ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 285 ตกลงไปยืมเงินตั้งแต่ตอนไหน (1)
ตอนที่ 285 ตกลงไปยืมเงินตั้งแต่ตอนไหน (1)
เซี่ยเหล่ยกระโดดออกมาฝูงชนแล้ว ฟางผิงไม่สนใจคนอื่นๆ อีก กระโดดออกไปเช่นกัน
“จะทำให้นายแพ้ในสามกระบวนท่า!”
ฟางผิงคำรามเบาๆ ไม่ได้ถือดาบ มีเพียงมือเปล่า
อาวุธยาวอย่างดาบกวนอู ตอนนี้ไม่เหมาะจะพกพาไปไหนมาไหนด้วย
“ดูสิว่านายจะอวดดีถึงเมื่อไหร่กัน!”
เซี่ยเหล่ยถูกยั่วโมโหอย่างถึงที่สุด!
ทั้งสองคนพูดจบแล้ว ฟางผิงก็แตะปลายเท้า ก่อนจะกระโดดขึ้นชั่วพริบตา ทะยานผ่านอากาศออกไป
กลางอากาศ ฟางผิงคำราม ฝ่ามือปรากฏแสงสีแดงขึ้น
“ฟัน!”
เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้องแทบจะระเบิดแก้วหูของทุกคน
ครู่ต่อมาหลายคนก็ได้สติ กวาดสายตาไปข้างหน้า ชั่วขณะนั้นทุกคนก็สีหน้าเปลี่ยนทันที
ฟางผิงฟันมือลงมา เซี่ยเหล่ยจำต้องถอยหลังไป ง้างหมัดขึ้นปะทะ
แต่เซี่ยเหล่ยที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสี่ตอนต้น อยู่ในขั้นสามสูงสุดได้ไม่นานเช่นกัน ระดับเดียวกันล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฟางผิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟางผิงที่สูงกว่าหนึ่งระดับ
ดาบมือที่ใช้วิชาดาบคลั่งโลหิตเจ็ดดาบรวมเป็นหนึ่ง ภายใต้การฟันลงไปหนึ่งดาบ หมัดของเซี่ยเหล่ยก็เกิดเลือดกระเซ็นไปทั่ว กระดูกมือเกิดเสียงลั่นบาดหูออกมา!
ในตอนที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ฟางผิงก็คำรามขึ้นมาอีกครั้ง!
“นิ่ง!”
เสียงคำรามดังขึ้น เซี่ยเหล่ยนิ่งค้างไปทันที เสี้ยววินาทีต่อมาฟางผิงก็เปลี่ยนฝ่ามือเป็นหมัด พุ่งโจมตีที่หน้าอกของเซี่ยเหล่ย เซี่ยเหล่ยกระเด็นตัวลอยออกไปร่วงสู่พื้น ไร้คำพูดอยู่เนิ่นนาน
“รุ่นพี่เซี่ย ขอบคุณที่ออมมือ!”
ฟางผิงเผยสีหน้าเยือกเย็น
นับว่าใช้พลังจิตใจสั่นสะเทือน รวมแล้วเอาชนะเซี่ยเหล่ยได้ในสามกระบวนท่า
กระบวนท่าแรกแค่อยากให้เซี่ยเหล่ยรู้ถึงความแตกต่างของพวกเขา ไม่งั้นฟางผิงที่พลังจิตใจสูงกว่าหกร้อยเฮิรตซ์จะสะกดเซี่ยเหล่ยไว้ไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน ภายใต้การสั่นสะเทือนจิตใจ กระบวนท่าเดียวก็เพียงพอให้เอาชนะเขาแล้ว
ทั่วทั้งสนามฝึกตกสู่สภาวะเงียบงัน
เซี่ยเหล่ยที่หลอมกระดูกสามครั้ง แก่กว่าฟางผิงอยู่หนึ่งรุ่น ทั้งยังเป็นอัจฉริยะแนวหน้าของเซี่ยงไฮ้ รู้จักกันในนามผู้ที่โดดเด่นที่สุดในการรับช่วงต่อประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
แต่ตอนนี้ใช้เวลาทั้งหมดประมาณสองวินาทีกลับถูกฟางผิงเอาชนะได้
พ่ายแพ้เร็วเกินไป ทั้งแพ้อย่างน่าอดสูเกินไป!
ฉากนี้นักศึกษาทุกคนต่างคาดไม่ถึง กระทั่งอาจารย์พวกนั้น เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่คาดการณ์ถึงฉากนี้ได้
บนเวทีนั้น หลู่เฟิ่งโหรวเผยสีหน้าเรียบนิ่ง หลี่ฉางเซิงแค่นยิ้มเล็กน้อย คนอื่นๆ ก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน
เกรงว่าคนอื่นๆ ยังจะคิดว่านี่เป็นการประลองของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด แต่พวกอาจารย์กลับรู้ว่านี่เป็นการประลองของยอดฝีมือระดับกลางต่างหาก!
ใช่แล้ว ระดับกลางก็สามารถเรียกได้ว่ายอดฝีมือแล้ว
ทั้งเซี่ยเหล่ยคนนั้นยังเป็นอัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้ กลับแพ้ในสามกระบวนท่า!
พลังจิตใจถูกสั่นคลอน ถึงกระทั่งอาจจะไม่นับรวมอยู่ในนั้นแล้ว
—
“สั่นสะเทือนพลังจิตใจ…”
อู๋ขุยซานพึมพำ หวงจิ่งที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างจริงจัง “พลังจิตใจแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะเลย ตอนที่เหยาเฉิงจวินอยู่ขั้นสี่ ปลดปล่อยพลังจิตใจสู่ภายนอกได้เหมือนกัน สูงกว่าหกร้อยเฮิรตซ์ ฟางผิง…เหมือนว่าจะไม่อ่อนด้อยไปกว่าเขาเช่นกัน!”
อันที่จริงหวงจิ่งรู้ว่าพลังจิตใจของฟางผิงแข็งแกร่งแค่ไหน
ครั้งแรกที่ค้นพบ ฟางผิงนั้นลองใช้รบกวนเขา เวลานั้นยังไม่สูงเท่าไหร่
ครั้งที่สอง ฟางผิงทะลวงถึงขั้นสามตอนปลาย ทะลวงพลังจิตใจด้วยเช่นกัน ครั้งนั้นอันที่จริงฟางผิงทำถึงขั้นมาตรฐานที่ปลดปล่อยออกไปข้างนอกได้แล้ว
แน่นอนว่าไม่ใช่การปลดปล่อยเหมือนพวกปรมาจารย์ แต่เป็นการปลดปล่อยออกจากร่างกายอย่างจำกัด ดำเนินการจับกุมอนุภาคพลังงาน
ตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาแค่ไหนกัน?
พลังจิตใจนั้นพัฒนาค่อนข้างช้า
ไม่เหมือนกับปราณ ทะลวงไปอีกขั้นหนึ่งก็เพิ่มขึ้นมาหลายร้อยหลายพันแคลแล้ว
พลังจิตใจนั้นเพิ่มขึ้นยาก ไม่มียาบำรุงช่วยเหลือ ไม่มีวิชาให้ฝึกฝน…
แม้ว่าฟางผิงจะแตะถึงขั้นสี่ ว่ากันตามหลักแล้ว พลังจิตใจก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากมาย
แต่ตอนนี้พลังจิตใจของฟางผิงกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สั่นสะเทือนเซี่ยเหล่ยที่อยู่ระดับเดียวกัน แทบจะทำให้เขาไร้แรงโต้ตอบอย่างสิ้นเชิง
ปรมาจารย์คนสุดท้ายของเซี่ยงไฮ้ หลิวพั่วหลู่เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนี้ไปเยี่ยมเยียนจางติ้งหนาน จางติ้งหนานถูกใจเขาอย่างยิ่ง ตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์…เกรงว่าต้องตกสู่มือเขาแล้ว”
หลี่ฉางเซิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้เฒ่าหลิว ไม่ใช่แค่จางติ้งหนาน อธิการบดีเฉินของจิงหนานก็ชมไม่ขาดปาก ฉันว่าตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คงไม่ไปไหนแล้ว”
ถังเฟิงที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “เขาจะดูแลสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ได้งั้นเหรอ?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?”
หลี่ฉางเซิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กิจการของเขา ฉันว่าเขาก็ดูแลได้ไม่เลวเลย”
ถังเฟิงปิดปากเงียบ ในสายตาของเขา เขาก็คิดว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ควรให้ความสำคัญกับผู้แข็งแกร่งเป็นหลัก
หากจางอวี่สู้ฟางผิงไม่ได้จริงๆ งั้นถอยออกมาจากตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว
แต่ว่า…ฟางผิง เด็กคนนี้เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เขารู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้
ช่างเถอะ ขี้เกียจจะสนใจแล้ว
ถังเฟิงไม่เอ่ยปากอีก คณบดีคนอื่นไม่พูดอะไรเช่นกัน อู๋ขุยซานเห็นแบบนั้นก็มองหลู่เฟิ่งโหรวที่เงียบมาโดยตลอดไปแวบหนึ่ง ไม่เอ่ยอะไรอีก
—
ด้านหน้าฝูงชน เซี่ยเหล่ยราวกับสับสนอยู่บ้าง ยังคงเป็นจางจื่อเวยที่ไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าไปพยุงเขาออกมาจากฝูงชนทันที
บางครั้งการประลองของผู้ฝึกยุทธ์ก็รู้ผลแพ้ชนะเร็วแบบนี้แหละ
ทั้งนี่ก็พิสูจน์ถึงระยะห่างของฝีมือพวกเขาเช่นกัน
จางอวี่ถอนหายใจเบาๆ ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านหน้าฝูงชนจุปากชม ฟางผิงเจ้าเด็กนี่ นับวันก็ยิ่งต่อกรยากขึ้นเรื่อยๆ!
“เก่งชิบหาย!”
“นี่คือความสามารถของอันดับหนึ่งในขั้นสามงั้นเหรอ?”
“ประธานเซี่ยแพ้ง่ายๆ แบบนี้?”
“ไม่อยากจะเชื่อ!”
“…”
เซี่ยเหล่ยมีชื่อเสียงไม่น้อย
ก่อนที่ฟางผิงจะมาเรียนที่นี่ เซี่ยงไฮ้มีผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งเพียงคนเดียว รองประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
ก่อนหน้านี้การจัดอันดับในขั้นสามของเซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้อยู่อันดับล่างๆ เช่นกัน
แต่ตอนนี้ทุกคนกลับเปิดหูเปิดตาเป็นครั้งแรกถึงความแตกต่างของเซี่ยเหล่ยและฟางผิง
ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งเหมือนกัน ฟางผิงเอาชนะเซี่ยเหล่ยได้อย่างสบายๆ
ด้านหน้าฝูงชนนั้น จางอวี่เผยสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา “รุ่นน้องฟางขั้นสี่แล้ว?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รุ่นพี่เซี่ยก็ขั้นสี่ ผมไม่นับว่าใช้ลำดับขั้นมากดคนอื่นสินะครับ?”
ฟางผิงอธิบายออกไป ป้องกันไม่ให้ทุกคนคิดว่าเขารังแกคน
แต่คำพูดประโยคนี้กลับจุดประกายไฟขึ้นมาอีกครั้ง
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่!”
“ฟางผิงขั้นสี่ เซี่ยเหล่ยก็ขั้นสี่!”
“ล้วนเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง!”
“เร็วเกินไปแล้ว คนหนึ่งเพิ่งจะปีสอง อีกคนเพิ่งจะปีสามเท่านั้น”
“เซี่ยเหล่ยมีเวลาอีกสองปีก่อนเรียบจบ ฟางผิงยังเหลืออีกสามปี…นี่ถ้ามีนักศึกษาขั้นห้าขั้นหกปรากฏขึ้นมา?”
ไม่ว่าจะเป็นเซี่ยเหล่ยหรือฟางผิง ตอนนี้ล้วนอยู่ในช่วงเวลารุ่งโรจน์ของการฝึกวิชา
เวลาสองปีเซี่ยเหล่ยทะลวงอีกขั้นไม่ใช่เรื่องยาก เรียนจบด้วยขั้นห้าอาจจะมีหวัง
ส่วนฟางผิง…บางทีอาจจะถึงขั้นหก หากไม่ราบรื่นก็อาจจะจบด้วยขั้นห้า
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สองคนประลองจบเร็วเกินความคาดหมายอยู่บ้าง
—
“รุ่นพี่จาง ตอนนี้ถึงเวลาของพวกเราแล้วสินะ?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
จางอวี่สูดลมหายใจเล็กน้อย เดินสาวเท้าออกมา พยักหน้าว่า “รุ่นน้องฟาง เชิญ!”
“เชิญ!”
ครั้งนี้ทั้งสองคนต่างคารวะทำตามธรรมเนียมของผู้ฝึกยุทธ์
เสร็จสิ้นแล้ว ฟางผิงก็กระโดดขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง ปลดปล่อยพลังจิตใจในชั่วพริบตา!
จางอวี่สีหน้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างว่องไว ซัดฝ่ามืออกไปเบาๆ ต้านดาบมือของฟางผิง
รับดาบมือแล้ว จางอวี่ก็ถอยไปหลายก้าว
ฟางผิงพุ่งตัวเข้ามา คำรามอีกครั้ง การเคลื่อนไหวของจางอวี่สะดุดไปเล็กน้อย
ในชั่วพริบตานี้ฝ่ามือของฟางผิงก็ประกายแสงสีแดง ฟันลงมาทันที!
‘ปัง!’
จางอวี่ซัดฝ่ามือออกมาช้าไปหน่อย แต่ร่างกายกลับเปล่งแสงสีทอง ต้านดาบมือของฟางผิงเอาไว้
ฟางผิงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย ใช้พลังจิตใจสั่นสะเทือนต่อ จางอวี่คำรามเช่นกัน บนหัวปรากฏแสงสีแดง ไอสังหารพุ่งพวยออกมาข้างนอก!
“ไม่เหมือนกับหลิงอีอีครั้งนั้น!”
ฟางผิงแสยะยิ้ม ครั้งนั้นเขาถูกหลิงอีอีต้านไว้ ถึงกระทั่งถูกสั่นคลอนพลังจิตใจ แต่นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ตัดสินใจจะเติมพลังจิตใจ
ยิ่งไปกว่านั้นครั้งแรกเขาก็ไม่ได้เตรียมตัว พลังจิตใจจึงไม่แข็งแกร่งเท่าตอนนี้
เวลานี้ฟางผิงประลองกับจางอวี่ ไม่อาจจะสนใจเรื่องเติมพลังจิตใจเช่นกัน
ไอสังหารพุ่งออกมาต่อต้านกับพลังจิตใจบางส่วน
แต่ต่อมาพลังจิตใจของฟางผิงก็คล้ายกับหลั่งไหลไม่ขาดสาย กดดันจางอวี่อย่างไม่หยุดหย่อน
จางอวี่คำรามต่อเนื่อง อยากจะหลุดออกจากสถานการณ์นี้
การประลองของผู้ฝึกยุทธ์ เป็นหรือตายเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
จางอวี่เป็นยอดฝีมือที่เคยฝึกวิชาเสริมสร้างร่างกายมาก่อน เนื้อหนังแข็งแกร่งอย่างมาก
แต่ต่อให้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ตอนที่ดาบมือของฟางผิงประกายสีแดง ฟันออกมาติดต่อกัน จางอวี่ก็ต้านไม่ไหวอยู่บ้าง
เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าอกและแขนสองข้างปรากฏบาดแผลออกมา
ฟางผิงไม่อยากจะเสียเวลามากเกินไป คำรามเสียงต่ำ ก่อนดาบมือจะเพิ่มอานุภาพขึ้นสามเท่า!
‘ปัง!’
‘ปัง!’
เสียงระเบิดดังขึ้นติดต่อกัน จางอวี่ถูกฟันจนถอยหลังไม่หยุดหย่อน ร่างกายมีเลือดไหลพรั่งพรูออกมา การตอบสนองของร่างกายยังคงตามไม่ทันฟางผิงตั้งแต่ต้นจนจบ แทบจะถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว
———————