ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 281 หนึ่งปีสี่ขั้น (1)
ตอนที่ 281 หนึ่งปีสี่ขั้น (1)
สระปราณ
มีประสบการณ์จากครั้งแรกแล้ว ไม่นานฟางผิงก็เริ่มเชื่อมต่อสะพานฟ้าดินเส้นที่สอง
หัวใจตับม้ามปอดไต อวัยวะตันทั้งห้าหรือเรียกอีกอย่างอวัยวะควบคุม อวัยวะตันทั้งห้าสามารถควบคุมได้!
ในและนอกทะลุถึงกัน เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินทั้งห้า ผู้ฝึกยุทธ์จะก้าวเข้าสู่เขตแดนของจิตใจอย่างเป็นทางการ ระดับกลางถึงจะสามารถฝึกจิตของตัวเองได้!
แน่นอนว่าปกติต้องแตะขั้นหกสูงสุดถึงจะฝึกจิตตัวเองได้ สาเหตุหลักอยู่ที่พลังจิตใจอ่อนแอเกินไป แต่ผู้ที่มีพลังจิตใจแข็งแกร่ง ขั้นสี่ก็สามารถฝึกฝนได้แล้ว
แต่สถานการณ์เช่นนี้นับว่าพบเห็นได้น้อยยิ่ง
ตอนที่เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินสายแรกสำเร็จ ฟางผิงก็รับรู้ได้ว่าพลังจิตใจของเขาโลดแล่นขึ้นมากว่าเดิม ทั้งยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
เชื่อมต่อสะพานทั้งห้า จิตใจของเขาน่าจะเริ่มกล้าแกร่งขึ้นมาแล้ว!
—
สะพานฟ้าดินเส้นที่สองคือสะพานลำเลียงของตับ
สะพานของหัวใจเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว ทางเดินพลังงานยังไม่เสถียรอย่างสมบูรณ์ พลังงานที่ทะลุผ่านไม่มาก อาจไม่เกิดการต่อต้านเสมอไป
หากทางเดินพลังงานเสถียรแล้วเชื่อมต่อสะพานด้านข้างต้องกังวลการต่อต้านของสะพานหัวใจและความปั่นปวนของรังสีพลังงานอีก
ฟางผิงใช้ค่าทรัพย์สินไปจำนวนมากในการผลิตปราณ ก่อตั้งเค้าโครงสะพานขึ้นอย่างรวดเร็ว
—
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ร่างของฟางผิงถูกโอบล้อมด้วยปราณ ภายนอกร่างกายราวกับมีรังไหมสีเลือดอีกหนึ่งชั้น ห่อหุ้มร่างฟางผิงไว้ข้างใน
ตอนนี้ด้านนอกสระปราณไม่ได้มีแค่พวกตาเฒ่าหลี่สองคนแล้ว
หลู่เฟิ่งโหรวยืนกอดอก เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “สะพานฟ้าดินทั้งห้าเชื่อมต่อให้สำเร็จภายในครั้งเดียวได้ด้วย? ถ้าฉันจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เซวียหลี่เชื่อมต่อสะพานสามแห่งในครั้งเดียวก็ใช้พลังหมดเกลี้ยงแล้ว…”
เซวียหลี่คือผู้ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ รับตำแหน่งรองผู้อำนวยการของหน่วยสืบสวน
เซี่ยงไฮ้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศจีน มีปรมาจารย์หลายคน ผู้ว่ามณฑลเซี่ยงไฮ้ ผู้บัญชาการทหารเซี่ยงไฮ้ ผู้อำนวยกองการศึกษาเซี่ยงไฮ้ ผู้นำทั้งสี่ของหน่วยสืบสวนเซี่ยงไฮ้ล้วนอยู่ขั้นปรมาจารย์ทั้งสิ้น
รองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนของเซี่ยงไฮ้เทียบได้กับตำแหน่งรองผู้ว่ามณฑลหนานเจียงพวกนี้
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะว่า “ลองดูเท่านั้น หากไม่ได้จริงๆ มียาป้องกันอวัยวะอยู่ พักฟื้นไม่กี่วันก็หายแล้ว”
เทียบกับการเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลาง อวัยวะภายในบาดเจ็บอย่างมากก็ใช้ยาฟื้นคืนชีวิตหนึ่งเม็ดเท่านั้น ตายไม่ได้หรอก
ขอแค่มีเศษเสี้ยวของความหวัง เกรงว่าคงไม่มีใครลังเลว่าจะเลือกยังไงหรอก
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก หันไปมองตาเฒ่าหลี่ด้วยแววตาคมกริบ “เขาถ่ายโฆษณาพวกนั้นเพราะนายยั่วยุ?”
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าแข็งทื่อ “เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
“บัญชีครั้งนี้ฉันจะจำไว้!”
ตาเฒ่าหลี่แทบจะหลุดด่าออกมา เป็นความผิดของฉันซะงั้น?
อาจารย์ผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างพยายามเกร็งหน้าไม่ให้ตัวเองขำออกมา ตอนนี้ที่นี่มีแต่ขั้นหกสูงสุดอยู่สองคน
คนหนึ่งเป็นรองคณบดีของมหาวิทยาลัย อีกคนเป็นอาจารย์ที่ยากจะรับมือ ตัวเองไม่อาจหัวเราะได้ หัวเราะออกมาจะถูกตีตายเอา!
ตาเฒ่าหลี่แค่นเสียงในลำคอ ไม่พูดอะไรอีก
ภายในห้อง รังไหมสีเลือดที่ห่อหุ้มร่างฟางผิงหนาชั้นขึ้นเรื่อยๆ แทบจะพันรอบร่างเขาไว้ทั้งหมด
ผ่านไปสักพัก หลู่เฟิ่งโหรวค่อยเอ่ยขึ้นว่า “สามสายแล้ว!”
ตาเฒ่าหลี่ยังไม่ทันพูดจบ อาจารย์ผู้ดูแลก็หันไปมองแผงอุปกรณ์นอกประตู ถอนหายใจว่า “หัวใจพังทลายไปแล้ว”
พวกหลู่เฟิ่งโหรวแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
อาจารย์ผู้ดูแลสีหน้าแข็งทื่อขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยอย่างเหี่ยวแห้งว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าที่ปลดปล่อยปราณให้ตายแล้ว”
ทั้งสองคนยังคงไม่มีการตอบรับ
“คณบดีหลี่ อาจารย์หลู่…”
“ตายก็ตายสิ ไม่ได้หูหนวก!”
ตาเฒ่าหลี่ตอบกลับอย่างหงุดหงิด “นายจะพูดจุกจิกอะไรนักหนา แค่ขั้นห้าตายไปคนหนึ่งเท่านั้น สำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง!”
อาจารย์ผู้ดูแลใบหน้าดำคล้ำ ฉันก็ขั้นห้าเหมือนกัน ตาเฒ่าอย่ามาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าฉันได้ไหมล่ะ!
แต่เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดแล้ว ขั้นห้าไม่อาจเทียบอะไรได้จริงๆ
ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุด ประตูของซานเจียวถูกปิดผนึกแล้ว ร่างกายหมุนเวียนเป็นระบบด้วยตัวเอง อยู่ในกึ่งร่างทอง ประคองพลังต่อสู้ได้นาน
พลังจิตใจของตาเฒ่าหลี่ได้รับความกระทบกระเทือน เขาอยู่ขั้นหกสูงสุดถือว่ายังดี ความจริงไม่นับว่าแข็งแกร่งมากมาย ยังมีข้อบกพร่องขนาดใหญ่อยู่
เจอกับปรมาจารย์ที่พลังจิตใจกล้าแกร่ง ถึงกระทั่งขั้นหกสูงสุดที่ระดับเดียวกัน อาจจะได้รับบาดเจ็บหนักเพราะพลังจิตใจอ่อนแอได้
แต่หลู่เฟิ่งโหรวที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางทั่วไปแล้ว มีความห่างชั้นมากจริงๆ แทบไม่มีจุดบกพร่องอะไร แม้ว่าสมองจะเริ่มแปรสภาพเป็นกึ่งทองแล้วก็ตาม
ยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดสองคนไม่ใส่ใจ อาจารย์ผู้ดูแลอย่างเขาทำได้แค่ปิดปาก
ทุกคนยังคงรอต่อ จู่ๆ หลู่เฟิ่งโหรวก็เอ่ยว่า “เอาฉากกั้นพลังงานออก!”
อาจารย์ผู้ดูแลเริ่มจัดการทันที กำแพงภายในสระปราณขยับเล็กน้อย ฟิลม์บางๆ ที่ไร้รูปร่างราวกับเลือนหายไป
เสี้ยววินาทีที่ฟิลม์บางๆ หายไปนั้น อนุภาคพลังงานทั่วสี่ทิศทางก็เริ่มเข้ามารวมตัวในพื้นที่ว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ด้านฟางผิงเริ่มจับกุมพลังงานเช่นกัน หรือจะพูดว่าจับกุมก็ไม่ถูก เพราะอนุภาคพลังงานเป็นฝ่ายเข้ามาหลอมรวมกับภายในร่างกายของเขา
หลู่เฟิ่งโหรวเห็นจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย “สะพานฟ้าดินเสถียรแล้ว เริ่มเป็นฝ่ายดูดซับอนุภาคพลังงาน”
นี่เป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง
อนุภาคพลังงานเป็นฝ่ายถูกสะพานฟ้าดินดูดซับ เข้าไปหลอมอวัยวะภายในและเนื้อหนังเอง บนโลกยังไม่นับว่าชัดเจนเท่าไหร่ แต่ถ้าในถ้ำใต้ดินสถานที่ที่มีพลังงานเต็มเปี่ยม ผู้ฝึกยุทธ์จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
สามคนที่อยู่ตรงนั้น คนที่อ่อนแอที่สุดคือขั้นห้าสูงสุด หลู่เฟิ่งโหรวที่มีพลังจิตใจแทบจะเห็นถึงการเคลื่อนย้ายของอนุภาคพลังงานได้
ตาเฒ่าหลี่และอาจารย์ผู้ดูแลมองไม่เห็น แต่ก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ชัดเจน
ความแข็งแกร่งและอ่อนแอของพลังงาน อันที่จริงยอดฝีมือระดับกลางสามารถรับรู้ได้
“ดูจากความเร็วนี้ สะพานฟ้าดินของเขาเสถียรไม่น้อยแล้ว บางทีปรับตัวอีกสักระยะหนึ่งก็สามารถเริ่มหลอมอวัยวะตันทั้งห้าได้แล้ว”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก่อนสิ้นปีอาจจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายสำเร็จก็ได้!”
ก่อนสิ้นปีฟางผิงกำลังจะขึ้นปีสอง
หากราบรื่น ปีสองเทอมหน้าอาจจะหลอมอวัยวะตันทั้งห้าสำเร็จ เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุด
ปีสามใช้เวลาหนึ่งปีหรือปีครึ่งอาจจะทะลวงขั้นห้าสูงสุด ก่อนจบปีสี่บางทีอาจแตะถึงขั้นหกได้จริงๆ
ส่วนนักศึกษาขั้นห้าที่จบการศึกษาไปก่อนหน้านี้ อันที่จริงอยู่ในขั้นต้นทั้งหมด ระยะห่างจากขั้นหกยังอีกไกล
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดอะไร
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยต่อว่า “ไขกระดูกเขาหลอมสำเร็จขั้นสูงแล้ว พลังจิตใจไม่อ่อนด้อย หลังจากเข้าสู่ขั้นเจ็ด ขอแค่หลอมกะโหลกเสร็จสิ้น ไม่นานก็จะเป็นยอดฝีมือขั้นแปดร่างทอง ส่วนขั้นเก้า บางทีอาจใช้เวลาไม่กี่ปีเท่านั้น ถึงวันนั้นเธอให้เขาช่วยเธอสังหารเจ้าเมืองเทียนเหมิน ฉันว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย ทั้งทำให้ความปรารถนาลุล่วงได้ด้วย เทียบกับตัวเธอแล้ว ฉันคิดว่าไอ้หนูนี้มีหวังมากกว่า”
หลู่เฟิ่งโหรวจมดิ่งในความเงียบ
“ระยะห่างของขั้นเจ็ดและขั้นเก้า เธอน่าจะกระจ่างใจดี ไปก็ไปตายเท่านั้น ลูกศิษย์ของเธอล้างแค้นแทน ฉันคิดว่าเป็นเรื่องดี…”
“พอได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้นายมาสอนฉัน!”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียงเบาๆ ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจ “ตัวแสบอย่างเธอตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้ว นึกถึงปีนั้น…”
หลู่เฟิ่งโหรวใบหน้าดำคล้ำอยู่บ้าง!
ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้อายุเยอะกว่าเธอเท่าไหร่ แต่ถ้าพูดจริงจังหน่อย ตาเฒ่าหลี่ถือว่าเป็นกึ่งศิษย์พี่ของเธอ ตาเฒ่าหลี่เป็นลูกศิษย์ของอธิการ หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่ใช่ แต่หลู่เฟิ่งโหรวจบจากเซี่ยงไฮ้ ทั้งอธิการเฒ่าเคยชี้แนะเธออยู่ช่วงหนึ่งเช่นกัน
ตอนที่กระบี่อมตะกำลังเลื่องชื่อ หลู่เฟิ่งโหรวยังอายุน้อยอยู่เลย
เวลานั้นจึงมีความเคารพนับถือเช่นกัน
แต่ลูกสาวตามอู๋ขุยซานและพวกหลี่ฉางเซิงเข้าถ้ำใต้ดิน จากในความคิดตอนแรก คนพวกนี้ล้วนเป็นกลุ่มอาจารย์แนวหน้าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ลูกสาวย่อมมีหลักประกันความปลอดภัยแน่นอน
ใครจะรู้ว่ายังเกิดเหตุไม่คาดฝันได้
หลังจากเกิดเรื่องนั้น หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่มีความเกรงใจกับหลี่ฉางเซิงอีก แม้ว่าจะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องเขา แต่หากเจอหน้าก็ไม่อาจพูดจาดีๆ ด้วย
ตอนนี้หลี่ฉางเซิงใช้คำพูดแบบนี้ หลู่เฟิ่งโหรวจึงใบหน้าดำทะมึน กลับไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ ชะงักไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เรื่องที่ช่วยดูแลเขาในการทะลวงขั้นสาม ลำบากนายแล้ว”
“เกรงใจทำไมกัน”
ตาเฒ่าหลี่ยิ้มยิงฟัน “ฉันยังต้องรอเจ้าเด็กนี้กลายเป็นปรมาจารย์ ไปช่วยตามเก็บพวกศัตรูให้ฉัน”
“กลัวก็แต่ว่านายจะไม่ได้เห็น!”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นค่อยบอกฉันก่อนปีใหม่ละกัน”
“จะไปเมื่อไหร่?”
“ถ้ำใต้ดินหนานเจียงเปิดออก”
“ไปก็ไปตายเท่านั้น ปัญญาอ่อน!”
ตาเฒ่าหลี่ยิ้มตาหยี “ตายไวหรือช้าก็เหมือนกัน ฉันไม่เหมือนเธอ ยังมีความหวัง ฉันนั้นหมดหวังแล้ว ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่ว่าตาแก่ห้ามไม่ให้ฉันไป ฉันคงไม่อยู่แล้ว”
ระหว่างที่ตาเฒ่าหลี่พูดยังเผยความเสียใจอย่างเห็นได้ชัด “อย่าแค้นเคืองอีกเลย คนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องในปีนั้นตายไปเกือบหมดแล้ว สิบสองคนที่รอดออกมา หลายปีนี้ก็ตายแทบเกลี้ยงแล้ว ปีก่อนนอกจากเหล่าอู๋และฉัน ก็มีหนานอู๋ชางอีกคน ระหว่างเดินทางไปถ้ำใต้ดินเทียนหนาน หนานอู๋ชางก็ตายแล้ว ตายกันหมดแล้ว พอฉันตาย นั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัวเธอเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องแค้นเคืองกันอีก…”
———————