ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 272 ทำลายความภาคภูมิใจ (1)
ตอนที่ 272 ทำลายความภาคภูมิใจ (1)
“ปัง!”
ฟางผิงเตะหลิงอีอีกระเด็นลอยออกไป เห็นผู้หญิงคนนี้กระอักเลือดเป็นสาย ยังคิดจะถลาเข้ามาอีก ฟางผิงจึงเอ่ยเสียงดัง “พอได้แล้ว!”
หลิงอีอีเผยสีหน้าไม่ยินยอมและขุ่นเคือง!
แต่พื้นฐานร่างกายของเธอสู้ฟางผิงไม่ได้ ต่อสู้กันตัวต่อตัว แทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางผิงอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้เธอได้รับบาดเจ็บจากเจ็ดดาบต่อเนื่องของฟางผิงไม่น้อยเช่นกัน อวัยวะภายในสั่นทะเทือน สู้มาถึงตอนนี้ก็ถือว่ายื้อจนสุดกำลังแล้ว
แต่ทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ!
ไอ้เวรนี่จะรังแกคนเกินไปแล้ว!
หลิงอีอีรู้สึกว่าร่างกายตัวเองแทบจะระเบิด!
“อีอี พอได้แล้ว!”
ตอนนี้หลี่หานซงเดินออกมา
มองฟางผิงไปแวบหนึ่ง ก่อนหลี่หานซงจะขวางหลิงอีอีที่พยายามจะดิ้นรนต่อสู้อีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “รุ่นน้องฟางเก่งจริงๆ แต่คิดจะต่อสู้จนถึงขั้นไร้ศัตรูในขั้นสาม ฝีมือยังอ่อนไปอยู่บ้าง ประสบการณ์ต่อสู้ชี้เป็นชี้ตายยังถือว่าด้อยอยู่เล็กน้อย…”
เขาต้องการจะกู้ชื่อให้กับปักกิ่ง หากเป็นการต่อสู้เอาชีวิต ฟางผิงอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงอีอีเสมอไป
ทั้งกำลังพูดเรื่องจริงเช่นกัน เทียบกับคนในหน่วยทหารหรือหลิงอีอี ฟางผิงขาดแคลนประสบการณ์ต่อสู้เอาชีวิตอยู่บ้างจริงๆ
ฟางผิงกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากจะสู้เอาชีวิต ฉันคิดว่าฉันฆ่าเธอได้ถึงสิบคน”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ฟื้นฟูปราณขึ้นมาทันที เผยท่าทีเกรงขามอย่างถึงที่สุด “แค่ไม่อยากฉวยโอกาสเท่านั้น ไม่ใช่ว่าฆ่าคนไม่ได้!”
หลี่หานซงพูดไม่ออกทันที
แววตาไม่ยินยอมของหลิงอีอีค่อยๆ เลือนหายไป ท่ามกลางการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย หากฟางผิงฟื้นฟูปราณได้เร็วแบบนี้จริงๆ จะให้เธอสู้ยังไง?
ต่อให้เธอแข็งแกร่งแค่ไหน ใช้กระบวนท่าชั้นยอดฆ่าฟางผิงไม่ได้ งั้นก็ต้องรอให้ฟางผิงโจมตีฆ่าเธอเท่านั้น
รับมือกับฟางผิง วิธีเดียวที่ใช้ได้ก็คือโจมตีด้วยพลังขั้นรุนแรง ทำให้เขาไม่สามารถฟื้นฟูปราณได้
ฟางผิงไม่โอ้อวดต่อแล้วเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณรุ่นพี่หลิงที่ออมมือ!”
“เหอะ!”
หลิงอีอีแค่นเสียง พึมพำว่า “รอดูเถอะ ตอนที่ยังไม่ทะลวงขั้นเจ็ด ฉันอาจไม่ตามหานาย รอฉันเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว นายคอยดูละกัน!”
ก่อนจะเข้าสู่ขั้นเจ็ด การฟื้นฟูปราณของฟางผิงเป็นเหมือนฝันร้ายของผู้ฝึกยุทธ์ระดับเดียวกัน
แต่หลังจากทะลวงขั้นปรมาจารย์ ประโยชน์ของปราณก็ไม่สำคัญเหมือนตอนนี้อีกแล้ว
ฟางผิงไม่คิดแบบนั้น ยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนที่ถูกฉันล้ำหน้า ยังไม่มีใครไล่ตามฉันได้จริงๆ หากรุ่นพี่หลิงคิดว่ามีความหวัง งั้นฉันก็จะรอเธอในขั้นปรมาจารย์”
“เป็นเรื่องในไม่ช้านี้แหละ!”
หลิงอีอีลูบหน้าอกตัวเอง กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
หานซวี่เผลอกวาดสายมอง จู่ๆ ก็นึกอะไรได้ รีบหันหน้ากลับ
หากมองอีก ยังจะถูกพาลโกรธเอา!
ตอนนี้หลิงอีอีกำลังใช้แววตาอันตรายมองหานซวี่ เห็นเขาบิดหน้าหลบจึงแค่นเสียงขึ้นอีกครั้ง มองไปทางฟางผิงว่า “เคล็ดวิชาต่อสู้ของนายทำถึงขั้นกระบวนท่าชั้นยอดแล้ว ดาบคลั่งโลหิตเจ็ดดาบต่อเนื่องไม่ได้อ่อนด้อย แต่จุดบกพร่องของนายก็เยอะเหมือนกัน ถ้านายไม่มีความได้เปรียบเรื่องปราณอาจเอาชนะฉันไม่ได้เสมอไป! ตอนนี้นายฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทั่วไปคงไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเจอกับยอดฝีมือในขั้นสี่ เจ็ดดาบของนายอาจจะถูกทำลายกระบวนท่า หากถูกทำลาย นั่นก็คือวันตายของนาย! หรือกระทั่งไม่ต้องใช้ขั้นสี่ เฉินชิวเฟิงและกัวซวนล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นสามของหน่วยทหาร ผ่านประสบการณ์รบมานับร้อย หากจับช่องว่างของนายได้ นายก็มีโอกาสพ่ายแพ้สูง!”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันรู้ว่าวิชาดาบคลั่งโลหิตเป็นการย่อส่วนของกระบวนท่าชั้นยอด มีข้อบกพร่อง อย่างเช่นเรื่องเวลาและความเร็วในการระเบิด แต่ขอแค่ฉันฟันเจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่งได้ ปัญหาทั้งหมดคงไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปแล้ว”
“เจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง?” หลิงอีอีขมวดคิ้ว “นายมั่นใจว่าทำถึงขั้นนั้นได้?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปลายเดือนมิถุนาฉันฟันห้าดาบต่อเนื่องได้ ตอนที่สู้กับเจี้ยเซ่อ ฉันฟันหกดาบต่อเนื่อง พอประลองกับเธอ ฉันก็ฟันเจ็ดดาบต่อเนื่องสำเร็จ ตอนนี้ฉันอยู่ขั้นสามสูงสุดพลังรวมเป็นหนึ่งแล้ว อันที่จริงเจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง ฉันพอมีแนวคิดคร่าวๆ แล้ว รออีกหน่อย ฉันคิดว่าน่าจะทำสำเร็จ หากถึงเวลานั้นจริงๆ ฉันเร็วกว่าเธอ ปราณสูงกว่าเธอ พื้นฐานร่างกายแข็งแกร่งกว่าเธอ…รุ่นพี่หลิง หากเจอเธออีกครั้ง เธอคิดว่าพวกเรายังจะสู้กันมาถึงตอนนี้ได้เหรอ?”
“รอนายทำสำเร็จแล้วค่อยมาพูดเถอะ!”
หลิงอีอีทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนจะใช้ขวานพยุงตัวเองขึ้นเดินออกไปข้างนอก ทำเอาฝูงชนที่มุงรอบๆ ถึงกับตกใจพากันถอยหลัง
ก่อนหน้านี้เห็นเพียงนักศึกษาหญิงน่ารักอ้อนแอ้น ตอนนี้เปิดฉากต่อสู้กันแล้ว กลับมามองดูสถานที่ที่ราวกับถูกกระสุนปืนใหญ่ทำลาย ใครยังจะกล้ามองผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงทั่วไปอีก
—
คนของปักกิ่งจากไปแล้ว ฟางผิงเก็บดาบขึ้นมา สาวเท้าเตรียมจะเดินออกไป
เวลานี้พวกฟู่ชางติ่งเดินล้อมเข้ามา
ถังซงถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงซับซ้อนว่า “นึกไม่ถึงว่านายจะเอาชนะหลิงอีอีได้ด้วย”
ฟางผิงเอ่ยอย่างสบายๆ “ระดับเดียวกันมีใครเป็นคู่ต่อสู้ฉันด้วยหรือไง? แค่ไม่อยากรังแกเธอเท่านั้น ไม่งั้นคงใช้กระบวนท่าใหญ่ระเบิดเธอไปนานแล้ว!”
ฟู่ชางติ่งที่อยู่ด้านข้างพึมพำว่า “นายก็อัดเธอเกือบระเบิดแล้วนี่…”
“แค่กๆ!”
ฟางผิงไอเบาๆ พูดอะไรกัน นั่นฉันตั้งใจที่ไหน?
ทางนี้กำลังพูดคุยกัน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้วที่เฉินอวิ๋นซีและชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าพวกเขา ฟางผิงแทบไม่ทันรู้ตัว
รอจนเห็นคนแล้ว ฟางผิงจึงรีบคารวะแสดงความเคารพ
พวกฟู่ชางติ่งก็เหมือนกัน รวมถึงพวกอาจารย์ปักกิ่งที่อยู่ไม่ไกลต่างทยอยคารวะ
อธิการบดีมหาวิทยาลัยจิงหนาน ปรมาจารย์เฉินเย่าถิงไม่ใช่คนทั่วไป ปรมาจารย์ขั้นเจ็ดสูงสุด เหลือแค่อีกก้าวจะเข้าสู่ขั้นแปด
เฉินเย่าถิงเผยรอยยิ้มบาง ไม่ได้พูดอะไร
เฉินอวิ๋นซีกลับเดินมาด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิง ยินดีด้วย”
“ขอบคุณ แต่ไม่มีอะไรน่ายินดีขนาดนั้น” ฟางผิงชำเลืองมองเฉินเย่าถิงไปที ส่ายหัวว่า “เหมือนที่หลิงอีอีบอก ฉันยังบกพร่องอยู่บ้าง ในขั้นสามยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ รอฉันฟันเจ็บดาบรวมเป็นหนึ่งได้แล้ว ถึงจะนับว่าไร้ศัตรูในขั้นสามอย่างแท้จริง”
“งั้นนายยังจะท้าประลองต่อไป?”
ฟางผิงเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “ฉันไม่ได้วางแผนไปท้าประลองกัวซวน แต่เฉินชิวเฟิงฉันอยากประลองสักครั้ง ผู้ฝึกยุทธ์จากหน่วยทหาร พูดตามตรงฉันไม่เคยประลองมาก่อน บางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อฉัน เคล็ดวิชาต่อสู้และประสบการณ์ต่อสู้ยังอาศัยการขัดเกลาในการต่อสู้สถานการณ์จริง ใน…สถานที่อื่น นอกจากฆ่าคนอ่อนแอแล้ว ก็ทำได้เพียงหลบจากผู้แข็งแกร่ง น้อยนักที่จะมีโอกาสให้ฉันไปศึกษาซึมซับความรู้ คู่ต่อสู้ที่ฝีมือสูสีกันเช่นนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อฉันมาก”
เวลานี้ตาเฒ่าหลี่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน จู่ๆ ก็หิ้วฟางผิงขึ้นด้วยมือเดียว
ฟางผิงอึ้งเป็นอันดับแรก ก่อนจะหน้าขึ้นสีตามมา เอ่ยอย่างกระดากอาย “อาจารย์ นี่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว!”
คนยังอยู่กันเต็ม!
ยังไม่ไปไหนกันเลย!
เกรงว่าน่าจะเกือบหมื่นคนได้!
หลายคนกำลังถือกล้องถ่ายรูปอยู่!
ตาเฒ่าหลี่ทำเกินไปแล้ว!
ทำเกินไปจริงๆ
เวลานี้ฟางผิงแทบอยากโกรธตัวเองที่ยังไม่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกได้ ไม่งั้นตอนนี้เขาจะอัดตาเฒ่าหลี่ให้ตากลายเป็นหมีแพนด้าไปเลย!
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเขา พึมพำว่า “หลอมไขกระดูกถึงกระดูกแกนกลางแล้วจริงๆ ด้วย หนักขึ้นอีกแล้ว…”
“อาจารย์ ปล่อยผมลง!”
ฟางผิงโมโหจนแทบอยากกระอักเลือด หลิวต้าลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับรีบเบียดตัวเข้ามา ยกกล้องถ่ายรูปถ่ายที่หน้าฟางผิงทันที!
ภาพธรรมชาตินี้ดีที่สุดแล้ว!
ฟางผิงถลึงตามองหลิวต้าลี่อย่างดุดัน จู่ๆ ก็เอ่ยปากว่า “หลิวต้าลี่ ครั้งหน้าอย่าสร้างข่าวลือรักๆ ใคร่ๆ ในอินเทอร์เน็ตให้คนอื่นมั่วซั่วดีกว่า…”
คำพูดนี้หลุดออกมา หลิวต้าลี่ยังไม่ทันตั้งสติ เฉินเย่าถิงที่ยิ้มไม่พูดไม่จาอยู่ตลอด จู่ๆ ก็สะบัดมือ หลิวต้าหลี่กำลังสับสนมึนงง ตัวเองกลับปรากฏขึ้นข้างกายเฉินเย่าถิงซะแล้ว
เฉินเย่าถิงยิ้มอย่างอ่อนโยน ตบไหล่เขาเบาๆ เอ่ยอย่างนุ่มนวลว่า “สหาย ขึ้นชื่อว่าเป็นนักข่าว ข่าวลือที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ อย่าได้รายงานมั่วซั่ว จะทำให้คนไม่พอใจเอาได้ ครั้งหน้าจำไว้ด้วยล่ะ”
ชายชราไม่ได้โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทั้งไม่ได้พูดอะไรมาก ตบแค่ไหล่เขาเบาๆ เท่านั้น
หลิวต้าลี่กลับเหมือนเป็นเสาไม้ ถูกตอกลงไปบนพื้นดิน รอเฉินเย่าถิงพูดจบ ครึ่งตัวของหลิวต้าลี่ก็จมอยู่ในพื้นดินแล้ว ดิ้นรนยังไงก็ดึงไม่ออก
ตอนนี้หลิวต้าลี่ยังคงตกอยู่ในสภาพงงงวย
อะไรกัน?
เกิดอะไรขึ้น?
ฉันแค่ถ่ายวิดีโอเท่านั้น กำลังหาอะไรที่เป็นธรรมชาติหน่อย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?
คนรอบๆ ตัวสูงใหญ่กันจัง!
สูงกว่าตัวเองกว่าช่วงหนึ่ง!
กระทั่งเด็กตัวน้อยที่ทำหน้าสงสัยอยู่ด้านข้าง…ยังดูเหมือนสูงกว่าตัวเองเลย!
หลิวต้าลี่มึนงงไปหมดแล้ว สูญเสียความสามารถในการคิดไปอย่างสิ้นเชิง
—————