ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 274-2น่าจะไม่มีใครรู้ประวัติอันดำมืดของฉัน (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 274-2น่าจะไม่มีใครรู้ประวัติอันดำมืดของฉัน (2)
ตอนที่ 274 น่าจะไม่มีใครรู้ประวัติอันดำมืดของฉัน (2)
“ส่วนความคิดของหวงจิ่งนับว่าสืบทอดความคิดของอธิการพวกเธอ ให้ผู้แข็งแกร่งต่อสู้ก่อน ผู้อ่อนแอค่อยๆ เติบโตตามมา เขาอยากให้หลู่เฟิ่งโหรวทะลวงเป็นปรมาจารย์ อันที่จริงเพราะโอบกอดความคิดที่ว่าผู้แข็งแกร่งต่อสูก่อน แต่หลู่เฟิ่งโหรวเป็นเหมือนดาบสองคม เกรงว่าหวงจิ่งจะลังเลเหมือนกัน สรุปแล้วนี่เป็นเรื่องภายในของเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้รัฐบาลตกอยู่ในสภาวะลำบากใจเช่นกัน อู๋ขุยซานผิดอย่างนั้นเหรอ? ก็ไม่ หวงจิ่งผิด? นั่นก็ไม่ใช่เหมือนกัน สรุปแล้วเธออยากควบคุมเซี่ยงไฮ้ ยังฝีมืออ่อนไปอยู่บ้าง ต้องครุ่นคิดให้ดีหน่อย ความขัดแย้งของหวงจิ่งและอู๋ขุยซานจะส่งผลกระทบต่อเธอ แน่นอนว่ามองในมุมของเธอ เธอใกล้จะเข้าขั้นสี่ อันที่จริงน่าจะสนับสนุนอู๋ขุยซานมากกว่า ยังไงคนที่ถูกส่งเข้าถ้ำก็ไม่ใช่เธอ…”
จางติ่งหนานพูดอย่างขอไปทีอยู่บ้าง ฟางผิงกลับเอ่ยอย่างจนใจ “งั้นน้องสาวผมพอเข้ามหาวิทยาลัยจะเป็นยังไง?”
จางติ้งหนานแทบจะหลุดหัวเราะออกมา เด็กคนนี้ครุ่นคิดรอบคอบจริงๆ!
“เธอคิดยังไงก็เลือกอย่างนั้น ฉันแค่บอกให้เธอรู้เท่านั้น ให้เธอได้เข้าใจสถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ชัดเจนขึ้นหน่อย รอครั้งนี้เรื่องของถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้สิ้นสุดแล้ว เซี่ยงไฮ้น่าจะเกิดข้อพิพาทอะไรบางอย่างขึ้นแน่ ถึงกระทั่งส่งผลกระทบถึงนักศึกษา พวกเธอที่เป็นยอดฝีมือในหมู่นักศึกษาอาจจะถูกบีบให้เลือกฝั่งด้วยเช่นกัน”
ฟางผิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “รอดูสถานการณ์ละกันครับ พวกเขาอาจไม่บังคับพวกเราเสมอไป ไม่งั้น…”
จู่ๆ ฟางผิงก็ชะงักไป ไอแห้งๆ ออกมาแทน
ไม่งั้นก็เปลี่ยนมหาลัยใหม่ เกือบหลุดปากพูดออกไปแล้ว ถ่อมตัว ถ่อมตัวถึงจะดี
หากถูกจางติ้งหนานเปิดเผยความคิดของเขา พวกหลู่เฟิ่งโหรวและตาเฒ่าหลี่ต้องตามไล่ฆ่าฟางผิงไปทุกหนทุกแห่งแน่ แม้ว่าจะเปลี่ยนมหาวิทยาลัยใหม่ก็ต้องใช้เหตุผลที่อยู่บนศีลธรรมอันดีงาม…อย่างเช่นถูกบีบจนไม่มีทางเลือก อาลัยอาวรณ์ จำเป็นต้องออกไป…
จางติ้งหนานมองเขาอย่างลึกล้ำ ไม่ยุ่งย่ามเรื่องนี้ต่อ เอ่ยว่า “หลังเรียนจบ อันที่จริงอยู่มหาวิทยาลัยต่อไม่มีความหมายเท่าไหร่ ฟางผิง ถ้าสนใจ กลับหนานเจียงดีกว่า หากจบการศึกษาด้วยขั้นห้าหรือขั้นหก ตำแหน่งรองผู้ว่าหนานเจียง ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”
ฟางผิงรีบเอ่ยด้วยยิ้ม “ผู้ว่ายกยอเกินไปแล้ว ตอนนี้ผมเพิ่งจะขั้นสาม ทั้งอยู่แค่ปีหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น ผู้ว่า ผมมาหาในครั้งนี้ อันที่จริงอยากให้คุณช่วยชี้แนะเกี่ยวกับการฝึกวิชาดาบคลั่งโลหิตสักหน่อย…”
จางติ้งหนานไม่แปลกใจเช่นกัน ทั้งไม่ใส่ใจที่ฟางผิงบอกปัด ฟังจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ ความจริงไม่ใช่ว่าชี้แนะแค่สองสามประโยคก็ทำได้ ฉันจะบอกเคล็ดลับเธอสักหน่อยละกัน หลักๆ ยังต้องแสดงแนวคิดให้เธอดู”
“…”
จางติ้งหนานพูดอย่างง่ายๆ ฟางผิงกลับรู้สึกว่าได้รับประโยชน์ไปมากมาย
ผู้คิดค้นเคล็ดวิชาต่อสู้ย่อมเป็นคนที่เข้าใจดีที่สุดแล้ว
พูดจบ จางติ้งหนานไม่คิดจะชักดาบ จู่ๆ กลับยื่นมือฟันมาทางฟางผิง
ชั่วพริบตานั้นฟางผิงรู้สึกแค่ว่าตัวเองไม่มีทางหนีพ้น ต้องตายอย่างแน่นอน!
“นี่ก็คือวิธีรวมพลังเป็นหนึ่ง”
จางติ้งหนานชักมือกลับ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รู้สึกยังไง?”
“ไม่มีทางให้หนีแล้ว!”
“นี่ก็ถูกแล้ว กระบวนท่าชั้นยอดคืออะไร กระบวนท่าชั้นยอดก็คือกระบวนของท่าไม้ตาย ปล่อยให้คนหนีไปได้ ยังจะเรียกกระบวนท่าชั้นยอดงั้นเหรอ? ตอนนี้พวกเธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม การฝึกกระบวนท่าชั้นยอดมีข้อบกพร่องอยู่มาก ยอดฝีมือในขั้นสามที่แท้จริง ฉันพูดว่ายอดฝีมือ การฝึกกระบวนท่าชั้นยอดของพวกเขาไม่เหมือนกันแล้ว ภายใต้หนึ่งกระบวนท่า หากไม่อยู่ก็ตาย! รวมถึงความเกรงขามที่ปล่อยออกมา การรวมตัวของพลังล้วนแตะถึงจุดหนึ่ง เธอในตอนนี้เคยสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางในถ้ำใต้ดิน ถึงกระทั่งอาจฆ่าขั้นสี่ตอนปลายได้เหมือนกัน…แต่ว่าคนพวกนั้นต่างเป็นผู้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอในถ้ำใต้ดิน ประเภทเดียวกับผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมของพวกเรา รอเธอได้เจอกับผู้แข็งแกร่งของถ้ำอย่างแท้จริง เธอก็จะเข้าใจว่า สิ่งที่สังหารข้ามขั้น…เป็นเรื่องยากขนาดไหน ยากยิ่งกว่าขึ้นไปบนสวรรค์! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเจอกับยอดฝีมือแนวหน้าของขั้นสี่ เขาใช้ความเกรงขามกดดันเธอได้ ออกกระบวนท่าชั้นยอด ต่อให้เธอจะมีวิธีการเยอะขนาดไหน เอาออกมาไม่ได้ก็เท่ากับสูญเปล่า”
ฟางผิงฟังจบก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า “ผู้แข็งแกร่งแบบนี้มีไม่เยอะสินะครับ?”
เขาอยู่ในถ้ำใต้ดินแทบไม่ได้เจอกับผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้มาก่อน
หากเจอเข้าจริงๆ คงตายไปนานแล้ว
รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกคนนั้นในตอนแรกด้วย แน่นอน ไม่ลบความคิดที่ว่าอีกฝ่ายดูถูกฟางผิงเกินกว่าที่จะใช้วิธีนี้เช่นกัน แต่น่าจะมีโอกาสไม่สูงมาก
“มีน้อย…” จางติ้งหนานเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ทั้งพวกเขายังไม่ค่อยอยู่รอบนอก อันที่จริงผู้แข็งแกร่งของถ้ำใต้ดินก็ฝึกฝนอยู่เหมือนกัน ฝึกประสบการณ์ในส่วนลึกของถ้ำ ฝึกในที่รกร้างว่างเปล่า ฝึกในที่ไร้ซึ่งผู้คน ฐานที่มั่นของมนุษยชาติ สำหรับพวกเขาแล้วขาดแคลนโอกาสพวกนี้อยู่ รอวันไหนเธอเข้าไปลึกในถ้ำใต้ดินแล้ว บางทีอาจจะได้เจอเช่นกัน ระวังตัวไว้หน่อยก็ดี”
“ขอบคุณผู้ว่าที่ตักเตือน”
“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องนี้อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ต่างรู้ดี วันไหนเธอเข้าไปลึกในถ้ำ พวกเขาก็จะเตือนเธอเหมือนกัน”
“เข้าไปลึกในถ้ำใต้ดิน…”
ฟางผิงพึมพำ ตอนนี้พื้นที่ที่เขาเข้าไปลึกที่สุดก็คือป่าราชันเจี่ยวเท่านั้น ห่างจากเมืองความหวังแค่ไม่เกินร้อยลี้
แต่ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ใหญ่เท่าไหร่กัน?
ตะวันออกถึงตะวันตกลากยาวห้าพันกิโลเมตร ไกลกว่าหมื่นลี้!
ใต้และเหนือสองพันลี้ นี่ยังเป็นแค่ที่ตั้งของสิบสามเมือง
อาณาเขตที่ขนาดประมาณครึ่งประเทศจีน ตอนนี้ฟางผิงเคลื่อนไหวแค่ภายในเมืองแห่งหนึ่งเท่านั้น ระยะห่างจากส่วนลึกยังอีกไกลมาก ทั้งสถานที่เล็กๆ แบบนั้น เขายังเจอกับยอดฝีมือขั้นเก้า ทั้งพบกับเจี่ยวอีก
ระหว่างที่พูด ฟางผิงคิดว่าควรจะบอกลาได้แล้ว แต่เขาคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “ผู้ว่า ‘น่าย่ากู่ข่าหลี่’ ในภาษาถ้ำใต้ดินนั้นหมายถึงอะไรเหรอครับ?”
จางติ้งหนานเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “เธอเจอแล้วเหรอ?”
ฟางผิงสับสนมึนงง เจออะไร?
“ความหมายคร่าวๆ คือ ฉันอ่อนแอมาก ผู้แข็งแกร่งไม่ฆ่าผู้อ่อนแอ ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลย”
ฟางผิงอึ้งไปเล็กน้อย กลืนน้ำลายอึกใหญ่ เอ่ยเสียเบาว่า “ที่แท้ก็มีความหมายเชิงขอร้อง?”
จางติ้งหนานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “จะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ แต่สถานการณ์ทั่วไป ระดับเดียวกันมักจะไม่พูดคำนี้ นอกจากเธอจะเจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองของเขา พวกเขาอาจจะพูดแบบนี้ออกมา เพราะในความคิดของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ ยอมแพ้ต่อผู้แข็งแกร่งไม่ใช่เรื่องน่าขายหน้า”
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำเจอกับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ก็จะต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายทันที แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัวตายเลยเหมือนกัน ขั้นสามเจอกับขั้นเจ็ด ไม่กลัวตายมีประโยชน์หรือไง?
ยึดตามกฎโบราณ พวกเขาก็ร้องขอความเมตตาให้ผู้แข็งแกร่งไม่ฆ่าผู้อ่อนแอเช่นกัน
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าแข็งทื่อ “ผมเข้าใจความหมายนั้นว่า ฉันเป็นแค่คนไร้ค่า นายปล่อยฉันไปเถอะ ก็ไม่ผิดสินะครับ?”
จางติ้งหนานหลุดขำ “หากเธอยินดีที่จะคิดแบบนั้น ก็สามารถคิดแบบนั้นได้ แต่ไม่จำเป็นต้องสนใจ ก็แค่ฆ่าเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำควรฆ่าให้หมด! ส่วนถ้าปรมาจารย์ไปเจอ ต้องดูที่อารมณ์ บางครั้งปรมาจารย์ก็ไม่อาจจงใจสังหารชาวบ้านทั่วไปของถ้ำใต้ดินเช่นกัน”
ฟางผิงไม่พูดอีก ตาเฒ่าหลี่ เอาเรื่องจริงๆ!
ไม่แปลกใจที่เขาถูกดูแคลนหลายต่อหลายครั้ง!
แต่ว่า…คนที่เขาเจอมีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าทั้งนั้น แค่กๆ…ไม่นับว่าขายหน้าเหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยินด้วย ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่ได้ยินตายไปกันหมดแล้ว
“ทำลายศพลบหลักฐาน…ไม่มีใครรู้แล้ว”
ฟางผิงปลอบใจตัวเอง ไม่งั้นความอัปยศอดสูนี้คงลบล้างไปไม่ได้แล้ว
—
ก่อนจะจากไป จางติ้งหนานยังไม่ลืมบอกฟางผิง หน่วยทหารและสถาบันวิจัยภาษามีการคิดค้นใหม่ๆ อยู่เหมือนกัน หากมีเวลาสามารถไปเรียนภาษาที่มนุษย์ถ้ำใช้บ่อยๆ ได้ ทางเซี่ยงไฮ้น่าจะพัฒนาความรู้ด้านนี้อีกไม่นานเช่นกัน
ฟางผิงขอบคุณยกใหญ่ จะว่าไปแล้วผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ยังคงโชคดีอย่างมาก
หรือจะพูดว่าผู้ที่เป็นอัจฉริยะล้วนโชคดี
เขามาขอคำชี้แนะจากปรมาจารย์ ปรมาจารย์ก็ไม่ปิดบังอะไร แทบจะบอกในสิ่งที่ไม่ได้ถามมาด้วยซ้ำ
อาจารย์ของเขาเป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่ใกล้เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์เช่นกัน
ตาเฒ่าหลี่ก็อยู่ขั้นหกสูงสุด รวมถึงหัวสิงโตด้วย หากเขามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ก็จะบอกอย่างไม่ปิดบัง
ยังมีหวงจิ่ง คณบดีของเซี่ยงไฮ้อีกคน คนพวกนี้ต่างเป็นเหมือนกัน
ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบางส่วนแล้ว ถือว่าโชคดีกว่าเยอะ
ส่วนเรื่องที่ตาเฒ่าหลี่สอนภาษาถ้ำใต้ดินให้ตัวเองแค่ประโยคเดียว…ฟางผิงเข้าใจจุดประสงค์ของตาเฒ่าหลี่แล้ว แต่ยังรู้สึกน่าขายหน้าอยู่ดี!
“เรื่องนี้คนของถ้ำใต้ดินถูกฉันฆ่าปิดปากหมดแล้ว ทางตาเฒ่าหลี่ ตีให้ตายยังไงฉันก็ไม่อาจบอกว่าฉันเคยพูดคำพวกนี้ ไม่งั้น…คงจะขายหน้าต่อคนๆ นี้แล้ว”
ฟางผิงจำไม่ได้ว่าตัวเองเคยบอกตาเฒ่าหลี่ไปหรือเปล่าว่าตัวเองพูดคำพวกนี้กับพวกถ้ำไปแล้ว
แต่…คิดว่าไม่ได้พูดเสียแล้วกัน
—————