ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 264 รู้จักสำนักครั้งแรก (1)
ตอนที่ 264 รู้จักสำนักครั้งแรก (1)
วันที่ 11 กรกฏาคม
ฟางผิงท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง ทะลวงถึงขั้นสามสูงสุด
สองวันต่อจากนั้น ฟางผิงไม่ปรากฏตัวอีก
แต่ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ ให้ความสนใจกับผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะพวกนี้อยู่แล้ว ไม่นานข่าวสารก็เผยแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง
—
ในระหว่างที่ฟางผิงไปสร้างชื่อเสียงทางเหนือ วันที่สิบสอง ฉินเฟิ่งชิงที่ไม่เห็นหน้ามาหลายวัน ปรากฏตัวขึ้นในมหาวิทยาลัยในฐานะขั้นสี่ แต่ไม่นานก็หายไปอย่างรวดเร็ว
หลิงอีอีจากปักกิ่ง ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าไหร่ เดือนกรกฏาคมกลับขึ้นมาอยู่ในอันดับแรกของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ตอนนี้กำลังเทียวประลองกระบี่รอบเมืองต่างๆ มีโอกาสสูงที่จะได้ปะทะกับฟางผิง
หลี่หานซงจากปักกิ่ง รับช่วงต่อเหยาเฉิงจวิน เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดอย่างรวดเร็ว ควบคุมอำนาจสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยปักกิ่งอย่างเป็นทางการ ถูกขนานนามว่าเป็นนักศึกษาอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
จางอวี่จากเซี่ยงไฮ้ ข้อมูลเปิดเผยว่าเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลาง แต่หลี่หานซงเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดไปแล้ว หลังจากอธิการเฒ่าของเซี่ยงไฮ้ตายในสนามรบ เห็นได้ชัดว่าสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเซี่ยงไฮ้นั้นอ่อนแอลงอย่างมาก
มีข่าวว่าจางอวี่ตั้งใจจะลาออกจากตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่ไม่ได้จะให้เซี่ยเหล่ยหรือฉินเฟิ่งชิงที่โลกภายนอกคาดเดาไว้มารับตำแหน่งต่อ จากข่าวซุบซิบบอกว่าไม่กี่วันนี้จางอวี่เชิญเฉินเหวินหลงที่ฝึกฝนในหน่วยทหารกลับมหาวิทยาลัยมารับตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
เฉินเหวินหลงเป็นนักศึกษาปีสามของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เช่นกัน แต่ฝึกฝนอยู่ในหน่วยทหารเป็นส่วนใหญ่ เขาเป็นผู้ที่อยู่ในการจัดอันดับขั้นสามพร้อมกับพวกเหยาเฉิงจวิน หลี่หานซงและหวังจินหยาง ตอนนี้เข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายแล้ว ฝีมือแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
หลิวซื่อเจี๋ยจากมหาวิทยาลัยหวากั๋วก้าวสู่ขั้นสี่ตอนปลาย เริ่มควบคุมอำนาจในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยหวากั๋ว
เฉินเฮ่าหรานจากมหาวิทยาลัยจิงหนาน เข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลาง กุมอำนาจในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยจิงหนาน
หวังจินหยางจากหนานเจียง จากข่าวที่เปิดเผยออกมาเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
—
เรื่องพวกนี้เป็นสถานการณ์ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หากไม่ใช่ขั้นสี่ก็เป็นนักศึกษาแนวหน้าที่ใกล้จะก้าวสู่ขั้นสี่อย่างแท้จริง
ทว่านับตั้งแต่รุ่นก่อนจบไป มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็ไม่ปรากฏผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าอีกเลย สมาชิกขั้นห้ากลายเป็นช่วงที่ขาดหายไป
ใครจะสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าคนแรกของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ นี่เป็นสิ่งที่ใครหลายคนจับตามองเช่นกัน
หลี่หานซง? หวังจินหยาง? หลิวซื่อเจี๋ย? หรือผู้ที่ตามมาทีหลัง?
ส่วนเหยาเฉิงจวินนั้นอยู่ในระบบของโรงเรียนเตรียมทหาร ไม่นับรวมกับระบบมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้
ภายในนั้นเซี่ยงไฮ้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง กลับอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด นักศึกษารุ่นที่จบไปนี้มีฝีมือแข็งแกร่งอย่างยิ่ง มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าหลายคน แม้ว่าจะเป็นปักกิ่งก็ไม่ต่างจากเซี่ยงไฮ้เหมือนกัน
แต่หลังจากสองปีมานี้มีนักศึกษาขั้นสามขั้นสี่ของเซี่ยงไฮ้ตายในสงครามหลายคน ตอนนี้ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจึงเป็นเฉินเหวินหลง ทั้งเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายได้ไม่นานเท่านั้น
แต่ฟางผิงที่เพิ่งเข้าสู่เซี่ยงไฮ้เพียงหนึ่งปีกลับสามารถทะลวงด่านติดต่อกันจนตอนนี้เข้าสู่ขั้นสามสูงสุดก็ถูกใครหลายคนให้ความสนใจเช่นกัน ฟางผิงที่ทะลวงสามขั้นในหนึ่งปีจะสามารถพลิกสถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้กลับมาได้หรือไม่?
—
ข่าวของโลกผู้ฝึกยุทธ์แพร่กระจายแค่ในแวดวงของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้แพร่ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ตอนนี้ฟางผิงที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสามสูงสุดไม่ได้เดินขึ้นทางเหนือต่อ แต่กำลังเก็บตัวฟื้นฟูร่างกาย ตกตะกอนสิ่งที่ได้รับกลับมา
แน่นอนว่าเพื่อให้หน้าหายบวมด้วยเช่นกัน ฟางผิงไม่อยากจะออกไปประลองในสภาพหัวหมูกับใคร ขายขี้หน้าเสียเปล่าๆ
หลังจากทะลวงขั้นสามสูงสุด ความสามารถของฟางผิงก็มีการพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 22,500,000
ปราณ : 1150 แคล (1259 แคล+)
จิตใจ : 530 เฮิรตซ์ (559 เฮิรตซ์+)
หลอมกระดูก : 126 ชิ้น (100%) , 51 ชิ้น (90%+) , 29 ชิ้น (30%+)
ดาบคลั่งโลหิตแตะถึงขั้นฟันติดต่อกันห้าครั้ง หมัดจินกังก็ถึงขั้นรวมพลังเป็นหนึ่ง ส่วนวิชาเคลื่อนเมฆเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลางแรกที่ประสบผลสำเร็จ
นอกจากนี้ฟางผิงยังมีวิชาเกาทัณฑ์โลหิต แค่ไม่เหมาะที่จะใช้ในการประลองแลกเปลี่ยนความรู้เท่าไหร่ วิชาเกาทัณฑ์เลือดเหมาะที่จะใช้ในถ้ำใต้ดินมากกว่า
วันที่ 13 กรกฎาคม
ฟางผิงฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรียนรู้การรวมพลังหมัดเป็นหนึ่งอย่างกระจ่างใจแล้ว จึงค่อยเดินทางขึ้นเหนือต่อ
ด่านต่อไป มณฑลจงโจว!
เป่ยหูมีโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่ง หนึ่งในสามโรงเรียนเตรียมทหารหลัก
มณฑลจงโจวไม่มีโรงเรียนเตรียมทหาร ทั้งไม่มีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ แต่กลับมีสำนักที่โด่งดัง!
ไม่ใช่แค่เท่านี้ จงโจวยังเป็นมณฑลที่สำนักมีอำนาจมากที่สุด
คล้อยหลังจากที่อำนาจของสำนักเสื่อมโทรมลง สถานที่อื่นๆ ต่างก็เชิดชูมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และหน่วยทหาร
มีแค่จงโจวเท่านั้นที่อำนาจของสำนักยังเหนียวแน่น
สำนักหวังอู่ของลัทธิเต๋า สำนักเส่าซื่อของนิกายพุทธ สำนักหว่านซาน รวมถึงสำนักน้อยใหญ่ต่างๆ แถบจงโจวมีสำนักมากที่สุด ทั่วประเทศจีนหลังจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เฟื่องฟู สำนักเสื่อมโทรมลง ก็เหลือแค่ไม่กี่ยี่สิบสามสิบสำนักเท่านั้น
แต่จงโจว มีสำนักกว่าสิบแห่ง ครองไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
จ้าวซิ่งอู่ที่อยู่ในอันดับแปดของการจัดอันดับปรมาจารย์ก็รับตำแหน่งผู้นำสำนักพันธมิตรเช่นกัน ปรมาจารย์จ้าวนั้นมาจากสำนักหวังอู่
จงโจวมีทางเข้าถ้ำใต้ดินเช่นกัน แต่ปากทางเข้าถ้ำของจงโจว หลักๆ มีสำนักใหญ่คอยควบคุมอยู่ ทำหน้าที่เหมือนกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แต่ละแห่ง
—
สำหรับความสามารถของสำนัก ฟางผิงนั้นสงสัยอย่างมาก
ฝึกวิชามาจนถึงตอนนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และหน่วยทหารเขาคุ้นชินแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์หน่วยสืบสวนและแวดวงการเมือง เขาก็เคยเห็นเหมือนกัน
รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์นักธุรกิจ ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ในเขตวิจัย…
คนพวกนี้เขาล้วนเคยเห็นมาหมด
มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักที่ฟางผิงไม่เคยเจอมาก่อน ในเซี่ยงไฮ้ไม่มีพื้นที่ว่างให้กับสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีสำนักเลย
ครั้งนี้อยากประลองกับยอดฝีมือขั้นสาม คนที่อยู่อันดับก่อนหน้าฟางผิง มีผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักสองคน หนึ่งคนในนั้นมาจากสำนักว่านซานนิกายพุทธ
ในทางตรงกันข้าม สำนักหวังอู่ที่มีปรมาจารย์จ้าวและสำนักเส่าซื่อกลับไม่มียอดฝีมือเลื่องชื่อในขั้นสาม
ยอดฝีมือขั้นสามอีกคนหนึ่งมาจากปักกิ่ง เมืองปักกิ่งกลับมีสำนักอยู่ ไม่เหมือนกับเซี่ยงไฮ้
ยอดฝีมือขั้นสามคนนั้นของสำนักว่านซาน อยู่ในอันดับเจ็ดของการจัดอันดับรวม ฟางผิงไม่กล้าประเมินอีกฝ่ายต่ำไปเช่นกัน
ไม่ได้ตรงเข้าไปที่สำนักว่านซานในทันที ฟางผิงเข้าสู่เขตจงโจว สถานที่แรกที่ไปกลับเป็นหมู่บ้านฉางหยาง
ในจงโจว แม้จะมีสำนักเยอะ แต่ก็มีสำนักที่ฝีมือไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่อยู่
หมู่บ้านฉางหยาง ฟังดูเหมือนเป็นหมู่บ้านนอกคอกนาแห่งหนึ่ง แต่หมู่บ้านนี้เป็นสำนักแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา
หมู่บ้านฉางหยางไม่มีปรมาจารย์ แต่มียอดฝีมือขั้นหกนั่งรักษาการณ์อยู่ ท่ามกลางสำนักทั้งหลาย ถือเป็นสำนักในอันดับต้นๆ เช่นกัน การจัดอันดับรวมของขั้นสาม หมู่บ้านฉางหยางมีคนเข้าสู่อันดับหนึ่งคน ตามอยู่ข้างหลังฟางผิง จัดอยู่ในอันดับที่สิบห้า ห่างจากเฉินเจียวั่งไปนิดหน่อย แต่ระหว่างยี่สิบถึงสิบอันดับแรก ฝีมือคนพวกนี้แทบจะไม่ต่างกันมาก ถูกจัดในอันดับก่อนหรือหลังไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเคยประมือกันมาก่อน ทั้งไม่ได้หมายถึงอันดับที่สิบห้าจะอ่อนด้อยกว่าอันดับที่สิบสี่จริงๆ
อันที่จริงฟางผิงไม่นับว่าเอาชนะเฉินเจียวั่ง เขาและเฉินเจียวั่งต่อสู้กันจนปราณหมดเกลี้ยงทั้งคู่ ช่วงแรกฟางผิงเป็นรองมาโดยตลอด พอช่วงหลังอาศัยความได้เปรียบเรื่องร่างกายจึงกู้สถานการณ์กลับมาได้บ้าง
รอปราณเขาฟื้นฟูแล้ว เฉินเจียวั่งกลับใช้ปราณหมดเกลี้ยง ฟางผิงจึงไม่มีโอกาสต่อสู้กับเฉินเจียวั่งหลังจากทะลวงขั้นสามสูงสุดอีก
ส่วนผู้ที่อยู่ในหมู่บ้านฉางหยาง ฟางผิงวางแผนที่จะหยั่งเชิงดูก่อน แล้วค่อยไปท้าประลองกับอันดับเจ็ดของสำนักว่านซานคนนั้น
—
ขับรถมาเกือบครึ่งวัน ช่วงบ่ายของวันที่สิบสาม ฟางผิงค่อยเดินทางมาถึงหมู่บ้านฉางหยาง
แม้จะเรียกว่าเป็นหมู่บ้าน ในความเป็นจริงกลับเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีกลิ่นอายโบราณแห่งหนึ่ง
คนที่ฝึกวรยุทธ์ ปกติไม่ขาดแคลนเงิน ทั้งยังมีตำแหน่งในสังคมสูง
หมู่บ้านฉางหยางสืบทอดมาหลายปี แม้จะไม่ให้ความสำคัญกับการเสวยสุข ก็ไม่อาจเป็นหมู่บ้านทรุดโทรมที่ซ่อนเร้นในหุบเขาได้เช่นกัน
หมู่บ้านฉางหยางแบ่งออกเป็นสองส่วน ด้านหน้าเป็นสิ่งก่อสร้างโบราณที่สร้างขึ้นใหม่ เปิดกว้างต่อโลกภายนอก หมู่บ้านฉางหยางนับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งเช่นกัน แม้จะเป็นอากาศร้อนอบอ้าวเช่นนี้ ก็มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย
เข้าสู่เขตของหมู่บ้านฉางหยาง จะพบกับประตูใหญ่เป็นอันดับแรก ด้านบนสลักอักษรตัวใหญ่อย่างมีพลังว่า…หมู่บ้านฉางหยาง
ตอนที่ฟางผิงเดินลงจากรถ ในมือถือดาบอยู่จึงดึงดูดสายตาจากนักท่องเที่ยวไม่น้อย
“นั่นคือผู้ฝึกยุทธ์?”
“น่าจะใช่ ดูดาบนั่นสิ ไม่เหมือนของปลอมเลย”
“ได้ยินว่าด้านหลังของหมู่บ้านฉางหยางไม่เปิดให้คนภายนอกเข้า หลายคนมาฝึกวรยุทธ์เช่นกัน เป็นผู้ฝึกยุทธ์ของหมู่บ้านฉางหยาง?”
“ไม่แน่ใจ แต่ดูแล้วเหมือนจะคุ้นๆ อยู่นะ…”
ในหมู่นักท่องเที่ยวมีคนซุบซิบกันเสียงเบา แต่กลับไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ฟางผิงแม้แต่น้อย
——————