ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 294-2 การคาดคะเนของถ้ำใต้ดิน (2)
ตอนที่ 294 การคาดคะเนของถ้ำใต้ดิน (2)
“ก่อนหน้านี้มีคำพูดที่ว่าจะหลอมรวม ฉันคิดว่าเปลี่ยนเป็นสังเวยหรือกลืนกินจะดีกว่า โลกถ้ำใต้ดินอาจจะคิดกลืนกินโลกอยู่ หากกลืนกินสำเร็จ บางทีพลังงานของโลกถ้ำใต้ดินอาจจะเข้มข้นขึ้นมาหรือเปลี่ยนจากไร้พลังงานหมุนเวียนเป็นมีพลังงานหมุนเวียน อันที่จริงโลกนั้นมีชีวิต มันมีช่วงที่สิ้นสุด นั่นหมายความว่ามีชีวิต มีอายุขัย แต่โลกถ้ำใต้ดินอาจไม่ใช่เสมอไป!”
ศาสตรจารย์ถ้ำเอ่ยอย่างกระตือรือร้นขึ้นมา ไม่สนใจว่าทุกคนจะคิดยังไง “มนุษยชาติรวมถึงมนุษย์ถ้ำ ความจริงกำลังไล่ตามวิวัฒนาการอยู่ วิวัฒนการของชีวิต แต่ถ้าโลกถ้ำใต้ดินกำลังไล่ตามวิวัฒนาการให้โลกตัวเองยังไงล่ะ? บางทีโลกถ้ำใต้ดินอาจจะอ้างว้างเงียบเหงา ไม่มีชีวิต แต่ว่าในเมื่อโลกถ้ำใต้ดินมีการคงอยู่ของมนุษย์ถ้ำและสัตว์อสูรพวกนี้ นั่นก็หมายความว่ามันมีความพิเศษเช่นกัน หรือยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งภายในโลกถ้ำใต้ดินอาจจะเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของวิวัฒนาการ เผชิญหน้ากับทางตันจึงเกิดความคิดขึ้นมา รู้สึกว่ากลืนกินโลกจะทำให้โลกถ้ำใต้ดินมีชีวิตขึ้นมาได้ พวกเขาก็จะสามารถเดินได้ไกลกว่าเดิม…”
“ทั้งหมดนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสมอไป เพราะการเกิดของทางเดินถ้ำใต้ดิน ในความคิดของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำที่เจอในตอนนี้สามารถทำได้ แต่ละทางเดินอาจมองว่าเป็นความบังเอิญได้ แต่เมื่อทางเดินพวกนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน นั่นไม่ใช่ความบังเอิญอีกแล้ว แต่ทำไมจนถึงวันนี้ยอดฝีมือพวกนั้นกลับยังไม่ปรากฏตัว บางทีอาจเพราะรอคอยโอกาส หรืออาจจะอยู่ในข้อจำกัดบางอย่าง พวกยอดฝีมือถ้ำอาจสกัดกั้นกัน ไม่ได้คิดเห็นพ้องต้องกัน ถ้ำใต้ดินสำหรับมนุษย์แล้ว ความจริงนั้นค่อนข้างลึกซึ้งอยู่บ้าง”
“เมืองบางแห่งของถ้ำใต้ดินเป็นฝ่ายจู่โจมโลก แต่เมืองส่วนใหญ่กลับมองอย่างดูดาย พวกเราสามารถเข้าใจได้ว่าเมืองพวกนี้ไม่ขึ้นตรงต่ออำนาจเดียวกัน เมืองที่นิ่งดูดายพวกนั้นบางทีอาจเป็นเมืองของยอดฝีมือที่ความเห็นไม่ตรงกันพวกนั้น หลายปีมานี้ที่เกิดเหตุการณ์ร่วมมือกันของสองเมือง คาดคะเนได้ว่ายอดฝีมือบางส่วนที่มีท่าทีไม่ชัดเจนก่อนหน้านี้ ตอนนี้กำลังค่อยๆ บรรลุข้อตกลงร่วมกันถึงได้ร่วมมือจู่โจมแบบนี้ ถ้าการคาดเดานี้ถูกต้อง งั้นต่อจากนี้บางทีอาจมียอดฝีมือทำข้อตกลงกันมากกว่านี้ หากเป็นแบบนั้นจริงๆ สถานการณ์ของถ้ำใต้ดินก็จะอันตรายกว่าเดิมแล้ว เมืองที่นิ่งดูดายก่อนหน้านี้อาจจะทยอยเข้าร่วมสงครามอย่างไม่ขาดสาย…”
ศาสตราจารย์เฒ่าพูดเรื่องพวกนี้ อันที่จริงแทบไม่มีหลักฐานอะไรอ้างอิงเลย
เป็นแค่การคาดเดาของตัวเองและเพื่อนบางคนของเขาเท่านั้น
แต่สีหน้าของทุกคนยังคงดูไม่ดีอยู่บ้าง หาก…หากบอกว่าการคาดเดาของศาตราจารย์เฒ่านั้นถูกต้อง งั้นหลังจากนี้สถานการณ์จะเลวร้ายไปอีกขั้นแล้ว
เหมือนกับถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ เมืองสิบสามแห่ง ตอนนี้ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับสองเมืองเท่านั้น
หากภายหลังเมืองพวกนี้ทยอยเข้ามาที่ฐานทัพสถานการณ์ก็จะย่ำแย่ขีดสุดแล้ว
ฟางผิงถอนหายใจ ถามขึ้นอีกครั้ง “อาจารย์ครับ งั้นยอดฝีมือของมนุษย์ไม่เคยคิดจะเจรจากับยอดฝีมือของพวกถ้ำมาก่อนเหรอครับ?”
“ต้องเคยอยู่แล้ว”
ศาตราจารย์เฒ่าพยักหน้า ก่อนจะส่ายหัวว่า “แต่ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ในถ้ำใต้ดินแบ่งระดับขั้นอย่างชัดเจน ผู้อ่อนแออาจไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ทั้งไม่มีอำนาจในการเจรจาด้วย แต่ยอดฝีมือถ้ำเจอกับมนุษย์ ปฏิกิริยาแรกก็คือสังหารยอดฝีมือของมนุษย์ แม้ว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ ก็จะดึงดูดกลุ่มยอดฝีมือถ้ำมาล้อมโจมตีอย่างรวดเร็ว บางที…อาจรู้สึกว่ามนุษย์ไม่มีคุณสมบัติพอให้พวกเขาเจรจาหรืออาจจะไม่อยากเจรจา ถึงกระทั่งจงใจไม่เจรจา!”
ฟางผิงชะงักไป อาจารย์คนหนึ่งอดเอ่ยไม่ได้ “จงใจไม่เจรจา? เพราะอะไร?”
ศาสตราจารย์เฒ่าเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฝึกทหาร อันที่จริงยอดฝีมือถ้ำไม่ได้ปัญญาอ่อน พวกเราตายได้ หรือพวกเขาตายไม่ได้? แต่พวกเขาค่อยข้างเมินเฉยกว่าพวกเรา ประมือกับมนุษย์ บางทีในความคิดพวกเขาอาจจะเพื่อฝึกทหารพื้นเมืองที่ไร้อารยธรรมกลุ่มหนึ่ง จากนั้นก็ให้ยอดฝีมือที่โดดเด่นในหมู่พวกเขาเข้าสู่กองทัพของพื้นที่ส่วนกลาง มนุษย์อาจจะเป็นเป้าหมายในการฝึกทหารที่ดีที่สุดในสายตาของพวกเขา นี่เป็นแค่การคาดเดาอย่างหนึ่ง ถ้ำใต้ดินมีทางเดินมากมายปรากฏ บางทีอาจไม่มีความซับซ้อนอะไร แต่แค่เป็นการฝึกทหารเท่านั้น อาณาเขตของพวกเขาไม่เชื่อมต่อกัน เมืองที่อยู่ในแถบเดียวกัน อาจจะถูกควบคุมในอำนาจเดียวกัน แทนที่จะฆ่าคนของตัวเอง ยังไม่สู้สังหารมนุษย์บ่มเพาะยอดฝีมือจะดีกว่า อาจจะมองว่าโลกเป็นพื้นที่ฝึกทหารจริงๆ ก็ได้! สถานการณ์แบบนี้ ทำไมต้องเจรจาด้วย? ทั้งบุกสู่พื้นโลกสังหารมนุษย์ก็มีคำอธิบายเช่นกัน เพื่อบีบให้พวกเราก้าวหน้าไวขึ้น หรือจะพูดว่าเพื่อให้พวกเราพัฒนาเส้นทางของเทคโนโลยี จากนั้นก็ชักจูงให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงหลายปีนี้ทุกคนต่างรู้ดี ตอนนี้มนุษย์เน้นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด แต่ร้อยปีก่อน ผู้ฝึกยุทธ์นั้นพลังตกต่ำไปบ้าง…”
คำว่า ‘บางที’ ‘อาจจะ’ ‘น่าจะ’ ที่ศาสตราจารย์เฒ่าใช้แทบจะเป็นคำพูดที่ไม่มั่นใจทั้งหมด
ฟางผิงฟังแล้วปวดหัวอยู่บ้าง อดเอ่ยไม่ได้ “พวกเราไม่เคยลองส่งสายลับไปสอดแนมหรือสืบข้อมูลจากภายในเพิ่มเติมเลยเหรอครับ?”
ศาสตราจารย์เฒ่าหัวเราะ “เธอคิดว่าแมวจะแฝงตัวเข้าไปอยู่ในฝูงสุนัขแล้วเข้าใจความคิดของสุนัขได้งั้นเหรอ? แน่นอน นี่เป็นแค่การเปรียบเทียบ มนุษย์และมนุษย์ถ้ำ ดูเหมือนคล้ายกัน อันที่จริงไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ข้อแรก สื่อสารกันไม่เข้าใจ แน่นอนว่าเรื่องนี้กำลังศึกษาอยู่ ข้อสอง ลมหายใจไม่เหมือนกัน อันที่จริงเข้าถ้ำก็น่าจะรู้แล้ว แม้พวกเราและผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะถูกเรียกว่าผู้ฝึกยุทธ์ แต่การฝึกวิชาของทั้งสองฝ่ายกลับมีความแตกต่าง พวกเรานั้นฝึกพลังจากปราณ แต่อีกฝ่าย…อาจมองว่าเป็นพลังปราณได้ด้วยเช่นกัน ในความเป็นจริงกลับเป็นพลังจากแหล่งพลังงาน จุดนี้เมื่อถึงระดับสูงจะเชื่อมต่อกัน พลังปราณ พลังแหล่งพลังงานและพลังจิตใจ อันที่จริงต่างเชื่อมต่อกันหมด”
“ปรมาจารย์ยอดฝีมือของมนุษย์เคยมีความคิดจะแฝงตัวเข้าไปภายในกลุ่มอีกฝ่ายเช่นกัน แต่ถ้าคิดจะปกปิดลมหายใจที่แตกต่าง นั่นต้องใช้วิธีของระดับสูง แต่คนแปลกหน้าระดับสูงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น ก็เหมือนกับโลกมนุษย์ จู่ๆ มีปรมาจารย์ที่ไม่รู้จักปรากฏขึ้น เธอจะคิดยังไงล่ะ? แทบไม่ต้องปิดบัง ไม่นานก็จะถูกค้นพบอยู่ดี แต่นี่หมายถึงในเมืองพวกนี้ อันที่จริงจุดชุมนุมนอกเมืองบางแห่ง ยังมียอดฝีมือของมนุษย์ปกปิดลมหายใจเพื่อทำการสอดแนมเช่นกัน ตอนนี้เรื่องที่เรียนรู้ภาษาได้ยากก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างมาก แต่จุดชุมนุมนอกเมืองไม่ค่อยรู้อะไรมาก รัฐบาลพอจะได้ข้อมูลบางส่วน แต่ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพวกเราเท่าไหร่ ถ้ำใต้ดินให้ความสำคัญกับการแบ่งชนชั้น ข้อมูลข่าวสารไม่ได้ฉับไวเหมือนพวกเรา ข้อมูลที่รับรู้บางส่วนมีเพียงเจ้าเมืองคือใคร ใครคือผู้แข็งแกร่ง เรื่องพวกนี้แทบไม่มีประโยชน์อะไร…”
“…”
ในห้องเรียนศาสตราจารย์เฒ่าพูดหลากหลายเรื่องราว
แต่ฟางผิงคิดว่าไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อเขานัก
ทั้งศาสตราจารย์เฒ่า ยังไงก็เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ไม่ใช่ปรมาจารย์ ทั้งไม่ใช่ผู้นำระดับสูงของมนุษย์
ฟางผิงคาดเดาว่า รัฐบาลอาจจะได้รับข้อมูลมากกว่านี้ แต่ไม่เปิดเผยต่อภายนอกเท่านั้น
ไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ อันที่จริงทำได้เพียงเตร็ดเตร่อยู่ภายนอก รู้ข้อมูลข่าวสารน้อย ไม่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมใหญ่
บางทีปิดบังข้อมูลบางอย่างที่ทำให้คนหวาดผวา ทุกคนอาจจะรักษาความสงบได้มากกว่า
ก็เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ที่ปิดบังข้อมูลของถ้ำใต้ดินกับคนทั่วไปเหมือนกัน
สิ่งเดียวที่ทำให้ฟางผิงรู้สึกว่ามีประโยชน์ก็คือ รู้ภาษาถ้ำใต้ดินพื้นฐานแล้ว ครั้งหน้าลงถ้ำใต้ดินสามารถลองสื่อสารอย่าง ‘เป็นมิตร’ กับอีกฝ่ายได้แล้ว
หลังจากที่คลาสเรียนสิ้นสุด ตอนเลิกเรียนก็มีสายเข้าจากสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกฉินเฟิ่งชิงกลับมาแล้ว
ฟางผิงฟังถึงตรงนี้ก็วิ่งโร่ไปทางสมาคมทันที
สวัสดิการเดือนแรกออกมาแล้ว สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ใช้เงินเก็บอันน้อยนิดที่จางอวี่สะสมไว้หมดแล้ว หากไม่มีเงินเข้าบัญชีอีก ฟางผิงที่เป็นประธาน เกรงว่าคงจะดำรงตำแหน่งได้ไม่ค่อยมั่งคงเท่าไหร่แล้ว
——————–