ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 263-2 พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง (2)
ตอนที่ 263 พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง (2)
สิบวินาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งก็ลอยกระเด็นออกมา
ฟางผิงฝืนหยุดตัวในอากาศ ยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะถลากลับเข้าไปที่เดิมอีกครั้ง!
—
“เจ้าเด็กนี่อึดจริงๆ”
เห็นฟางผิงถูกเฉินเจียวั่งโจมตีจนตัวลอย กลับพุ่งกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งพร้อมบาดแผล ผู้ฝึกยุทธ์ทหารก็ถอนหายใจออกมา
จูเหวินหลงที่กำลังฟื้นฟูร่างกายอยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ร่างกายเขาแข็งแกร่งมาก เฉินเจียวั่งยากจะทำให้เขาเจ็บหนักได้ พื้นฐานร่างกายและกระดูกของหมอนี่เหมือนจะแข็งแกร่งกว่าพวกเรา…”
“อืม…บางทีเรื่องที่ไขกระดูกแปรสภาพเป็นปรอทอาจเป็นเรื่องจริง”
ผู้ฝึกยุทธ์ทหารวัยกลางคนอยู่ขั้นหกตอนต้นเท่านั้น ยากที่จะตรวจสอบว่าฟางผิงไขกระดูกแปรสภาพจริงหรือเปล่า
แต่ดูจากพื้นฐานร่างกายของฟางผิง รวมถึงความเสียหายบนพื้นที่เกิดหลังจากเขาสูญเสียการควบคุม มีโอกาสที่คำพูดของเซี่ยงไฮ้จะเป็นเรื่องจริงเช่นกัน เด็กคนนี้ไขกระดูกแปรสภาพเป็นปรอทเหมือนกับหวังจินหยางจากหนานเจียงไม่ผิดเพี้ยน
“เกิดอะไรขึ้นกับหนานเจียงกันแน่? ไม่สิ เกิดอะไรขึ้นกับหยางเฉิงต่างหาก…ทำให้ไขกระดูกเปลี่ยนสภาพได้จริงๆ งั้นเหรอ?”
ชายวัยกลางคนครุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกว่าจำเป็นต้องไปตรวจสอบดูสักหน่อย บางทีอาจจะสามารถรับนักเรียนที่ไขกระดูกแปรสภาพได้อีก
—
“ตู้ม!”
ฟางผิงถูกโจมตีจนตัวลอยออกมาอีกครั้ง ทว่ายังกัดฟันกระโจนเข้าไปใหม่!
ยังขาดอีกนิด นิดเดียวเท่านั้น!
พลังรวมเป็นหนึ่งของฉันยังขาดไปอีกนิดเดียว พลังหลอมรวมกันไม่พอ ไม่งั้นเฉินเจียวั่งคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน!
โอบกอดความคิดนี้ไว้ ฟางผิงถูกโจมตีกระเด็นติดต่อกันเจ็ดแปดครั้ง ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด กลับยังคงประมือต่อไม่หยุดหย่อน
ไม่นานทุกคนก็พบว่าสามารถมองการต่อสู้ของทั้งสองคนได้ชัดเจนขึ้นแล้ว
เฉินเจียวั่งใบหน้าซีดเผือด ฟางผิงก็ไม่ต่างกัน ไม่มีพลังปราณเข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว แต่เป็นการปะทะกันของร่างกายตรงๆ
ครู่ต่อมาก็มีคนลอยออกไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่ใช่ฟางผิงอีกแล้ว
เฉินเจียวั่งกระอักเลือดออกมา ใบหน้าดูไม่ได้อยู่บ้าง ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ถลาตัวเข้าไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่นานเฉินเจียวั่งก็ถูกโจมตีกระเด็นออกมาอีก!
ฟางผิงกลับเอ่ยอย่างโมโหว่า “อวิ๋นเมิ่งไร้คนมีฝีมือแล้ว? ขั้นสามเข้ามาให้หมดเลย แค่พวกไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่ง!”
เฉินเจียวั่งใบหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง
คนอื่นๆ โมโหจนหน้าแดงก่ำเช่นกัน
นายถูกตีกระเด็นออกมาเป็นสิบๆ ครั้ง พวกเราไม่เคยดูแคลนนาย นายกลับแล้วใหญ่ นึกไม่ถึงว่าจะยังยั่วยุคนอื่น!
—
ด้านข้าง
มีอาจารย์แค่นเสียงว่า “ปราณหมดเกลี้ยงแล้ว อาศัยแค่พื้นฐานร่างกาย เฉินเจียวั่งไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขา เจ้าเด็กนี่ยังกล้าอวดเบ่งตัวเองอีก!”
“ไม่หรอก เขาอยากยั่วโมโหให้คนของพวกเราล้อมโจมตีเขา เขามีเหตุผลให้ฟื้นฟูปราณเพื่อแสดงฝีมือต่อ ไม่นานเขาจะทะลวงขั้นแล้ว!”
“จะสงเคราะห์เขาไหมล่ะ?”
อาจารย์บางคนไม่พอใจเท่าไหร่ เจ้าเด็กนี่เหิมเกริมเกินไป ไม่ใช่มหาวิทยาลัยของตัวเองสักหน่อย ต่อสู้มาถึงขั้นนี้ หากทางอวิ๋นเมิ่งไม่ส่งขั้นสามออกไปสร้างแรงกดดันให้เขาต่อ หรือเขาจะขัดเกลาฝึกฝนเคล็ดวิชาด้วยตัวเองได้?
ผู้ฝึกยุทธ์สวมชุดทหารวัยกลางคนเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “สูงกว่าขั้นสามตอนปลายเข้าไปได้ ขอแค่ไม่ตีจนตาย จะต่อยตีเขายังไงได้ทั้งนั้น!”
สิ้นเสียงนี้ พวกนักเรียนต่างสบสายตากัน
ไม่นานก็มีนักเรียนสี่ห้าคนถลาเข้าไป อยากจะอัดหมอนี่สักครั้งตั้งนานแล้ว!
เสี้ยวนาทีที่พวกเขาพุ่งตัวเข้ามา ดวงตาฟางผิงก็เป็นประกาย ฟื้นฟูปราณอย่างรวดเร็ว
ปราณบนหมัดนั้นมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชกโดนนักเรียนหญิงขั้นสามตอนปลายคนหนึ่งจนกระเด็นออกไป
นักเรียนหญิงคนนั้นร่วงลงไปบนพื้น กุมอกตัวเองด้วยความแค้นเคือง “ฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้ช่างไร้ยางอายจริงๆ ได้ยินมานานแล้วว่านายจงใจโจมตีหน้าอกผู้หญิงโดยเฉพาะ พวกนายตีเขาให้ตาย!”
เวลานี้พวกนักเรียนชายต่างถูกกระตุ้นขึ้นมา!
นักเรียนหญิงของโรงเรียนเตรียมทหารพวกเรามีเยอะหรือไง?
นายอัดผู้หญิงที่มหาวิทยาลัยตัวเองก็แล้วไป ยังวิ่งมาอัดนักเรียนหญิงของพวกเขาถึงที่นี่ ปล่อยไว้ไม่ได้จริงๆ!
พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายล้วนไม่อ่อนแอ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงสุดต่างรวมพลังเป็นหนึ่งได้เช่นกัน เข้าไปล้อมโจมตีฟางผิงพร้อมกันทันที ฟางผิงไม่อาจป้องกันหน้าและหลังในเวลาเดียวกันได้อยู่แล้ว แม้ตอนแรกจะมีคนถูกเขาอัดจนกระเด็นออกไป แต่ก็มีคนโจมตีถูกเขาไม่หยุดหย่อน
ถึงปราณเฉินเจียวั่งจะหมดเกลี้ยงแล้ว แต่ร่างกายไม่ได้อ่อนแอ ตัวเองถูกฟางผิงถ่วงเวลาต่อสู้จนปราณหมด ยังคงโมโหไม่น้อยเช่นกัน
ตอนนี้เขาไม่ได้ถอยออกไป
ฉวยโอกาสตอนที่ฟางผิงเพิ่งโจมตีคนหนึ่งลอยออกไป ชกเข้าที่หน้าด้านขวาทันที
ส่วนหัวขึ้นไปถือเป็นจุดตายของผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์ แต่เขาไม่ได้แนบปราณติดไปด้วย ร่างกายของฟางผิงก็อยู่ขั้นสามตอนปลายแล้ว ไม่ได้ถูกโจมตีตายง่ายๆ ขนาดนั้น
ฟางผิงร้องโอดครวญออกมาเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก แก้มขวากลับบวมขึ้นมาชั่วพริบตา
“จะโจมตีก็อย่าเล็งที่หน้าสิ พวกนายทำให้ฉันโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ!”
ฟางผิงคำรามอย่งโมโห จู่ๆ บนหมัดก็ประกายแสงสีแดง ก่อนจะชกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามคนหนึ่งด้านหน้าจนกระเด็นออกไป กระอักเลือดออกมาไม่ขาดสาย!
“พลังหมัดรวมเป็นหนึ่ง!”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่กระเด็นออกมาพึมพำ ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “แน่จริงก็อย่าฟื้นฟูปราณสิ อัดเขาให้ตาย!”
“ฉันก็ไม่ได้คิดจะฟื้นฟูอยู่แล้ว มาสิ ดูว่าใครจะอัดใครตาย!”
“บุก บุกเต็มกำลัง!”
ฟางผิงเพิ่งจะตะโกนเสร็จ จู่ๆ ชายชุดทหารวัยกลางคนก็คำรามเสียงดัง ด้านข้างมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายนับสิบคนถลาเข้ามาทันที!
“หน้าไม่อาย ล้อมโจมตีนับว่าเป็นวีระบุรุษยังไง!” ฟางผิงตะโกนออกมา
ทุกคนเผยสีหน้าดำคล้ำทันที เมื่อกี้นายเพิ่งจะบอกว่าเข้ามาพร้อมกัน?
ตอนนี้ทำตามที่นายว่า นายยังหาเรื่องอื่นมาพูดอีก!
ไม่มีใครสนใจเขา คนพวกนี้ไม่สนใจว่าจะถูกฟางผิงชกโดนหรือเปล่า ข่มกลั้นโทสะพุ่งตัวเข้าไป ตั้งใจเล็งที่หน้าไม่ก็เตะให้โดนเขาสักครั้ง!
กระทั่งจูเหวินหลงที่ยังฟื้นฟูปราณไม่เสร็จยังตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจ้าหมอนี้เหิมเกริมเกินไปจริงๆ!
—
“ฉันทะลวงขั้นสามสูงสุดแล้ว!”
ในฝูงชนฟางผิงตะโกนเสียงดัง หมัดจินกังระเบิดอานุภาพได้รุนแรงแล้วเช่นกัน ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลาย ส่งออกไปหนึ่งหมัดแม่นราวกับตาเห็น โดนหมัดก็กระเด็นตัวลอย ไม่มีแรงต่อสู้อีกแล้ว
แต่คนเยอะเกินไปจริงๆ ไม่อาจสนใจหน้าและหลังพร้อมกันได้ ไม่นานฟางผิงก็ถูกอัดจนหน้าบวมไปหมด
—
ต่อสู้ติดต่อกันเจ็ดแปดนาที ฟางผิงชกหมัดสุดท้ายใส่เหยาจ่างอวี่ที่เพิ่งพุ่งเข้ามา หยัดตัวขึ้นตรง หอบหายใจว่า “ฉันชนะแล้ว!”
ผู้ฝึกยุทธ์ในชุดทหารวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย “โรงเรียนของพวกเรายังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอีกสามสิบกว่าคน…”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนอยู่บ้าง เอ่ยว่า “งั้นรอให้ผมฟื้นฟูปราณก่อน!”
“นั่นจะยังมีความหมายอะไร? เธอมาฝึกประสบการณ์ไม่ใช่หรือไง?”
“ผมทะลวงขั้นสามสูงสุด พลังหมัดรวมเป็นหนึ่งแล้ว”
“เหอะ!”
ชายคนนั้นอดแค่นเสียงไม่ได้ มองพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามที่ถูกฟางผิงอัดจนนอนกระจัดกระจายเต็มพื้น คิ้วขมวดแน่นเป็นปม
ระหว่างต่อสู้ฟางผิงใช้พลังหมัดรวมเป็นหนึ่งผลาญปราณของเฉินเจียวั่งจนหมดเกลี้ยง คนที่มาทีหลังแทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
ในสถานการณ์ที่ฟางผิงไม่ได้ฟื้นฟูปราณเป็นครั้งที่สอง สุดท้ายยังพึ่งความแข็งแกร่งของร่างกายเอาชนะคนทั้งหมดได้ จำต้องพูดว่าครั้งนี้โรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งขายหน้าอยู่บ้างจริงๆ
ทั้งพลังหมัดรวมเป็นหนึ่งของฟางผิงในตอนนี้ แม้เฉินเจียวั่งฟื้นฟูปราณขึ้นมา อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป
กวาดสายตามองฟางผิงแวบหนึ่ง ชายในชุดทหารแค่นเสียงว่า “ไสหัวไปเถอะ ครั้งหน้าหากคนของเซี่ยงไฮ้กล้ามาอวิ๋นเมิ่ง พวกเราไม่อาจออมมืออีก!”
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ ไม่ได้พูดอะไร เดินไปอีกฝั่งหยิบดาบขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
เรื่องออมมือที่ชายชุดทหารพูด นั่นแค่ไว้หน้าให้ตัวเองเท่านั้น
แต่พวกเขาทำให้ฟางผิงบรรลุเป้าหมายจริงๆ
เวลานั้นเฉินเจียวั่งและเขาต่างใช้ปราณจนหมดเกลี้ยง ทั้งสองคนปะทะกันด้วยร่างกายตรงๆ ไม่เกิดประโยชน์ต่อพลังหมัดรวมเป็นหนึ่งเท่าไหร่ คนของอวิ๋นเมิ่งล้อมโจมตีเขาก็เพราะเงื่อนไขที่ฟางผิงสร้างขึ้นเช่นกัน
ฟื้นฟูปราณตัวเอง แล้วค่อยแสดงเคล็ดวิชาต่อสู้ นี่ทำให้ฟางผิงมีโอกาสรวมพลังหมัดเป็นหนึ่งสำเร็จ
ประเด็นอยู่ที่ฟางผิงไม่อาจหักหน้าอีกฝ่ายได้เหมือนกัน
บอกว่าออมมือ นั่นก็แล้วกันไป
ยังไงเขาคงไม่มาที่นี่แล้ว ครั้งหน้าใครในเซี่ยงไฮ้มา ไม่ใช่เรื่องของฟางผิงอีกแล้ว คนอวิ๋นเมิ่งที่แค้นเคืองแทบเป็นแทบตายพวกนี้ ฟางผิงก็คร้านสนใจแล้วเช่นกัน
“ฉันทะลวงขั้นสามสูงสุดแล้ว!”
ออกจากโรงเรียมเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งมากว่าร้อยเมตร จู่ๆ ฟางผิงก็หัวเราะขึ้นมา
ด่านแรก เป้าหมายของเขาก็สำเร็จไปกว่าครึ่งแล้ว
ต่อไปอาศัยฝีมือขั้นสามสูงสุด เขาถึงจะท้าประลองผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในอันดับต้นๆ พวกนั้นได้ อย่าลืมว่าเฉินเจียวั่งอยู่ในอันดับที่สิบสี่เท่านั้น
สิบอันดับแรก นอกจากฟางผิงแล้ว คนอื่นต่างไม่ได้รับมือง่ายๆ
ตอนที่ฟางผิงกำลังภาคภูมิใจนั้น เด็กน้อยคนหนึ่งที่เดินบนถนนด้านข้าง จู่ๆ ก็วิ่งไปแอบข้างหลังแม่อย่างหวาดกลัว เอ่ยเสียงเบาๆ ว่า “แม่คะ หัวหมู!”
แม่ของเด็กคนนั้นมองฟางผิงไปแวบหนึ่ง เห็นในมือเขาถือดาบ ใบหน้าก็เผยความหวาดระแวง รีบอุ้มลูกน้อยวิ่งกลับไปทันที
ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย ยกดาบขึ้นมา หันคมดาบสะท้อนกับแสง จู่ๆ ก็แค่นเสียงว่า “โรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง รอฉันขั้นสี่แล้วจะมาอีก!”
ทั่วทั้งเซี่ยงไฮ้มีแค่เขาที่อัดคนอื่นเป็นหัวหมู วันนี้นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนของอวิ๋นเมิ่งซ้อมจนหน้าบวมเป็นหัวหมู แค้นครั้งนี้จดจำไว้แล้ว!
———————-