ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 286-2 สถานการณ์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ (2)
ตอนที่ 286 สถานการณ์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ (2)
ฉบับแรกเป็นรายชื่อสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีสมาชิกทั้งหมดสองร้อยสิบห้าคน รวมฟางผิงและจางอวี่แล้วเช่นกัน ขั้นสี่มีเก้าคน ขั้นสามตอนนี้มีห้าสิบเอ็ดคน ที่เหลือเป็นขั้นสองทั้งหมด
ช่วงเวลาที่รุ่งเรืองสุด สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีสมาชิกขั้นสามกว่าหนึ่งร้อยคน
ฉบับที่สองเป็นรายงานการเงินของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์
เงินสดคงเหลือห้าสิบล้าน ยาบำรุงและอาวุธจำนวนหนึ่ง รวมถึงคะแนนอีกห้าพันคะแนน
ฉบับที่สามเป็นรายชื่อสมาชิกเก่า
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์แทบจะเติบโตขึ้นพร้อมกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหกสิบปี สมาชิกมีจำนวนนับไม่ถ้วน ล้วนแต่เป็นนักศึกษาแนวหน้าที่จบไปแล้วของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
รายชื่อฉบับนี้มีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน
จางอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ขึ้นชื่อว่าเป็นสมาชิกของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แม้ว่าจะจบการศึกษาไปแล้ว ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคม! สมาคมผู้ฝึกยุทธ์และผู้มีอำนาจปกครองดูแลมหาวิทยาลัยร่วมกันไม่ใช่คำพูดเลื่อนลอย หากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์พบเจอกับเรื่องบางอย่าง เช่นว่า ผู้มีอำนาจของมหาวิทยาลัยกระทำการทุจริต อมเงินสวัสดิการของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ลดทอนอำนาจของสมาคมลง การร้องเรียนผู้มีอำนาจ…เวลานี้พวกเราจะเรียกสมาชิกเก่ากลับมา ตัดสินถูกผิดร่วมกัน สร้างความกดดันให้มหาวิทยาลัยและกระทรวงการศึกษา! นี่ก็เป็นไพ่ตายที่พวกเราใช้ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจกับผู้มีอำนาจในมหาวิทยาลัยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นนักศึกษาขั้นสามขั้นสี่อย่างพวกเราจะถือสิทธิ์อะไรไปถ่วงดุลอำนาจกับปรมาจารย์ยอดฝีมือพวกนั้น?”
“แน่นอนว่าเป้าหมายไม่ใช่เพื่อการแบ่งอำนาจ เป็นเพราะหวังให้มหาวิทยาลัยทำได้ดีกว่าเดิม ช่วงชิงสิทธิพิเศษให้นักศึกษาได้มากขึ้นกว่าเดิม สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก่อตั้งมาหลายปีขนาดนี้ สมาชิกก็เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย พวกเขาภักดีต่อมหาวิทยาลัย ทั้งภักดีต่อสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ด้วยเช่นกัน ขอแค่สมเหตุสมผล มีหลักฐานที่ชัดเจน พวกเราถึงกระทั่งสามารถ…เลือกผู้มีอำนาจของมหาวิทยาลัยใหม่ได้!”
ฟางผิงฟังจบก็หยิบรายชื่อมาดู ก่อนจะม่านตาหดเกร็ง!
“ปรมาจารย์สิบสองคน!”
จางอวี่เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากไม่ถึงสถานการณ์จำเป็นจริงๆ อย่าได้เรียกสมาชิกเก่าพวกนี้กลับมา นายน่าจะรู้ดี ยังไงก็เป็นคนที่จบไปแล้ว บางคนเข้าสู่หน่วยทหาร บางคนทำงานให้กับรัฐบาล ทั้งยังมีคนทำธุรกิจของตัวเอง…พวกเราเรียกพวกเขากลับมา คนพวกนี้จะกลับมาแน่นอน แต่ว่าพอกลับมาแล้วอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันบางอย่างขึ้น เช่นว่า ช่วงชิงอำนาจ!”
จางอวี่กดเสียงลงอีกครั้ง “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่มหาวิทยาลัยทั่วไป เซี่ยงไฮ้มีหุ้นส่วนในบริษัทผลิตยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ รวมถึงสถาบันวิจัยชั้นนำบางแห่งด้วย พวกเรายังมีช่องทางผลิตยาบำรุงและอาวุธของตัวเอง นอกจากนี้ยังมีโรงฝึก สระปราณ ห้องแหล่งพลังงาน รวมถึงห้องฝึกวิชาต่อสู้ที่เปิดกว้างและไม่เปิดกว้างต่อภายนอก…ยังมีข่าวสารบางอย่าง ข้อมูลจากถ้ำใต้ดิน ถ้ำใต้ดินเป็นศัตรูของพวกเรา แต่บางครั้งทุกคนต่างก็เก็บงำข้อมูลบางส่วนไว้กับตัวเองเช่นกัน อย่างเช่นตำแหน่งของแร่พลังงาน ตำแหน่งที่ยอดฝีมือมนุษย์ฝึกวิชาในถ้ำใต้ดิน…”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ นับว่าเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ แล้ว
ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “งั้นขึ้นชื่อว่าเป็นประธาน มีสิทธิพิเศษอะไรบ้าง?”
จางอวี่หมดคำจะพูด โจวเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยออกไป “ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ ทุกเดือนนายจะได้สวัสดิการหนึ่งร้อยคะแนนจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์”
“น้อยขนาดนี้เลย?”
โจวเหยียนเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ไม่น้อยแล้ว! แต่ละเดือนทางมหาวิทยาลัยจะจัดสรรเงินสดให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ยี่สิบล้านและคะแนนอีกสองพันคะแนน รวมทั้งหมดเป็นแปดสิบล้าน สิ้นปีจะเป็นเงินเกือบพันล้าน แต่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องประคองค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยน กิจกรรมแข่งขันบางอย่างรวมถึงต้องมอบสวัสดิการให้กับสมาชิกสมาคมด้วยเช่นกัน นอกจากนี้หากสมาชิกตายในสนามรบ…พวกเราก็ต้องรับผิดชอบจ่ายเงินค่าทำขวัญ มหาวิทยาลัยจะออกอีกส่วนหนึ่ง แต่สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ต้องเพิ่มเข้าไปอีกส่วนหนึ่งเช่นกัน ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์มีเงินสดเหลือห้าสิบล้าน ยาบำรุงส่วนหนึ่ง รวมถึงห้าพันคะแนน นั่นล้วนเป็นเงินที่เหลือจากประธาน เขาเองแทบไม่ได้…”
“แค่ก ฟางผิง ถ้านายอยากได้เยอะหน่อย ไปหารือกับทางมหาวิทยาลัยได้ เรื่องนี้อยู่ที่ตัวนายเท่านั้น”
จางอวี่ตัดบทโจวเหยียน ฟางผิงไม่สนใจท่าทีของเธอเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พูดแบบนี้ เงินทุนที่เหลือในบัญชีของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ล้วนมาจากการเก็บออม? รุ่นพี่จาง ไม่ใช่ว่าผมจงใจยั่วยุ ผมคิดว่าแทนที่จะประหยัด ยังไม่สู้หาทรัพยากรให้มากกว่าเดิม หากผมเดาไม่ผิด ตอนที่นายรับตำแหน่ง ประธานรุ่นก่อนคงจะไม่เหลือทรัพย์สินให้เลยสินะ?”
จางอวี่ไม่ได้พูดอะไร โจวเหยียนบ่นว่า “ตอนที่ประธานรับตำแหน่ง สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ขาดแคลนเงิน ไม่มีอะไรให้ทั้งนั้น!”
ฟางผิงหัวเราะ พยักหน้าว่า “น่าจะแบบนั้น”
จางอวี่ไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้อีก ถามขึ้นว่า “นายรับตำแหน่งประธาน ต่อไปมีความคิดจะทำอะไร?”
“ข้อแรก หาเงิน
ข้อสอง เพิ่มสวัสดิการ
ข้อสาม พัฒนาฝีมือสมาชิกให้แข็งแกร่งขึ้น
ข้อสี่ ไม่จำกัดแค่คนในสมาคมหรือคนที่ไม่ใช่สมาชิกสมาคม นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องแข็งแกร่งขึ้นทั้งหมด”
โจวเหยียนแค่นหัวเราะ ไม่พูดมากอีก
พูดเหมือนจะง่าย แต่ทำนั้นยาก
ตอนนี้ฟางผิงพูดออกมาอย่างไม่คิดมาก ถึงเวลานั้นจะรู้เอง เรื่องไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
จางอวี่กลับไม่พูดอะไร เอ่ยว่า “หวังว่านายจะทำสำเร็จ ช่วงเวลาที่ฉันรับตำแหน่ง ไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับมหาวิทยาลัยจริงๆ กระทั่งลำดับขั้นของตัวเองยังช้ากว่าคนอื่นไปหนึ่งก้าว ครั้งนี้ส่งมอบเสร็จสิ้นแล้ว ฉันจะไปฝึกฝนในถ้ำใต้ดินแห่งอื่น หวังว่าตอนที่ฉันกลับมา จะได้เห็นสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่เหมือนเดิม”
จางอวี่เข้าสู่ขั้นสี่ตั้งแต่ต้นปีสาม เหมือนกับเซี่ยเหล่ยในตอนนี้
แต่ใช้เวลาไปหนึ่งปียังคงอยู่ขั้นสี่ตอนกลาง จำต้องพูดว่าฝึกช้าไปอยู่บ้างจริงๆ
พวกหวังจินหยาง อันที่จริงต่างเป็นผู้ที่ตามขึ้นมาทีหลัง
ตอนที่จางอวี่อยู่ขั้นสี่ พวกเขาอยู่ขั้นสามสูงสุดกันทั้งนั้น รวมถึงเฉินเหวินหลงด้วย
หนึ่งปีหลังจากนั้นจางอวี่กลับพัฒนาช้าที่สุด
เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้เป็นง่ายๆ ขนาดนั้น
ไม่ใช่แค่จางอวี่ ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยอื่น อันที่จริงก็ฝึกวิชาช้าลงเช่นกัน ทุกคนต้องจัดการหลายเรื่อง เวลาฝึกวิชาจึงมีน้อยลง ช่วงที่ลงถ้ำใต้ดินก็น้อยลงเช่นกัน
เทียบกับคนทั่วไปแล้ว ผู้นำที่ต้องพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากกว่า
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน งั้นผมอวยพรล่วงหน้าให้รุ่นพี่ราบรื่นละกัน กลับมาอีกครั้งคงจะขั้นห้าแล้ว”
“หวังว่าจะเป็นไปตามนั้น”
จางอวี่เผยรอยยิ้ม ไม่พูดมากอะไรอีก แต่เอ่ยถึงการประชุมตอนเย็นแทน
เย็นวันนี้ทั้งสองคนจะดำเนินการส่งมอบอย่างเป็นทางการ
ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ทำอะไรชักช้าอยู่แล้ว
เรื่องมาถึงตอนนี้ ฟางผิงครอบครองสมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้นเป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้แล้ว จางอวี่ก็อยากออกไปฝึกวิชาข้างนอกเหมือนกัน ยิ่งส่งมอบเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
ฟางผิงไม่อ้อมค้อมเช่นกัน เรื่องการประชุม เขาเป็นคนเอ่ยขึ้นก่อน
ผู้ฝึกยุทธ์ตอนที่ควรออกหน้าก็ไม่ควรจะลังเล
อู๋ขุยซานรับตำแหน่งอธิการยังไม่เกี่ยงงอนเหมือนกัน
ไม่นานฟางผิงก็ถือเอกสารหลายฉบับเดินออกจากสมาคมไป
เขาไปแล้ว โจวเหยียนจึงขบริมฝีปาก มองจางอวี่ทีเผยแววตามืดสลัวอยู่บ้าง “หากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่เป็นตัวถ่วงของนาย นายคงไม่อ่อนด้อยไปกว่าใครหรอก!”
จางอวี่ส่ายหัวเบาๆ “ฉันเป็นตัวถ่วงของมหาวิทยาลัยต่างหาก หนึ่งปีมานี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อ่อนแอลงเรื่อยๆ”
นักศึกษารุ่นก่อนและรุ่นหลังแข็งแกร่ง มีเพียงรุ่นของเขาที่ไม่ได้แข็งแกร่ง จำต้องพูดว่านี่เป็นเรื่องที่จางอวี่รู้สึกผิดที่สุด
“นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของนาย…” โจวเหยียนเอ่ยปลอบใจ
จางอวี่ไม่พูดอีก ยืนอยู่ข้างราวบันได มองฟางผิงที่สาวเท้าลงจากตึกไป
ไม่ใช่แค่ฟางผิง จากที่ไกลๆ อธิการได้จากไปแล้ว อธิการอู๋เข้ารับตำแหน่งแทน
ยุคสมัยใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
หวังว่าในตอนที่เขากลับมาอีกครั้งจะสามารถเห็นเซี่ยงไฮ้ที่ไม่เหมือนเดิมได้
——————