ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 293 บรรยากาศของเซี่ยงไฮ้ไม่ดีเท่าไหร่ (1)
ตอนที่ 293 บรรยากาศของเซี่ยงไฮ้ไม่ดีเท่าไหร่ (1)
ในเวลาเดียวกัน
เมืองหยางเฉิง
โรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่ง โรงยิมชั้นสอง
ฟางหยวนรู้สึกว่าร่างกายคันยุบยิบ กล้ามเนื้อบิดอย่างไม่สบายตัวอยู่พักใหญ่
พวกเด็กนักเรียนที่กำลังมองลูกพี่ใหญ่ฝึกวิชาด้วยท่วงท่าองอาจ จู่ๆ ก็หวีดร้องขึ้นมา
“พี่หยวนหยวน พี่เลือดออก!”
“ใบหน้ามีเลือดเต็มไปหมด!”
“ตรงเสื้อผ้าก็มี”
“ฮือๆ พี่หยวนหยวนเป็นอะไรไป?”
“…”
พวกนักเรียนหญิงรีบเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์อย่างตื่นตกใจ ผลปรากฏว่าเพิ่งจะเข้าไปใกล้ ฟางหยวนก็เผลอผลักอย่างไม่ได้ตั้งใจ นักเรียนหญิงที่อยู่ใกล้คนหนึ่งถูกผลักจนถอยออกไปหลายเมตร
ฟางหยวนสีหน้าตะลึงงัน ฉันไม่ได้ใช้แรงสักหน่อย ถอยไปไกลอะไรขนาดนั้น นี่ไม่ใช่พวกนักต้มตุ๋นหลอกเอาเงินที่พี่ชายบอกหรือไง?
ไม่มีเวลาให้สนใจมาก เห็นเพื่อนที่ถูกผลักไม่เป็นอะไร ได้ยินทุกคนหวีดร้อง ฟางผิงจึงอดยกมือลูบแก้มของตัวเองไม่ได้ เมื่อยื่นมือออกมาดูกลับพบว่าเต็มไปด้วยเลือดเสีย
ฟางหยวนฝึกศิลปะการต่อสู้มาหนึ่งปีแล้ว ปกติก็พบเจอเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย เลือดเสียถูกขับออกมานอกร่างกายไม่ใช่ครั้งแรกแล้วเช่นกัน
แต่เลือดเต็มหน้าแบบนี้ยังคงเป็นครั้งแรกจริงๆ!
ครู่ต่อมาฟางหยวนคล้ายจะนึกอะไรได้ ทั้งรู้สึกถึงอาการชาหนึบแผ่ออกมาจากร่างกาย
“ฉัน…กำลังหลอมกระดูก?”
มีพี่ชายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แม้ว่าฟางผิงจะกลับบ้านนับครั้งได้ แต่การฝึกวิชาในเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ เรื่องที่ควรจะเตือนก็เตือนไปหมดแล้ว
สถานการณ์ของคนธรรมดาที่หลอมกระดูกครั้งแรก ฟางหยวนได้ยินฟางผิงพูดมาไม่น้อยเช่นกัน
“ฉันหลอมกระดูกครั้งแรกแล้ว!”
ฟางหยวนดีใจจนน้ำตาแทบไหล!
เธอเกือบจะถูกพี่ชายโจมตีจนเสียความมั่นใจแล้ว ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีก่อนฟางผิงก็เริ่มสอนจวงกงให้กับเธอ
เวลานั้นฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์
แต่ตอนนี้ฟางผิงเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว เธอกลับยังหลอมกระดูกครั้งแรกไม่ได้ ช่วงนี้อารมณ์จึงดิ่งลงไม่น้อย กระทั่งไม่มีใจจะนับเงินในคลังเก็บเล็กๆ นั่นด้วยซ้ำ
นึกไม่ถึงว่าวันนี้แค่ออกมาฝึกวิชาพื้นฐานเล่นๆ เธอกลับหลอมกระดูกซะได้!
“พี่หยวนหยวน!”
“ประธาน ไม่เป็นไรใช่หรือเปล่า?”
“…”
พวกเด็กนักเรียนหญิงเห็นฟางหยวนยิ้มอย่างน่ากลัวทั้งที่เลือดเต็มหน้า รู้สึกขวัญหนีดีฝ่ออยู่บ้าง คนที่ตาขาวที่สุดนั้นแทบเตรียมจะหันหลังวิ่งแล้ว
นี่ประธานฝึกวิชาจนธาตุไฟเข้าแทรกเข้าสู่สายมารแล้วหรือไง?
ในละครโทรทัศน์ก็เคยฉาย คนที่ธาตุไฟเข้าแทรกเป็นมาร เห็นใครก็ฆ่าหมดทั้งนั้น
“ฉันไม่เป็นไร!”
ฟางหยวนเผยสีหน้าเบิกบานใจ ยังคงรู้สึกถึงอาการชาที่เกิดจากการหลอมกระดูกภายในร่างกาย ความรู้สึกนั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
“เสี่ยวหลิง อาอวี้ ฉันทะลวงแล้ว!”
ฟางหยวนดีอกดีใจ มองข้ามสายตาพวกนักเรียนหญิงที่ชำเลืองมองหน้าเธอ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ไม่สิ ถ้าฉันอยากก็สามารถเป็นได้ตอนนี้เลย!”
ฟางหยวนอารมณ์ดีอย่างยิ่ง หลอมกระดูกครั้งแรก คนธรรมดาก็สามารถเลือกทะลวงด่านได้แล้ว
แน่นอนว่าเธอไม่ได้ลืมเรื่องที่พี่ชายกำชับไว้ พยายามหลอมกระดูกสองครั้งหรือกระทั่งสามครั้งก่อน
แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว
โรงเรียนมัธยมหยางเฉิงอันดับหนึ่ง เกาเข่าปีนี้นักเรียนที่เก่งที่สุด ปราณหนึ่งร้อยสามสิบห้าแคล เข้าโรงเรียนวันแรกพวกฟางหยวนก็เห็นป้ายประกาศผลสอบเกาเข่าขนาดใหญ่ของโรงเรียนแล้ว
ส่วนฟางหยวนเพิ่งจะขึ้นมอปลายปีหนึ่ง ปราณแตะถึงหนึ่งร้อยห้าสิบแคล
“ฉันเป็นอัจฉริยะ ติดแค่อายุยังน้อยเท่านั้น”
เวลานี้ฟางหยวนไม่เสียใจอีกแล้ว ส่วนเรื่องที่ฟางผิงก้าวหน้าไว นั่นเป็นเพราะเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หากตัวเองเข้าเรียนบ้าง ไม่แน่ว่าปีเดียวอาจจะทะลวงขั้นห้าขั้นหกแล้ว บางทีจะเก่งกว่าฟางผิงซะอีก
“ใช่สิ ต้องแจ้งข่าวดีให้ฟางผิงสักหน่อย!”
ฟางหยวนแทบไม่สนใจจะเช็ดเลือดบนใบหน้า ยกโทรศัพท์ขึ้นมาพลางตะโกนบอกคนอื่นว่า “ใช่สิ สมาคมรับคนเข้ามาอีกได้…รับ…รับสักสองพัน!”
ฟางหยวนคำนวณเล็กน้อย ฟางผิงบอกว่าตอนนี้เขาควบคุมคนในมหาวิทยาลัยกว่าเจ็ดพันคน ตัวเองจะน้อยไปกว่าเขาไม่ได้
เธอเพิ่งจะพูดจบ เสี่ยวหลิงที่ยังตกตะลึงอยู่ด้านข้างรีบเอ่ยว่า “นักเรียนหญิงของหยางเฉิงเข้าร่วมกันเกือบหมดแล้ว…”
“งั้นก็ขยายสาขาไปเมืองอื่น!”
ทว่าจู่ๆ ฟางหยวนก็หัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ช่างเถอะ ถ่อมตัว ต้องถ่อมตัวหน่อย รับไม่ได้อีกแล้ว”
หากรับคนอีก พี่ชายรู้เข้าต้องโกรธหนักแน่ๆ
—
บ้านพักหมายเลขแปด
ระหว่างที่ฟางผิงกำลังวางแผนกับ ‘เครื่องตรวจพลังจิตใจ’ มือถือก็ดังขึ้นมา
รอเห็นว่าเป็นหมายเลขของฟางหยวน ฟางผิงเพิ่งจะรับสาย เสียงที่ดีใจราวกับทะลวงขั้นปรมาจารย์ได้ของฟางหยวนก็แผ่กระจายออกมาทันที
“ฟางผิง ฉันหลอมกระดูกครั้งแรกแล้ว!”
“ฟางผิง ฉันเร็วกว่านายซะอีก เก่งหรือเปล่าล่ะ!”
“ฮ่าๆๆ ฉันหลอมกระดูกครั้งแรกแล้ว…”
ฟางผิงขยี้หูตัวเอง เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เธอจบเห่แล้ว”
“หา?”
“ตอนนี้เธอเพิ่งจะสูงเท่านี้ ฉันลืมบอกเธอไปว่าหลังจากหลอมกระดูกครั้งแรก ร่างกายจะไม่เติบโตแล้ว จะสูงแค่นี้ไม่โตอีกแล้ว”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็หัวเราะออกมา “แต่แบบนี้ก็ดี หลังจากนี้เธอจะตัวแค่นี้ ความสูงไม่เปลี่ยนแล้ว น่ารักดีออก ไม่งั้นปล่อยให้สูงต่อไปก็จะน่าเกลียด แบบนี้ดีแล้ว ฉันชอบ!”
“…”
ปลายสายราวกับจมดิ่งในความเงียบ
“ฉัน…จะไม่สูงแล้ว?”
ฟางหยวนพึมพำ อดวัดความสูงกับหัวตัวเองไม่ได้ จู่ๆ ก็ร้องขึ้นมา
“ฉันจะไม่สูงอีกแล้วจริงๆ เหรอ?”
“ฟางผิง ฉันเกลียดนาย!”
“ฮือๆๆ…ฉันจะฟ้องพ่อกับแม่ว่านายรังแกฉัน…”
ฟางหยวนโมโหอย่างมาก ทั้งตะโกนและร้องไห้ใส่โทรศัพท์
ในห้องพักทุกคนต่างมองไปยังฟางผิง
“เจ้าหมอนี่…ขนาดน้องสาวตัวเองยังแกล้งขนาดนี้ ดีที่อัดผู้หญิงพวกนั้นไม่ถึงตาย นับว่าพวกเธอโชคดีแล้ว”
เหลียงหวาเป่าถอนหายใจ ดูสิ น้องสาวตัวเองแท้ๆ รังแกคนเขาจนเสียงร้องไห้ดังออกมาถึงข้างนอก
พวกผู้หญิงข้างนอกนั่นถูกฟางผิงอัดจนเละ นี่แทบไม่มีความหมายอะไร?
สีหน้าของเฉินอวิ๋นซีแปลกไปอยู่บ้างเช่นกัน ผู้หญิงพวกนั้นไม่ได้ถูกฟางผิงซ้อมตาย ถือว่าโชคดีแล้วใช่หรือเปล่า?
หลู่เฟิ่งโหรวหมดคำจะพูดเช่นกัน เห็นฟางผิงยังหยอกล้อน้องสาวตัวเองจึงตะคอกว่า “พอได้แล้ว ดูทำตัวเข้า ไม่น่าเชื่อถือแม้แต่น้อย!”
ฟางผิงเผยสีหน้ากระอักกระอ่วน หัวเราะแห้งๆ ก่อนจะพูดผ่านโทรศัพท์ “ล้อเล่นเฉยๆ จะไม่สูงอีกได้ยังไง แค่หยอกเธอเล่น ร้องไห้จริงๆ ซะได้”
“ฟางผิง นายจะเกินไปแล้ว!”
ฟางหยวนยังคงสะอึกสะอื้น ไม่เชื่อฟางผิงอีกแล้ว เอ่ยราวกับทุกอย่างพังทลาย “ฉันรู้ว่าจะไม่สูงอีกแล้ว นายเอาแต่บอกให้ฉันอย่าโต คงจะจงใจไม่บอกฉันล่ะสิ ครั้งก่อนฉันเห็นแล้ว หลิงอีอีจากปักกิ่งที่นายต่อสู้ด้วยคนนั้น เธอน่าจะหลอมกระดูกครั้งแรกตั้งแต่อายุน้อยๆ เหมือนกันเลยไม่โต ตัวแค่นิดเดียว ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น! ฟางผิง นายรังแกฉัน คนขี้โกหก…”
ฟางผิงหัวโตขึ้นมาทันที นี่มันหาเรื่องใส่ตัวเองชัดๆ ฟังจบแล้วก็รีบกระแอมไอว่า “หลิงอีอีนั้นเป็นกรณีพิเศษ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแบบนั้น สูงขึ้นอีกแน่ พวกเพื่อนผู้หญิงของฉันทั้งสูงทั้งล่ำบึ้ก…”
ชั่วพริบตานั้นพวกเฉินอวิ๋นซี จ้าวเสวี่ยเหมยและหลิวเมิ่งเหยาก็พากันก้มมองตัวเอง ก่อนจะประสานสายตากัน
ผ่านไปพักหนึ่ง พวกเธอยังจมดิ่งกับความเงียบ
น่าจะ…ไม่ได้หมายถึงพวกเธอสินะ?
พวกเหลียงเฟิงหวาแทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่ คำพูดนี้พูดตรงนี้ก็แล้วไป แต่ถ้าเผยแพร่ออกไปข้างนอก ฟางผิงคงต้องอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิตแล้ว?
ผ่านไปพักใหญ่ ฟางผิงจึงค่อยปลอบใจฟางหยวนได้
วางสายแล้ว เห็นทุกคนมองตัวเองกันหมดจึงขำแห้งว่า “ไม่มีอะไรๆ เรื่องดีน่ะ น้องสาวฉันหลอมกระดูกครั้งแรกแล้ว เป็นอัจฉริยะเหมือนฉันจริงๆ ด้วย เฮ้อ ส่งต่อผ่านกรรมพันธุ์…”
หลู่เฟิ่งโหรวกลอกตาใส่เขา เจ้าเด็กไม่รู้ความ เห็นชัดๆ ว่าเป็นเรื่องดี แทบจะทำน้องสาวตกใจตายอยู่แล้ว มีพี่ชายแบบนี้ด้วยหรือไง?
“น้องสาวอายุเท่าไหร่แล้ว?”
“สิบห้าปี”
ฟางผิงพูดด้วยความภาคภูมิใจอยู่บ้าง แม้ว่ายัยหน้ากลมจะเทียบกับตัวเองไม่ได้ แต่หลอมกระดูกครั้งแรกตอนอายุสิบห้า นับว่าใช้ได้เลย อายุสิบหกอาจจะหลอมครั้งที่สองสำเร็จก็ได้
อายุสิบเจ็ดกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ อายุสิบแปดสอบเกาเข่า เข้ามหาวิทยาลัยบางทีอาจจะขั้นหนึ่งตอนปลายหรือสูงสุดแล้ว
ลองคิดดูแล้วเหมือนจะมีพรสวรรค์เช่นกัน!
ตระหนักได้แบบนี้ที่เขาวิจารณ์ไปตอนแรกก็ไม่เป็นธรรมกับฟางหยวนอยู่บ้างเหมือนกัน
———————