ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 272-2 ทำลายความภาคภูมิใจ (2)
ตอนที่ 272 ทำลายความภาคภูมิใจ (2)
ตอนนี้ฟางผิงดึงตัวออกมาจากตาเฒ่าหลี่ได้แล้ว กวาดสายตามองหลิวต้าลี่แวบหนึ่ง หมอนี่รนหาที่ตายเอง
ที่แรกยังคิดจะช่วยปกป้องชีวิตเขา นึกไม่ถึงว่าจะเบียดตัวเองมาข้างหน้า ตั้งใจถ่ายซูมหน้าตัวเอง ถ้าเขาไม่ตายแล้วใครจะตายอีก
ฟางผิงเห็นเขาเริ่มกระเสือกกระสน แต่กลับดึงขาออกมาไม่ได้ จึงเอ่ยเสียงเบาว่า “อวิ๋นซี อธิการอวิ๋น…คงไม่คิดจะฝังเขาไว้ตรงนี้ไปตลอดหรอกนะ?”
เฉินเย่าถิงที่อยู่ด้านข้างเผยรอยยิ้มไม่พูดอะไร
ตาเฒ่าหลี่กลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ฟ้ามืดก็น่าจะออกมาได้แล้ว หยุดพล่ามสักที กลับไปสถาบันวิจัยกับฉันดีกว่า!”
ฟางผิงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ละล่ำละลักส่ายหัวว่า “ผมจะไปท้าประลองกับเฉินชิวเฟิงที่หน่วยทหาร!”
“หมอนั่นไปทำภารกิจ ไม่อยู่”
“งั้นผมจะไปท้าประลองกัวซวน!”
“ไปทำภารกิจเหมือนกัน”
“งั้นผม…งั้นผม…”
“ตอนนี้เธอยังจำเป็นต้องตกตะกอนสิ่งที่ได้รับจากการประลอง เจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่งเป็นเรื่องยาก ทั้งเจ็ดดาบต่อเนื่อง เธอก็ทำได้ไม่ดี ต้องทำความคุ้นชินเสียก่อนแล้วค่อยไปท้าคนอื่น ลองใช้เจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง นี่ถึงจะเป็นเป้าหมายในการประลองของเธอ ไม่ใช่เอาแต่สู้เพื่อท้าประลองอย่างเดียว”
“งั้นผมจะกลับบ้าน!”
ให้ตายยังไงฟางผิงก็ไม่ยอมไปสถาบันวิจัยหรอก ตาเฒ่าหลี่มีแผนร้ายในใจ ตอนแรกก็มาวัดน้ำหนักเขา ตอนนี้จะมาพาตัวเองไปสถาบันวิจัยอีก
ฟางผิงคลาแคลงใจอย่างยิ่งว่าเขาอาจจะเอาตัวเองเป็นหนูทดลอง
ตาเฒ่าหลี่มองเขาด้วยรอยยิ้ม เฉินเย่าถิงที่เงียบอยู่ตลอดกลับเอ่ยว่า “เข้าใจสถานการณ์ของร่างกายตัวเองเป็นประโยชน์ต่อเธอเช่นกัน นักศึกษาฟางผิง อย่าบ่ายเบี่ยงการรักษาเลย…”
ฟางผิงเผยสีหน้าอมทุกข์ ฉันไม่ได้ป่วยสักหน่อย!
ร่างกายฉันเป็นยังไง หรือฉันจะไม่รู้อีก?
ตาเฒ่าหลี่กลับเบะปากว่า “ไปตรวจสักหน่อย ยังไงก็ต้องให้คำตอบกับคนอื่น ตอนนี้อาจจะไม่มีคนมาหาเธอ นั่นเป็นเพราะว่าไม่กล้า แต่รอตาเฒ่าอย่างพวกเราตายกันหมดแล้ว ใครยังจะสนใจว่าเธอคิดอะไร? ตอนนี้ตรวจออกมาให้ชัดเจน ปิดปากพวกเขาไป ภายหลังจะได้ไม่เกิดปัญหาอีก”
ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง เอ่ยเบาๆ ว่า “งั้นคงไม่ชำแหละผมหรอกนะครับ?”
“คิดไปกันใหญ่แล้ว!”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างหงุดหงิด “อย่างมากก็ผ่ากระดูกเอาไขกระดูกนิดหน่อยเท่านั้น มีตัวอย่างก็เพียงพอแล้ว ยังจะให้ผ่าเอาสมองเธอมาจริงๆ หรือไง?”
ฟางผิงมุมปากกระตุก ยิ่งคุณพูดแบบนี้ผมยิ่งกลัวไปใหญ่!
เห็นกันตำตาว่าเขาเพิ่งเอาชนะหลิงอีอีได้ ฉันกำลังดีใจอยู่ พวกคุณกลับไม่คิดจะแบ่งปันความดีใจกับฉันสักนิดเลยหรือไง?
ตาเฒ่าหลี่ราวกับรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เอ่ยเสียงเบา “ถ่อมตัวหน่อย อยู่ในถิ่นของคนอื่น พวกตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ล้วนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าผู้เฒ่าเฉินอยู่ที่นี่ อาจจะมีตาแก่หน้าหนาที่ไหนไม่รู้มาคิดบัญชีกับฉันแล้วก็ดะ…”
เขาเพิ่งจะพูดจบ หน้ากลับเปลี่ยนสีทันที พื้นดินถล่มลงไป ครู่ต่อมาครึ่งร่างก็จมอยู่ในนั้น
ฟางผิงอ้าปากค้าง!
เฉินเย่าถิงหัวเราะออกมาเช่นกัน เอ่ยอย่างจนใจ “ปากหมอตายเพราะปาก รนหาที่เอง”
รู้ว่าคนเขาอยู่ใกล้ๆ ยังจะพูดออกมา นี่ไม่ใช่หาเรื่องให้ตัวเองหรือไง?
ตาเฒ่าหลี่หน้าแดงขึ้นมา แค่นเสียงในลำคอ ผ่านไปสักพักจึงกระโดดขึ้นจากพื้นดิน พึมพำว่า “เสือร่วงสู่ที่ราบถูกสุนัขรังแก นึกถึงปีนั้น…”
เขาเพิ่งจะพูดขึ้นมากลับจมลงไปในดินอีกครั้ง!
เฉินเย่าถิงปวดหัวไม่น้อย ตอนนี้เซี่ยงไฮ้มีแต่คนแบบนี้?
อยู่ต่อหน้าปรมาจารย์หลายคน บอกว่าตัวเองเป็นเสือ ให้อีกฝ่ายเป็นสุนัข ไม่ตีหลี่ฉางเซิงให้ตาย นับว่าไว้หน้ามากแล้ว
มองไปที่หลานสาวตัวเองทีหนึ่ง จู่ๆ เฉินเย่าถิงก็กังวลอยู่บ้าง เขาปล่อยให้หลานสาวไปเรียนเซี่ยงไฮ้ เป็นตัวเลือกที่ถูกต้องจริงๆ งั้นเหรอ?
ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างแทบไม่กล้ากระดิกตัว กลัวจะถูกฝังลงไปเหมือนกัน
พวกฟู่ชางติ่งก็เหลียวซ้ายแลขวา ทำเป็นมองไม่เห็นตาเฒ่าหลี่ที่แทบจะจมลงไปกับดินอยู่แล้ว
ผ่านไปสักพักตาเฒ่าหลี่ก็กระโดดขึ้นมาจากพื้นดินอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่พูดอะไรแล้ว
นักท่องเที่ยวที่อยู่รอบๆ บางส่วนยังไม่ไปไหน พากันทำหน้าแปลกประหลาดใจ
ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ทำอะไรกัน?
ข้างหน้ามีนักข่าวคนหนึ่งฝังตัวเองในดิน ดิ้นรนให้ตายยังไงก็ขึ้นมาไม่ได้
ตอนนี้มาอีกคนแล้ว เดินอยู่ดีๆ กลับเหยียบพื้นเป็นหลุมใหญ่ ทั้งยังสองครั้งติดกัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
—
จวบจนออกมาจากสวนสนุกฮวนเล่อ ตาเฒ่าหลี่ค่อยเอ่ยเหน็บแนมตัวเอง “ปรมาจารย์!”
แม้ปรมาจารย์ของปักกิ่งจะไม่ทำอะไรเขา แต่เขาก็พูดกระตุ้นโทสะอีกฝ่ายไปจริงๆ
แต่…ถ้าเขาเป็นมือกระบี่อมตะเหมือนปีนั้น พูดไปแล้วใครจะทำอะไรได้อีก!
ปรมาจารย์ที่กดเขาลง เวลานั้นยังถูกตัวเองซ้อมราวกับเป็นเด็กน้อย ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้ว
“คางคกขึ้นวอ ฟางผิง หลังจากนี้ทะลวงขั้นแปดแล้ว ต้องล้างแค้นให้ตาเฒ่า อัดเขาให้กลายเป็นหัวหมู แก้ผ้าเปลือยล่อนจ้อนเอาไปทิ้งที่หน้าประตูปักกิ่ง!”
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียง ฉันไม่มีหวัง แต่เซี่ยงไฮ้ยังมีคนอื่น
ฟางผิงเงียบไม่ปริปาก
เฉินเย่าถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แก่กันหมดแล้ว ยังจะคิดเล็กคิดน้อยเรื่องพวกนี้ไปทำไม อย่าหาเรื่องเลย ผ่านมาหลายปีแล้ว ทำไมนิสัยยังไม่เปลี่ยนอีก”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “กลัวพวกเขาทำไม เซี่ยงไฮ้ต้องเหยียบปักกิ่งขึ้นไปอยู่จุดสูงสุด ไม่เหยียบพวกเขา พวกเราจะขึ้นไปได้ยังไง? ผู้เฒ่าเฉิน ไม่ใช่ฉันว่าให้นาย มหาวิทยาลัยจิงหนานก็ไม่ได้ฝีมืออ่อนด้อย ผลปรากฏว่าถูกปักกิ่งแย่งเมล็ดพันธ์ดีๆ ไปทุกปี หากเป็นฉันคงไปคิดบัญชีนานแล้ว จิงหนานกระทั่งอัจฉริยะในถิ่นตัวเองยังรั้งไว้ไม่ได้ ไม่แปลกใจที่อ่อนแอลงเรื่อยๆ”
เฉินเย่าถิงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง ไม่พูดมากอีก หิ้วเฉินอวิ๋นซีขึ้นมา ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตา
กลางอากาศ เฉินอวิ๋นซียังคงรีบบอกลา “อาจารย์ ฟางผิง ฉันกลับก่อนนะ!”
ฟู่ชางติ่งที่อยู่ด้านล่างเบ้ปาก เห็นฉันกับซงเชาเชาเป็นมนุษย์ล่องหนหรือไง?
รอพวกเขาไปแล้ว ฟางผิงมองสำรวจอย่างระมัดระวัง เวลานี้ค่อยกระซิบว่า “อาจารย์วางใจเถอะครับ รอผมกลายเป็นปรมาจารย์แล้ว จะอัดพวกปรมาจารย์ปักกิ่งให้คุกเข่า ให้พวกเขาแบกหัวหมูไปสอนในมหาวิทยาลัย…”
‘ผลัวะ!’
ตาเฒ่าหลี่ตบหัวเขาจนมึนไปอยู่บ้าง “เจ้าขี้ขลาด ยังจะมองสำรวจก่อนพูดอีก ขายหน้าขายตาจริงๆ!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างน้อยใจ “ปรมาจารย์เลยนะครับ ผมเพิ่งจะอยู่ขั้นสามเอง”
ตาเฒ่าหลี่หลุดขำออกมา ไม่มากความอีก สาวเท้าเดินจากไป “รีบกลับเซี่ยงไฮ้ล่ะ กลับมาอย่าลืมไปตรวจดู การท้าประลองทางหน่วยทหารฉันคงไม่ได้ไป หน่วยทหารไม่เกิดเรื่องอะไรหรอก หากเกิดเรื่องก็แล้วกันไป ฉันไปล่ะ!”
ตาเฒ่าหลี่จากไปอย่างว่องไว ชั่วพริบตาก็หายไปจากที่เดิมแล้ว
รอเขาจากไปแล้ว ฟางผิงค่อยพึมพำ “ถูกทำลายความภาคภูมิใจ?”
เมื่อครู่ที่ตาเฒ่าหลี่ถูกกดกับพื้น ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ แต่ฟางผิงรู้สึกว่าตาเฒ่าหลี่ผิดหวังไม่น้อย
ฟู่ชางติ่งกลับเอ่ยอย่างสงสัย “ผู้เฒ่าหลี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสินะ?”
“ขั้นหกสูงสุด”
ฟู่ชางติ่งงุนงงเข้าไปใหญ่ เอ่ยเสียงเบา “ขั้นหกสูงสุด…เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงไม่ถึงกับ…อ่อนแอขนาดนี้หรอกมั้ง…กระทั่งถูกพลังจิตใจกดดันยังต้านไม่ได้…”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ใช่แล้ว ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ คงไม่ถึงกับไร้เรี่ยวแรงต่อกรได้หรอก?
หากเป็นแบบนี้จริงๆ ปรมาจารย์เจอกับยอดฝีมือต่ำกว่าขั้นปรมาจารย์ก็ถูกบีบเละตายเอาง่ายๆ น่ะสิ?
เขาจำได้ว่าเจี่ยวใช้พลังจิตใจกดขั้นห้าคนนั้น ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้ายังระเบิดพลังจนเกือบจะหลุดออกมาได้แล้ว แม้จะไม่สำเร็จ แต่ตาเฒ่าหลี่ที่อยู่ขั้นหกสูงสุด จะถูกกำราบง่ายๆ ขนาดนี้เลยหรือไง?
เกิดความเคลือบแคลงอยู่ในใจ ฟางผิงกลับเอ่ยออกไปว่า “บางทีอาจจะเล่นๆ กันเท่านั้น พวกเฒ่าทารกกลุ่มหนึ่ง…”
ฟู่ชางติ่งไม่พูดมากอีก เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
ฟางผิงไม่มากความเช่นกัน ความดีใจเมื่อครู่หายไปเกือบหมดสิ้นแล้ว ยังไม่กลายเป็นปรมาจารย์ อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ายินดีขนาดนั้น
ส่วนปรมาจารย์ของปักกิ่ง…แม้จะไม่รู้ว่าใครใช้พลังจิตใจทำร้ายตาเฒ่าหลี่ แต่ถ้ามีโอกาสอัดคนระบายโทสะให้ตาเฒ่าหลี่ได้ เขาคงไม่พลาดอยู่แล้ว
——————