ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 290 ชีวิตมีขึ้นมีลง (1)
ตอนที่ 290 ชีวิตมีขึ้นมีลง (1)
สนามฝึกหมายเลขหนึ่ง
ฟางผิงยืนอยู่ที่แท่นประธานบนเวที คร่ำครวญว่า “ฉันรับรู้ความรู้สึกของคณบดีและอธิการในตอนแรกแล้ว”
ก่อนหน้านี้เขายืนอยู่บนสนาม มีโอกาสมายืนอยู่บนเวทีที่ไหน
ตอนนี้พลิกชีวิตจากทาสมาเป็นนักร้อง ชีวิตมีขึ้นมีลง ในที่สุดก็ถึงคราวของเขาแล้ว
คนอื่นๆ ต่างจนใจอยู่บ้าง รีบเข้าประเด็นหลักเลยได้หรือเปล่า ทุกคนไม่ได้อยากมาดูนายโอ้อวดสักหน่อย
—
ด้านล่างเวที
พวกนักศึกษาพากันซุบซิบเบาๆ
“นั่นคือฟางผิงงั้นเหรอ?”
“เป็นเขานั่นแหละ ผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งของขั้นสาม…”
“ใช่ที่ไหนกัน การจัดอันดับพลังต่อสู้ที่ปล่อยใหม่เมื่อเช้าไม่มีฟางผิงอยู่ในอันดับแล้ว อีกอย่างวันนี้มีการจัดอันดับขั้นสี่ใหม่ พวกนายเห็นหรือยัง?”
“เปลี่ยนล่าสุดตอนกี่โมง?”
“แปดโมง”
“ฟางผิงไม่ใช่อันดับหนึ่งของขั้นสามแล้ว? แล้วใครเบียดเขาลงไป?”
“ไม่ใช่สักหน่อย การจัดอันดับขั้นสามไม่มีฟางผิง น่าจะเพราะเขาเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว แต่การจัดอันดับขั้นสี่ยังไม่มีเขา…”
พูดถึงการจัดอันดับขั้นสี่ นักศึกษาใหม่ที่ดูการจัดอันดับก่อนหน้านี้มาส่ายหัวว่า “การจัดอันดับขั้นสี่ออกมาแล้ว แทบไม่รู้จักใครเลย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ติดในการจัดอันดับอยู่สามคน ปรากฏว่ามีแต่อาจารย์ ไม่มีนักศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน บางมหาวิทยาลัยยังไม่มีอาจารย์ในการจัดอันดับด้วยซ้ำ ทางปักกิ่ง ยังมีนักศึกษาในการจัดอันดับอยู่คนหนึ่ง…”
การจัดอันดับขั้นสี่ถูกปล่อยออกมา ไม่ได้มีพวกนักศึกษาเป็นหลักแล้ว
ผู้ว่ามณฑลแต่ละแห่ง ผู้บัญชาการกองหน่วยทหาร อาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ คนพวกนี้ถึงจะเป็นส่วนหลักในการจัดอันดับ รวมถึงแวดวงสำนักด้วย มีในการจัดอันดับไม่กี่คน
นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศอยู่ในการจัดอันดับแค่สองคน
คนหนึ่งคือหลี่หานซงจากปักกิ่ง อีกคนคือหวังจินหยางจากหนานเจียง
หลี่หานซงหลอมกะโหลกโดยกำเนิด กะโหลกแข็งแกร่งอย่างยิ่ง นั่นหมายความแทบไม่มีจุดด้อย พื้นฐานร่างกายแข็งแกร่ง ปราณก็ยิ่งแข็งแกร่ง ดังขั้นหลี่หานซงที่อยู่ขั้นสี่สูงสุดจึงอยู่ในการจัดอันดับ
หวังจินหยาง นั่นเพราะว่าไขกระดูกแปรสภาพเป็นหยก เป็นฝ่ายแสดงความสามารถขั้นสี่สูงสุดของตัวเองสู่ภายนอกจึงเข้าไปอยู่ในการจัดอันดับ
โรงเรียมเตรียมทหารสามแห่งกลับมีเหยาเฉิงจวินเข้าสู่การจัดอันดับเพียงคนเดียว
โรงเรียนเตรียมทหารกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้รวมกันเป็นหนึ่งร้อยสองแห่ง ผลปรากฏว่ามีแค่นักศึกษาสามคนที่อยู่ในการจัดอันดับ ความแตกต่างนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มีนักศึกษาในการจัดอันดับ ครั้งนี้ขายหน้าจริงๆ แต่ดีที่มีอาจารย์สามคนอยู่ในการจัดอันดับ ทั้งยังไม่ใช่จำนวนน้อย นับว่าพอจะประคองศักดิ์ศรีของมหาวิทยาลัยชื่อดังไว้ได้
ฟางผิงได้ยินเสียงซุบซิบด้านล่างเหมือนกัน
อันที่จริงตอนเช้าเขาก็เห็นการจัดอันดับแล้ว
แต่ตอนนี้การจัดอันดับขั้นสี่ เขายังไม่มีหวัง ฟางผิงจึงไม่ได้ใส่ใจอะไร
แม้ว่าพลังจิตใจเขาจะไม่อ่อนด้อย แต่ปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดที่หลอมอวัยวะภายในแล้ว กลับไม่ได้ครองความได้เปรียบมากนัก
เจ้าหน้าที่ทหารระดับผู้บัญชากองบางคนฆ่าคนราวกับมด ไอสังหารนั้นสามารถสั่นสะเทือนพลังจิตใจของฟางผิงได้เช่นกัน
แน่นอนว่านั่นคือเมื่อก่อน ตอนนี้อาจจะไม่ได้เสมอไปแล้ว
ตอนนี้ฝีมือของฟางผิงก้าวหน้าขึ้นอีกครั้ง พื้นฐานร่างกายและปราณต่างเทียบเท่ากับขั้นสี่สูงสุด ยอดฝีมือที่หยุดพักไปนาน ฝึกเคล็ดวิชาถึงจุดสูงสุดหนึ่ง ฟางผิงอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาด้วยซ้ำ
—
“เงียบ!”
ฟางผิงตะโกนเบาๆ ตัดบทสนทนาของพวกนักศึกษา
เขาไม่อยู่ในการจัดอันดับขั้นสี่ พูดถึงให้มันได้อะไรกัน!
หากเขาเป็นอันดับหนึ่งของขั้นสี่ ให้ทุกคนคุยกันนานหน่อยไม่เป็นไรอยู่แล้ว
“จ้าวเหล่ย ขานชื่อ!”
จ้าวเหล่ยที่อยู่ด้านข้างใบหน้าดำคล้ำขึ้นมา นักศึกษาใหม่กว่าหนึ่งพันเก้าร้อยแปดสิบคน แทบจะพูดได้ว่าสองพันคน งานหนักแบบนี้ นายกลับนึกถึงฉันเนี่ยนะ?
แม้จะไม่พอใจยังไง แต่จ้าวเหล่ยยังคงหยิบใบรายชื่อขึ้นมา อ่านเสียงดังว่า “ถังเหวิน”
“มาค่ะ!”
แถวหน้านักศึกษาหญิงที่รูปร่างเพรียวบางคนหนึ่งขานรับ
เฉินอวิ๋นซีที่อยู่ด้านข้างฟางผิงกระซิบว่า “นักศึกษาใหม่ที่เป็นอันดับหนึ่งของรุ่นนี้ หลอมกระดูกสองครั้ง อยู่ขั้นหนึ่งตอนปลาย”
“อืม”
ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร
จ้าวเหล่ยขานชื่อต่อ “กู้หลงเฟย!”
เด็กหนุ่มที่ดูไม่ได้ต่อกรยากคนหนึ่งขานรับด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน ที่รู้สึกแบบนั้นเพราะฟางผิงคิดว่าคนที่หน้าตาหล่อเหลาแทบไม่มีคนที่ต่อกรยากเลย ส่วนมากถ้าไม่ใช่พวกหน้าเนื้อใจเสือก็เป็นลูกหลานของผู้ลากมากดี
“หลัวเซิง”
“มาครับ!”
นักศึกษาใหม่คนที่สามดูพอใช้ได้อยู่บ้าง ฟางผิงมีความรู้สึกดีไม่น้อย หน้าตาธรรมดา มีความใสซื่อ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี
“…”
คล้อยหลังที่จ้าวเหล่ยขานชื่อไปทีละคน แค่ชื่อก็เสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมงแล้ว!
จ้าวเหล่ยลำคอแห้งผาก ตะโกนมาถึงช่วงหลังแทบจะหอบหายใจอยู่บ้าง
กระทั่งโทรโข่งยังไม่มีให้ ใช้เสียงในลำคอตะเบ็งเท่านั้น หากบอกว่าฟางผิงไม่ได้จงใจทรมาณเขา ให้ตายเขาคงไม่เชื่อ!
นักศึกษาใหม่ที่อยู่ด้านล่างเวทีโกลาหลวุ่นวายอยู่บ้าง
เพิ่งจะเปิดเทอมวันแรก ต้องมายืนตั้งสองชั่วโมงเพื่อเช็คชื่อ ทั้งยังไม่ใช่ผู้มีอำนาจของมหาวิทยาลัย เป็นแค่นักศึกษากลุ่มหนึ่ง หลายคนถึงกับเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน กลับให้พวกคนที่อยู่ด้านข้างจดชื่อเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกยุทธ์หูไวตาไว ชื่อที่ถูกขานพวกนี้ทุกคนต่างจำได้ ไม่มีผิดพลาด
เสียงโหวกเหวกดังขึ้นเรื่อยๆ
จนใกล้ถึงเวลาเที่ยงวัน การเช็คชื่อจึงสิ้นสุดลง
ด้านล่างเวทีมีคนทนไม่ไหว โวยวายว่า “พวกอาจารย์ไม่มาเหรอไง?”
“ใช่แล้ว เพิ่งเปิดเทอม ฉันยังไม่ทันเก็บเตียง กลับต้องมาเช็คชื่ออยู่ที่นี่เกือบสองชั่วโมง ประสาทหรือไง!”
“…”
ฟางผิงเผยรอยยิ้ม เอ่ยว่า “สวัสดีนักศึกษาทุกคน เงียบกันก่อน!”
สนามด้านล่างยังคงโหวกเหวกกันเสียงดัง
“หุบปากให้หมด! ฝ่ายตรวจสอบรักษาระเบียบด้วย ใครยังพูดพล่ามอีก ไล่ออกไป!”
ฟางผิงตะคอกเสียงดัง ด้านนอกมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามนับสิบคนพุ่งเข้ามาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยไอสังหาร อาวุธโลหะผสมนั้นประกายรังสีเย็นยะเยือก
เวลานี้ทุกคนจึงเงียบปากลง
ฟางผิงเบะปาก ฟินจริงๆ!
ไม่แปลกใจที่ทุกคนอยากเป็นลูกพี่ใหญ่กัน เป็นลูกพี่ใหญ่อยากทำอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น
“ต้องพูดก่อนว่าในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ นักศึกษาใหม่ล้วนมีสวัสดิการให้ เข้าเรียนวันแรกได้ห้าสิบคะแนน นี่ก็เพื่อให้พวกนายสามารถทะลวงถึงขั้นหนึ่งได้ หนึ่งคะแนนเท่ากับเงินประมาณสามหมื่น ต่อไปหัวหน้าฝ่ายเย่จะประกาศชื่อ ชื่อที่ถูกประกาศจะโดนหักสิบคะแนน!”
เย่ฉิงหยิบใบรายชื่อที่เพิ่งจดไว้ขึ้นมา ประกาศชื่อหนึ่งร้อยกว่าคนออกมาอย่างรวดเร็ว
ด้านล่างเวทีเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง
“ต่อเลย พวกนายเสียงดังต่อเลย เสียงดังกันพอแล้วค่อยหยุด ฉันไม่รีบ จะได้หักคะแนนต่อ หักให้หมดห้าสิบคะแนนเลย พวกนายติดคะแนนของมหาวิทยาลัย หลังจากนี้รางวัลที่ได้จากการทะลวงด่านก็จะหักตรงนั้นต่อ หักจนกว่าจะหมด!”
“มีสิทธิ์อะไร!”
มีคนไม่พอใจ ตะโกนขึ้นมา “นายมีสิทธิ์อะไรมาหักคะแนนพวกเรา!”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “มีสิทธิ์อะไร? สิทธิ์ที่ฉันเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้น่ะสิ! ลืมบอกพวกนายไป ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกอาจารย์นั้นไม่ยุ่งย่าม ภาระทั้งหมดของมหาวิทยาลัยล้วนอยู่ในการดูแลของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์! ไม่อยากยอมรับ ไม่ยินยอมนายก็ทำต่อไป หักนายอีกสิบคะแนน! พวกก่อเรื่อง ฉันชอบที่สุด! ตอนแรกฉันก็เป็นตัวก่อเรื่องเหมือนกัน แต่ฉันมีความสามารถ ตอนนี้ทะลวงขั้นสี่ตอนกลางแล้ว นายคิดว่านายเอาชนะฉันได้ งั้นนายย่อมมีอำนาจเช่นกัน ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ให้ความสำคัญกับผู้แข็งแกร่งเป็นหลัก! นี่เป็นเรื่องแรกที่ฉันจะสอนพวกนาย! จำไว้ให้ดี ตอนที่ไม่มีความสามารถก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อย! ผู้ที่แข็งแกร่งถึงจะทำตามใจตัวเองได้!”
ฟางผิงพูดจบก็ไม่สนใจเขาอีก เอ่ยต่อว่า “เข้ามาในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันคิดว่าหลายคนที่อยู่ตรงนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครองของพวกนายอาจจะเล่าเรื่องบางอย่างของเซี่ยงไฮ้ให้พวกนายฟังแล้ว แต่นั่นมันเมื่อก่อน! ตั้งแต่รุ่นนี้เป็นต้นไป เซี่ยงไฮ้จะไม่เป็นเซี่ยงไฮ้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว! นักศึกษาใหม่ทั้งหมด ก่อนจบปีหนึ่งหากไม่สามารถทะลวงขั้นหนึ่งได้ต้องถูกไล่ออก! ดังนั้นในอนาคตหนึ่งปีข้างหน้า…ไม่สิ อย่างมากก็สิบเดือน หากพวกนายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้ ขอโทษด้วย คงต้องกลับบ้าน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงไม่เอาไว้ นี่เป็นเรื่องแรกที่อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ”
———————