอดฝีมือขั้นหก วางแผนสังหารขั้นห้า ฟันขั้นสี่ตอนกลางตายได้!
ฟางผิง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งในการแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยที่ยังอยู่ในภาพจำของใครหลายคนมาถึงขั้นที่สังหารผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางได้แล้ว
ทั้งอีกสองคนที่ถูกจัดในอันดับหนึ่งและอันดับสองต่างทำถึงขั้นสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลาย นี่ทำให้คนตกตะลึงเช่นกัน
แข็งแกร่งขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า!
การจัดอันดับขั้นสามก่อนหน้านี้ สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนต้นก็เพียงพอให้อยู่ในสิบอันดับแรกแล้ว ตอนนี้สามอันดับแรกกลับไม่สามารถใช้ขั้นสี่ตอนต้นเป็นตัวตัดสินได้แล้ว แต่เป็นขั้นสี่ตอนปลาย!
——————–