ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 282-2 เด็กที่ร้องไห้เป็นถึงจะมีนมกิน (2)
ตอนที่ 282 เด็กที่ร้องไห้เป็นถึงจะมีนมกิน (2)
ฟางผิงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ผมแค่ถามไปเท่านั้น”
“คิดเรื่องพวกนี้ให้น้อยๆ หน่อย เธอสนใจชิงตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่า?”
“ต้องทิ้งสมาคมผิงหยวนใช่ไหมครับ?”
“ไม่จำเป็น”
“งั้นต้องสนใจอยู่แล้ว”
ฟางผิงหัวเราะว่า “แค่เอาชนะจางอวี่ได้ก็เพียงพอแล้วใช่หรือเปล่า?”
“เอาชนะจางอวี่ต้องหาจังหวะที่เหมาะสมก่อน ฉันจะให้หลี่ฉางเซิงเสนอกับมหาวิทยาลัย”
“แล้วทางเฉินเหวินหลง…”
“เฉินเหวินหลงใกล้ขึ้นปีสี่แล้ว ตอนนี้ก็ฝึกอยู่ในหน่วยทหาร เขาคงไม่เข้ามาข้องเกี่ยวหรอก”
ฟางผิงพยักหน้า เอ่ยอย่างฮึกเหิมว่า “งั้นไม่มีปัญหา รอผมปรับตัวสักสองวัน ผมจะไปท้าประลองจางอวี่”
“ยังไม่ต้องรีบ รอพวกอู๋ขุยซานกลับมาก่อน เรียกนักศึกษาให้กลับมาล่วงหน้า รอเขารับช่วงต่องานของอธิการแล้ว เธอค่อยไปประกาศต่อหน้านักศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยว่าจะท้าประลองกับจางอวี่!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าขื่นขม “แบบนั้นจะหักหน้าไปหรือเปล่าครับ? ปรมาจารย์หลายคนอยู่ตรงนั้น ผม…”
หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิว่า “กลัวอะไร พวกเขาลงมือกับเธอได้หรือไง? ขอแค่เธอได้รับการยอมรับจากพวกนักศึกษา ทำให้พวกอาจารย์ได้เห็นถึงความสามารถ อู๋ขุยซานก็ไม่กล้าต่อต้านเสียงส่วนใหญ่เช่นกัน เขาคุมอำนาจในเซี่ยงไฮ้ครั้งแรก สิ่งที่ต้องการก็คือการสนับสนุนจากทุกคน”
พูดจบ หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “เธอเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางสามารถฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงได้แล้ว อีกอย่างจนถึงตอนนี้จวงกงก็สามารถฝึกลึกลงไปอีกได้ จะฝึกวิชาเคลื่อนที่ในอากาศหรือจะวิชาเสริมสร้างร่างกาย เธอคิดเอาเอง…”
“เคลื่อนที่ในอากาศ!”
ฟางผิงไม่ลังเลสักนิด หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมล่ะ? ฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายจะมีประโยชน์กับพลังต่อสู้เธอมากกว่า”
หากเป็นก่อนหน้านี้ฟางผิงคงคิดว่าวิชาเสริมสร้างร่างกายนั้นดีกว่า
แต่ตอนนี้เขาสามารถเพิ่มปราณได้ ปราณเพิ่มขึ้น พื้นฐานร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น งั้นฝึกฝนด้านร่างกายจึงกลายเป็นสิ่งที่จะมีหรือไม่มีก็ได้
ขอแค่ค่าทรัพย์สินเพียงพอ ฟางผิงคิดว่าพื้นฐานร่างกายของเขานั้นทำถึงขั้นแข็งแกร่งเทียบกับร่างทองได้
เวลานี้ต้องเลือกฝึกเคลื่อนที่ในอากาศที่เท่ระเบิดมากกว่า
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องที่เท่อย่างเดียว
ฝึกเคลื่อนที่ในอากาศ แม้จะวิ่งก็สะดวกเช่นกัน
ตอนนี้ถึงฟางผิงจะแตะเท้าในอากาศได้ แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เหยียบได้ไม่สูงมาก แรงโน้มถ่วงของโลกยังส่งผลกระทบค่อนข้างมาก ไม่นานก็ทำให้เขาร่วงลงพื้น
แต่ถ้าฝึกเคลื่อนไหวในอากาศสำเร็จ ปราณของเขาเพียงพอ นั่นก็สามารถเหาะเหินในอากาศได้จริงๆ แล้ว
ถึงเวลานั้นยอดฝีมือที่ไม่ได้ฝึกเคลื่อนไหวในอากาศแทบไม่อาจต่อยตีเขาได้
แม้จะฝึกฝนมา วิ่งหนีกลางอากาศได้ หากปราณอีกฝ่ายไม่เข้มข้นพอ โอกาสไล่ตามฟางผิงทันก็มีน้อยเช่นกัน
เดินเหินบนอากาศไม่ได้เร็วกว่าบนพื้นโลกเสมอไป แต่ประเด็นหลักอยู่ที่ความสะดวก
หากตอนแรกฟางผิงฝึกฝนการเคลื่อนที่ในอากาศ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่ไล่ตามฆ่าเขาคนนั้นก็อาจจะไล่ตามเขาไม่ทันเสมอไป
แม้บนพื้นโลกจะวิ่งไล่ทัน ฟางผิงก็สามารถเลือกหนีไปในที่ที่มีสิ่งกีดขวางได้ หรือจะเหมือนก่อนหน้านี้ ในสถานการณ์ที่ค่าทรัพย์สินมากพอ เขาสามารถทำให้ขั้นหกคนนั้นปราณหมดเกลี้ยงได้เช่นกัน
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดมากอะไร เอ่ยว่า “งั้นเธอไว้ค่อยไปหาฉันละกัน วิชาเคลื่อนที่ในอากาศฉันสอนเธอได้ อีกอย่างเลือกเคล็ดวิชาระดับสูงมาสักอย่างสองอย่างด้วย…”
“อาจารย์ครับ เคล็ดวิชาระดับสูงและระดับกลางมีความแตกต่างเยอะหรือเปล่า?”
“ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วว่าการฝึกเคล็ดวิชาอยู่ที่ความสามารถในการควบคุม ไม่ใช่อยู่ที่ระดับขั้นสูงหรือต่ำ”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อ “แน่นอนว่าระดับสูงและระดับกลางมีความแตกต่างอยู่แล้ว อันที่จริงสรุปออกมาก็มีลักษณะพิเศษสองอย่าง อย่างแรก โจมตีโดยการปลดปล่อยปราณ!”
ฟางผิงเอ่ยด้วยแววตาวูบไหวเล็กน้อย “เทียบได้กับการโจมตีระยะไกล ไม่ใช่การต่อสู้ประชิดตัวเพียงอย่างเดียวแล้ว?”
“เธอจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้”
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อ “อย่างที่สอง พลังทะลวง!”
“พลังทะลวง?”
ฟางผิงเผยสีหน้าสงสัย หลู่เฟิ่งโหรวเดินไปพลางเอ่ยไปพลาง “ตอนที่เธอประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามสัมผัสไม่ได้หรือยังไง? พวกเธอต่อสู้กัน ส่วนมากจะเป็นการโจมตีภายนอก บางคนทะลวงผิวหนังของเธอไม่ได้ แต่ใช้หมัดสั่นสะเทือนบดขยี้หัวใจเธอได้? เคล็ดวิชาระดับสูง ส่วนมากจะเป็นการใช้พลังทะลวงพวกนี้ แน่นอน เธอสามารถเข้าใจว่าเป็นพลังสั่นสะเทือนได้ หรือจะให้ชัดเจนอีกหน่อย เธอสามารถมองเป็นวิชาตีวัวข้ามภูเขา[1]ได้ เวลานั้นผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถปล่อยปราณออกมาข้างนอก ทะลวงจนแตะถึงเงื่อนไขพื้นฐาน เธอชกออกไปหนึ่งหมัด พลังปราณจะทะลวงผ่านผิวเข้าไประเบิดภายในร่างกายของเขา…”
“งั้นก่อนหน้านี้ผมเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำขั้นสี่ ทำไมไม่เห็นมีผู้ฝึกยุทธ์ประเภทนี้…”
“อย่างแรกที่เธอเจอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับกลาง ปกติไม่ได้ฝึกเคล็ดวิชาขั้นสูง ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่ได้มีสิทธิ์ฝึกวิชาทุกคน อย่างที่สอง ฝึกฝนยังไม่ถึงขั้นชำนาญ จึงไม่สามารถก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บจากพลังทะลวงได้ อย่างที่สามตอนแรกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกที่ไล่ฆ่าเธอคนนั้น อันที่จริงเคยฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงมาแล้ว แต่เธอมีเกราะหนังป้องกัน รวมทั้งอวัยวะภายในแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป ทั้งเขาฝึกฝนไม่ลึกล้ำพอ ดังนั้นจึงไม่ได้สั่นสะเทือนอวัยวะภายในของเธอจนแตกกระจุย แต่เธอไม่รู้สึกเลยหรือไง ครั้งนั้นอวัยวะภายในของเธอบาดเจ็บอย่างหนัก? แต่เขาใช้พลังปราณไม่สูงพอ อาจจะอยู่ในช่วงที่ปิดผนึกประตูซานเจียว ไม่สะดวกที่จะลงมือเต็มกำลัง”
ฟางผิงเผยสีหน้างุนงง “ช่วงปิดผนึกประตูซานเจียว?”
“ใช่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะค้นพบว่าภายในร่างกายมีประตูสามบาน อันที่จริงจิงชี่เฉินของพวกเราไหลออกไปอย่างไม่ขาดสาย เวลานี้สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือปิดผนึกประตูสามบาน ให้จิงชี่เฉินเข้าได้แต่ออกไม่ได้ เพิ่มความแข็งแกร่งร่างกายด้วยตัวเอง แต่ว่าช่วงที่เธอปิดผนึกประตูสามบาน เมื่อลงมือเต็มกำลัง ประตูที่ปิดผนึกจะมีช่องโหว่ทันที แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับฝีมือของเธอด้วย ในสถานการณ์ปกติ แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกจะอยู่ในช่วงที่ปิดผนึกประตูสามบาน แต่ขั้นหกฆ่าขั้นสามก็ทำได้ง่ายๆ อยู่ดี ทำได้แค่พูดว่าอีกฝ่ายไร้ฝีมือ แน่นอนก็ไม่ขจัดความคิดที่ว่าเขายังห่างไกลจากการปิดผนึกอีกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อยากให้เธอมาถ่วงรั้งการฝึกวิชาของเขา…”
ฟางผิงแย้งทันที “ผมคิดว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย ประเด็นอยู่ที่ฝีมือผมก็ไม่อ่อนด้อยเหมือนกัน…”
ปฏิเสธความแข็งแกร่งของศัตรู นั่นเท่ากับปฏิเสธตัวเอง
ฟางผิงคิดว่าชายคิ้วบากคนนั้นแข็งแกร่งมากจริงๆ นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าเขาแข็งแกร่งเหมือนกัน
หลู่เฟิ่งโหรวคร้านจะสนใจเขา เวลานี้เดินออกมาจากเขตทางใต้แล้ว เห็นฟางผิงยังตามตัวเอง หลู่เฟิ่งโหรวจึงโบกไม้โบกมือ “ยังตามฉันมาทำไมอีก? กลับไปปรับตัวให้คุ้นชินกับระดับใหม่ก่อน อาบน้ำอาบท่า กลิ่นเหม็นโชยออกมาแล้ว ค่อยมาวันหลัง!”
ฟางผิงรีบดมกลิ่นตัวเองทันที ไม่เห็นจะได้กลิ่นอะไร!
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเดินตัวปลิว ฟางผิงรีบตะโกนทันที “อาจารย์ ผมทะลวงระดับกลางแล้ว คุณไม่ให้รางวัลหน่อยหรือไง?”
“ไปรับรางวัลหนึ่งพันคะแนนสำหรับระดับกลางที่มหาวิทยาลัย!”
“แล้วของอาจารย์ล่ะ?”
“ฉันไม่มีเงิน!”
ฟางผิงหงุดหงิดแทบตาย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดอย่างคุณมาพูดกับผมว่าจนไม่อายบ้างหรือไง?
“ให้สักหน่อยก็ยังดี!”
ฟางผิงวิ่งเหยาะๆ ไล่ตามตลอดทาง หากไม่จี้เอาจากหลู่เฟิ่งโหรว เขามักรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบยังไงไม่รู้ เหล่าหลู่ขี้เหนียวเกินไปแล้ว
ไล่ตามกว่าค่อนวัน แทบจะตามไปถึงหน้าประตูบ้านพักของหลู่เฟิ่งโหรว น่าจะทนฟางผิงไม่ได้แล้วจริงๆ หลู่เฟิ่งโหรวโยนขวดยาใบหนึ่งออกมา ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง ‘ปัง’ อย่างรวดเร็ว เป็นการบอกให้ฟางผิงรีบไสหัวไปเร็วๆ อย่างชัดเจน
ฟางผิงเปิดดู ชั่วขณะนั้นก็ดีใจจนแทบร้องไห้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ ในที่สุดก็ถอนขนมาจากเหล่าหลู่ได้!
“ยาฟื้นคืนชีวิต!”
แม้ว่าขวดใหญ่จะมีแค่เม็ดเดียว แต่ฟางผิงก็แทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เด็กที่ร้องไห้เป็นถึงจะมีนมกินจริงๆ
หากตัวเองไม่ไล่ตามถึงหน้าประตู คงไม่ได้ยาเม็ดนี้กลับมาแล้ว?
ยาฟื้นคืนชีวิต ต้องใช้สองร้อยคะแนนถึงแลกได้
ทั้งของสิ่งนี้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในได้แบบเห็นผลทันตา ให้ประสิทธิภาพสูง
ก่อนหน้านี้ฟางผิงได้มาหลายเม็ดเช่นกัน ปรากฏว่าในถ้ำใต้ดินได้รับบาดเจ็บติดต่อกัน สุดท้ายจึงใช้ไปหมดเกลี้ยง
“ของดีชัดๆ วันหลังต้องตามมาถึงหน้าประตูบ่อยๆ แล้ว”
ฟางผิงถือยาบำรุงด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
ค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากว่าสี่ล้านเช่นกัน รวมเป็นยี่สิบกว่าล้าน
“ใช่สิ มหาวิทยาลัยยังมีรางวัลให้หนึ่งพันคะแนน นี่เป็นเรื่องสำคัญ ลืมไม่ได้เชียว!”
ฟางผิงกลัวว่าตัวเองจะลืม ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร หมุนตัววิ่งไปทางฝ่ายบริการทันที
———————
[1]วิชาตีวัวข้ามภูเขา เป็นเคล็ดวิชาที่ใช้ฝ่ามือโจมตีในระยะไกลได้