ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 261-2 ขึ้นเหนือ (2)
ตอนที่ 261 ขึ้นเหนือ (2)
“เห็นหรือยัง?”
ฟางผิงโยนดัมเบลที่ถูกหักเป็นสองท่อนออกไปอีกทาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อย่าคิดว่าแทงเท้าได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ยอดเยี่ยมแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงทุบหินแยกทองได้ง่ายๆ ด้วยซ้ำ ตัวกระเปี๊ยกอย่างเธอ ทนฝ่ามือคนอื่นไม่ได้หรอก หรือจะใช้หน้าหนาๆ ไปกำบัง? ดังนั้นเจอผู้ฝึกยุทธ์ อันดับแรกให้วิ่งหนี พยายามฝึกจวงกงให้ถึงระดับสอง ยึดการฝึกแทงเท้าเป็นหลัก ต้องหนีได้และสู้ได้เช่นกัน”
ฟางหยวนรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
น่ากลัวจริงๆ!
นั่นมันเหล็กเชียว พี่ชายกลับหักเป็นสองท่อนในพริบตาเดียว
ตัวเองไม่ได้ทนทานเหมือนกับเหล็กสักหน่อย
เห็นเด็กสาวฟังอย่างตั้งใจ ฟางผิงก็เอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “ใกล้จะเป็นนักเรียนมอปลายแล้ว ฉันได้ยินว่าปีนี้โรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่งจะตั้งห้องเรียนสายศิลปะการต่อสู้ขึ้นมา เธอเข้าไปเรียนแล้วก็ตั้งใจฟังอาจารย์ดีๆ ฉันไม่ได้มีเวลาขนาดที่ต้องมาอธิบายพื้นฐานให้เธอทุกขั้นตอน”
“ยังไม่มีหนังสือแจ้งมาเลย…”
ฟางหยวนยังไม่ทันพูดจบ ฟางผิงก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจทันที “เตือนเธอไว้ก่อน ไม่ช้าก็เร็วหนังสือแจ้งจะตามมา”
น้องสาวของเขาอยู่ในเมืองหยางเฉิง หากกระทั่งห้องเรียนสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งยังเข้าไปไม่ได้ นั่นก็ดูแคลนเขาเกินไปแล้ว
ฟางผิงไม่จำเป็นต้องไปทักทายด้วยซ้ำ นี่ไม่นับว่าใช้เส้นสายเช่นกัน วิชาวัฒนธรรมของฟางหยวนไม่ได้แย่เลย ปราณก็ไม่อ่อนด้อย ทำไมจะเข้าไม่ได้กัน
—
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้รีบร้อนจะไป พักอยู่ที่บ้านหลายวัน
สอนเคล็ดวิชาต่อสู้ให้น้องสาว ตัวเองก็ฝึกวิชาหมัดจินกัง พูดคุยเรื่องทั่วไปกับแม่เป็นครั้งคราว
ระหว่างนั้นยังนัดเจอกับพวกอู๋จื้อหาว ได้รับสายตาอิจฉากลับมายกใหญ่ แถมยังถูกมอมเหล้าไปไม่น้อย
พวกอู๋จื้อหาวและหยางเจี้ยนเตรียมจะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในช่วงปิดเทอมเช่นกัน แม้จะยังหลอมกระดูกไม่ถึงสองครั้ง แต่พวกเขารู้สึกว่าถึงขีดจำกัดแล้ว ไม่อาจฝืนต่อไปได้อีก
ระหว่างนั้นยังพูดเรื่องการขยับขยายของหยวนฟางคร่าวๆ แต่ยังต้องรอถึงเทอมหน้า พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย
รอจนถึงวันที่สิบ ฟางผิงค่อยแบกกระเป๋าถือดาบขับรถไปยังเจียงเฉิง
เหล่าหวังบอกให้เขาติดต่อหา ฟางผิงคร้านที่จะโทรตอนนี้ พอดีที่เขาวางแผนจะไปทางเหนือผ่านเมืองเจียงเฉิง
ไม่ใช่ว่าจะไปซ้ำรอยเดิมของเหล่าหวัง ประเด็นอยู่ที่ยอดฝีมือของทางเหนือแข็งแกร่งกว่าทางใต้อยู่บ้าง
ทางเหนือมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋ว มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน…
แต่ทางใต้ นั่นต้องกลับไปมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฟางผิงคงไม่อาจทำเหมือนหวังจินหยาง ไปขวางที่ประตูใหญ่ของเซี่ยงไฮ้ได้หรอก ทั้งทางเหนือยังมีหลายสำนักใหญ่ ในนั้นมียอดฝีมือเช่นกัน
ครั้งนี้เขาต้องท้าประลองกับยอดฝีมือขั้นสามสูงสุด ทั้งยังมียอดฝีมือจากสำนัก จุดนี้ฟางผิงค่อนข้างตั้งตารอคอย
—
เจียงเฉิง
มาถึงเจียงเฉิง ฟางผิงก็ต่อสายหาหวังจินหยาง
ทั้งสองคนนัดเจอกันที่มหาวิทยาลัยหนานเจียง
เห็นฟางผิง ครั้งนี้หวังจินหยางสำรวจเขาอยู่ยกใหญ่ จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “จะประลองกันสักหน่อยไหม?”
ฟางผิงส่ายหัว “ไม่ ตอนนี้ไม่จำเป็น”
เขาในตอนนี้ยังไม่แตะถึงจุดสูงสุด เคล็ดวิชาต่อสู้ไม่ได้ฝึกฝนถึงขั้นลึกล้ำ แม้หวังจินหยางจะใช้ความสามารถของขั้นสามต่อสู้กับเขา เขาไม่ใช้ความได้เปรียบเรื่องปราณ ก็ไม่อาจเอาชนะได้อยู่ดี
รอครั้งนี้เขากลับมาจากการท้าประลอง อาจจะเอาชนะได้ แต่ก็ชนะในความสามารถขั้นสามของหวังจินหยางเท่านั้น
สำหรับเรื่องที่ใช้หวังจินหยางเป็นเป้าหมายมาโดยตลอด ฟางผิงไม่ได้คิดจะเอาชนะความสามารถที่เขาลดขั้นลงมา รอเขาทะลวงสู่ขั้นสี่หรือขั้นห้า อยู่ระดับเดียวกับหวังจินหยางแล้ว เวลานั้นหวังจินหยางถึงจะเป็นเป้าหมายของเขา
ฟางผิงเดินไปก็หัวเราะว่า “การประลองเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้อยู่แล้ว ในเซี่ยงไฮ้ยังมีภารกิจของพี่อยู่เลย คะแนนไม่ใช่น้อยๆ ก่อนหน้านี้ผมก็คิดไว้แล้ว คะแนนนี้ต้องเอามาให้ได้ ชั่วพริบตาเดียวกลับผ่านไปเกือบปี ในเมื่อรอมาหนึ่งปีแล้ว รออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
หวังจินหยางไขว้มือไว้ข้างหลัง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูท่านายมั่นใจไม่น้อย อีกไม่นานจะล้ำหน้าฉันได้แล้ว?”
“ผู้ฝึกยุทธ์จำเป็นต้องมีความมั่นใจอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าพี่บอกผมหรือไง ผู้ฝึกยุทธ์ต้องแข่งขันแย่งชิง? แข่งขันกันสักหน่อยยังคงเป็นเรื่องจำเป็น”
“งั้นฉันจะรอนาย”
หวังจินหยางหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยว่า “กลัวว่านายจะตามไม่ทันน่ะสิ”
“ทันอยู่แล้ว พี่หวังอย่าประมาทละกัน นับตั้งแต่ที่เข้ามาในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ คำนวณดูแล้ว อันที่จริงพี่มีอิทธิพลต่อผมไม่น้อย พี่เป็นคนแรกในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ที่ผมสนิทด้วย จนถึงตอนนี้ก็เหมือนกันเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ายากที่จะล้ำหน้าคนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่บ้าง คนอื่นถูกผมทิ้งห่างไปข้างหลังแล้ว เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ยังจำเป็นต้องมีคนอย่างพี่หวังมากระตุ้นผม”
“บ้าระห่ำดีนี่ แต่คนที่ทะลวงสามขั้นภายในหนึ่งปีอย่างนายก็มีสิทธิ์ที่จะบ้าระห่ำเหมือนกัน” หวังจินหยางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อนายเห็นฉันเป็นเป้าหมาย งั้นนายก็พยายามหน่อยละกัน เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์เป็นเพราะมีคนอย่างฉันถึงได้มีสีสันแบบนี้”
หวังจินหยางบอกว่าฟางผิงบ้าระห่ำ อันที่จริงตัวเองก็ไม่น้อยไปกว่ากัน
ทั้งสองคนหัวเราะขึ้นมา ผ่านไปสักพัก หวังจินหยางค่อยวกกลับเข้าประเด็นหลัก “ครั้งนี้มาหานาย อย่างแรกเป็นเพราะอยากเห็นการพัฒนาของนาย แม้ว่าจะไม่ได้ประลองกัน แต่ดูท่าคงไม่แย่อะไร อย่างที่สองเพราะอยากเตือนนาย รีบคว้าโอกาสหน่อย หากไม่เหนือความคาดหมาย ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าถ้ำใต้ดินหนานเจียงน่าจะเปิดออกแล้ว! ถ้ำใต้ดินปรากฏตัวครั้งแรกถือเป็นอันตราย ทั้งเป็นโอกาสด้วยเช่นกัน ประตูถ้ำใต้ดินอื่นๆ อันที่จริงของดีที่อยู่รอบนอกแทบจะถูกผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เก็บไปหมดแล้ว ถ้ำใต้ดินที่เซี่ยงไฮ้ นายน่าจะไม่เจออะไรดีๆ แล้วสินะ? วัสดุยาที่มีมูลค่าสูง สิ่งมีชีวิตหายาก ไม่เจอเลยใช่หรือเปล่า?”
“ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ปรากฏขึ้นมานับสิบปีแล้ว รอบนอกนั้นแม้จะเป็นต้นหญ้าก็เคยมีคนแหวกทางแล้วเหมือนกัน ถ้ำใต้ดินแห่งใหม่คงไม่เป็นแบบนั้น แต่ว่าจะเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดด้วยเช่นกัน นายไม่อาจรู้ได้ว่าเสี้ยวนาทีต่อมาอาจจะเจอกับยอดฝีมือระดับสูงหรือเปล่า ดังนั้นอยากจะได้ประโยชน์ก็ต้องมีฝีมือที่แข็งแกร่ง ในโลกข้างนอก พวกเรายากที่จะพึ่งตัวเองในการเลื่อนขั้น ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งทะลวงยากเท่านั้น แต่ในถ้ำใต้ดินอื่นๆ นายต้องเข้าไปในส่วนลึก ลึกลงเรื่อยๆ ลึกจนเข้าไปถึงในที่ที่คนไม่เคยเดินทางมา ถึงจะได้ประโยชน์กลับไป ทางเข้าถ้ำใหม่…นั่นไม่เหมือนกันแล้ว”
ฟางผิงสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา ถามว่า “มั่นใจว่าถ้ำใต้ดินหนานเจียงจะถูกเปิดออกแล้ว? สถานที่หลักๆ ล่ะ?”
“ตอนนี้ยังไม่อาจระบุได้ชัดเจน แต่คงเร็วๆ นี้แหละ อันที่จริงถ้ำใต้ดินปรากฏตัว นายจะสามารถรับรู้ได้ อุโมงค์เปิดออก ทางเดินพลังงานเชื่อมกันสำเร็จจะค่อยๆ ปล่อยอนุภาคพลังงานจำนวนมากออกมา ตอนนี้พวกเรากำลังทำการสำรวจ บริเวณไหนที่ความแข็งแกร่งของอนุภาคพลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตรงนั้นก็มีโอกาสสูงที่จะปรากฏทางเข้าถ้ำใต้ดิน ความจริงนายอาจไม่ทันสังเกต หนานเจียงในตอนนี้อนุภาคพลังงานโดยรวมกำลังพลุกพล่านอยู่บ้าง นี่ก็เป็นหลักฐานสำคัญในการอ้างอิงว่าทางเข้าถ้ำจะถือกำเนิดขึ้น เรื่องทางเดินพลังงานก่อตัวก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้เช่นกัน”
“หวังว่าจะไม่ใช่ที่หยางเฉิง…”
ฟางผิงถอนหายใจ หวังจินหยางกลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ที่ไหนล้วนเหมือนกัน นับวันทางเข้าถ้ำก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ วันนี้ไม่เกิดที่หยางเฉิง บางทีพรุ่งนี้ก็อาจจะไปปรากฏที่หยางเฉิงได้เช่นกัน”
“ก็ถูก”
“ครั้งนี้นายจะขึ้นไปทางเหนือเพื่อเตรียมตัวทะลวงขั้นสี่?”
“อืม”
“เลือกคู่ต่อสู้แล้ว?”
“เลือกแล้ว ที่แรกคือโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง!”
หวังจินหยางมองเขาไปแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “โรงเรียนเตรียมทหารมียอดฝีมือเยอะราวกับมวลเมฆ สามโรงเรียนเตรียมทหารหลัก ทุกแห่งแทบไม่ด้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดัง ทั้งผู้ฝึกยุทธ์จากโรงเรียนเตรียมทหารมีโอกาสเข้าร่วมสงครามถ้ำใต้ดินอยู่บ่อยครั้ง นายอย่าแพ้ไม่เป็นท่าตั้งแต่คนแรกละกัน”
“แพ้ไม่เป็นไร ผมไม่กลัวล้มเหลว พบเจอจุดอ่อนของตัวเอง นั่นก็เพียงพอแล้ว”
“งั้นขอให้นายราบรื่นแล้วกัน!”
ระหว่างที่พูด หวังจินหยางเอ่ยต่อว่า “โรงเรียนเตรียมทหาร มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ นายไปตามลำพังได้หมด แต่ถ้าไปสำนัก ทางที่ดีให้อาจารย์จากเซี่ยงไฮ้ตามไปด้วย”
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หวังจินหยางอธิบายว่า “ไม่ได้บอกว่าพวกเขาจะทำร้ายนาย แต่สำนักเป็นคนละระบบกับมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเตรียมทหาร บางทีนายอาจเข้าไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ทั้งในสำนักมีผู้ฝึกยุทธ์ที่คอยคุ้มครองอยู่กลุ่มหนึ่ง นายไปรังแกถึงหน้าประตู พวกเขาจะคิดว่าเป็นการหยามเกียรติอย่างยิ่ง อาจจะมีผู้ฝึกยุทธ์บุกออกมาแค่ไม่กี่คนเท่านั้น”
“เข้าใจแล้ว”
“ไม่เป็นไร อันที่จริงถึงฉันจะไม่เตือน แม้ว่านายเข้าไปจริงๆ ทางเซี่ยงไฮ้ก็คงมีคนออกหน้าให้อยู่ดี”
ฟางผิงกลับหัวเราะแห้งๆ นี่ไม่แน่เสมอไป ตอนนี้อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้แทบจะไม่อยู่ในมหาวิทยาลัย ดูท่าถึงเวลานั้นจริงๆ คงทำได้เพียงไปขอตาเฒ่าหลี่ออกหน้าแทนแล้ว
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ภายในมหาวิทยาลัยหนานเจียงก็มีคนเห็นพวกเขา
แต่พอเห็นฟางผิง สีหน้าของคนที่เดินผ่านมาก็ดูไม่ได้อยู่บ้าง
แม้จะไม่พอใจยังไง แต่ทำได้เพียงเผยสีหน้าบูดบึ้ง การจัดอันดับพลังต่อสู้ขั้นสามของมหาวิทยาลัย ฟางผิงถูกจัดในอันดับสาม ในหนานเจียงไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้เขาได้จริงๆ นอกจากคนอย่างหวังจินหยางเท่านั้น!
ฟางผิงไม่สนใจคนอื่นเช่นกัน เดินมาครึ่งทางกลับเจอกู้สยง ทั้งสองคนคุยกันไม่กี่ประโยค
ไม่รั้งตัวให้คนเกลียดชังอยู่นาน ช่วงบ่ายฟางผิงก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังมณฑลแรกทางเหนือ มณฑลเป่ยหู
———————-