ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 295-2 ไม่ช้าก็เร็วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องเปลี่ยนเป็นแซ่ฟาง (2)
- Home
- ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน
- ตอนที่ 295-2 ไม่ช้าก็เร็วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องเปลี่ยนเป็นแซ่ฟาง (2)
ตอนที่ 295 ไม่ช้าก็เร็วมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องเปลี่ยนเป็นแซ่ฟาง (2)
“ตอนที่อธิการเฒ่าอยู่ จับมือสอนสั่งราวกับเป็นลูกตัวเอง ตอนนี้กลับมาเล่นลูกไม้! ไม่ต้องไปหาทีละคนแล้ว แพร่งพรายเรื่องของคนสกุลจางออกไปว่าบริจาคเพิ่มให้อีกหนึ่งร้อยล้าน ประกาศให้ชัดเจนไปเลย ดูสิว่าคนพวกนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! ไล่ขอเพิ่มคงไม่ต้องแล้ว คนที่ไม่ให้ จดรายชื่อเอาไว้ คิดว่าจบไปก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยแล้วสินะ! หลายปีมานี้อาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ไม่สนใจ อธิการเฒ่าเป็นคนที่ใส่ใจในความสัมพันธ์ที่สุด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหลับหูหลับตาครึ่งหนึ่ง คนพวกนี้อาศัยชื่อเสียงของเซี่ยงไฮ้ถึงหาเงินได้ก้อนโต ครอบครัวรุ่งเรืองเฟื่องฟู ผลปรากฏว่าปีนี้อาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ตายในสงครามจำนวนมากกลับมีแค่ไม่กี่คนที่คิดตอบแทนมหาวิทยาลัย!”
ฟางผิงด่าออกมา ท้ายที่สุดยังเอ่ยว่า “อีกอย่างบอกคนที่ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์พวกนั้นด้วย มหาวิทยาลัยวางแผนจะเรียกสินทรัพย์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยคืน!”
สินทรัพย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีเยอะมาก
ถือหุ้นทั้งบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ อันที่จริงเป็นแหล่งเงินทุนมหาศาลเช่นกัน
แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีส่วนร่วมในการแบ่งเงินปันผล กลับไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจริง นักศึกษาเซี่ยงไฮ้บางส่วนจึงได้ผลประโยชน์จากช่องว่างนี้
อย่างเช่นตัวแทนนายหน้าของบริษัทยาบำรุง
บริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ นอกจากตั้งร้านค้าโดยตรงจากบริษัทใหญ่ในพื้นที่ตลาดหลักแล้ว ที่เหลือล้วนเป็นร้านตัวแทนทั้งหมด ประเทศจีนใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้ประชาชนทุกคนต่างมุ่งสู่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ โดยเฉพาะยาบำรุงที่มีความต้องการขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประเภทนี้ต่างได้กำไรอย่างมหาศาล
นอกจากนี้คลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ที่แขวนชื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันที่จริงไม่มีสิทธิ์ใช้ป้ายของเซี่ยงไฮ้มาดึงดูดคน แต่เห็นแก่ที่จบจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยจึงไม่ซักไซ้เอาความเท่านั้น
“ป้ายของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ถือเป็นป้ายชื่อที่มีค่าในประเทศจีน จะให้คนอื่นมาใช้ป้ายนี้ง่ายๆ ได้ยังไง ฉันเปิดบริษัทยังไม่กล้าใช้เลย พวกเขาใช้ก็แล้วไป ไม่คิดจะจดจำน้ำใจ งั้นก็อย่าโทษฉันว่าไม่เกรงใจละกัน!”
จากแผนของฟางผิง การระดมเงินครั้งนี้ไม่สนใจกระทั่งเรื่องหน้าตา ไม่ถึงสามพันล้านไม่รู้จะให้คำตอบยังไงจริงๆ
ปรากฏว่ากลับแตกต่างจากที่คิดไปมาก ทำให้เขาโทสะสุมหัว
ผู้ฝึกยุทธ์เปิดบริษัท โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง คนที่ขาดทุนหาได้ยากจริงๆ
หกสิบปีมานี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็อยู่ในบรรยากาศของธุรกิจอย่างเข้มข้น ศิษย์เก่าของเซี่ยงไฮ้ทำธุรกิจกันมากที่สุด
คนพวกนี้จะมากจะน้อยก็เคยหาประโยชน์กับเซี่ยงไฮ้มาก่อนทั้งนั้น
ฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ยสบสายตากัน ฉินเฟิ่งชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไอ้หนู…”
“เรียกประธาน!”
ฉินเฟิ่งชิงกลอกตา เอ่ยอย่างไร้คำพูด “พักเรื่องนี้ไว้ก่อน นายแน่ใจเหรอว่าจะเรียกสินทรัพย์ของมหาวิทยาลัยกลับคืน? เรื่องนี้เกี่ยวพันเป็นวงกว้าง แม้ฉันจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ก็รู้ว่าตอนนี้ได้กลายเป็นห่วงโซ่ผลประโยชน์ขนาดใหญ่แล้ว นายทำแบบนี้ นอกจากศิษย์เก่าที่จบไป ยังมีคนในมหาวิทยาลัยบางส่วนอาจจะไม่ให้การสนับสนุนนายเสมอไป!”
“กลัวอะไร? มหาวิทยาลัยขาดแคลนเงินหรือไง? ไม่ได้ขาดแคลนจริงๆ สักหน่อย!”
ฟางผิงส่ายหัวว่า “อันที่จริงมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีเงินจะตายไป อย่ามองว่าทุกปีพวกเราสิ้นเปลืองไปมาก แต่พวกเราก็สร้างผลประโยชน์เช่นกัน รัฐบาลให้เงินช่วยเหลืออยู่ตลอด บริษัทยาบำรุงและบริษัทอาวุธก็ได้เงินปันส่วน บริษัทพวกนี้มีกำไรสูงเท่าไหร่ พวกนายรู้รึเปล่า? สองบริษัทใหญ่นี้ โดยเฉพาะบริษัทยาบำรุง วัตถุดิบของพวกเขานั้นมาจากผู้ฝึกยุทธ์ ผู้ฝึกยุทธ์ลงไปในถ้ำหาวัตถุดิบได้ สุดท้ายจึงกลายเป็นของพวกเขา พวกเขารับซื้อในราคาที่ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของราคาขายด้วยซ้ำ อย่างอื่น หักค่าภาษีออกไปก็เป็นกำไรทั้งนั้น! ผู้ฝึกยุทธ์ทำไมยากจนขนาดนี้? เงินไปอยู่ที่ไหนหมด?”
“ผู้ฝึกยุทธ์หาเงินได้เยอะขนาดนี้ แปปเดียวก็หลายร้อยล้านแล้ว ทำไมสังคมถึงไม่เกิดวิกฤตทางการเงินหรือภาวะเงินเฟ้อล่ะ? นั่นเป็นเพราะสุดท้ายเงินยังต้องไปสู่บริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ ผู้ฝึกยุทธ์เอง มีแต่ทำกิจการเท่านั้นถึงจะได้เงินมาก ฉินเฟิ่งชิงนายมีเงินหรือเปล่า? เซี่ยเหล่ย นายล่ะ? เงินไปไหน? นายบอกว่านายใช้เงินฝึกวิชา ซื้อยาบำรุงและอาวุธ แต่ยาบำรุงและอาวุธ อันที่จริงแล้วนายเป็นคนจัดหาวัตถุดิบให้ ทั้งยังต้องใช้หลายเท่าถึงจะเปลี่ยนเป็นทรัพยากรฝึกวิชาของนายอีก”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็กระแอมไอว่า “ออกนอกเรื่องไปไกลอยู่บ้าง สรุปแล้วผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองอาจจำเป็นต้องให้มหาวิทยาลัยช่วยเหลืออยู่บ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ อันที่จริงต่างพึ่งตัวเองในการช่วงชิงทรัพยากร เงินช่วยเหลือของมหาวิทยาลัยก็เป็นเพราะความคิดของมหาวิทยาลัย ความจริงแล้วแม้จะเป็นเงินช่วยเหลือ พวกเราก็ขาดทุนอยู่ดี พวกเรามีหุ้นส่วนในสองบริษัทใหญ่นี้ นึกไม่ถึงว่ายังต้องกังวลเรื่องเงินอีก เพราะอะไรล่ะ? เพราะพวกเราไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสมเหตุสมผล ทั้งไม่รู้จักช่วงชิงผลประโยชน์ให้ตัวเอง แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีอัจฉริยะมากมายขนาดนี้ ไม่มีคนคิดได้อย่างนั้นเหรอ? มีอยู่แล้ว! แต่คนพวกนี้อาศัยช่องโหว่ของมหาวิทยาลัยเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ตอนนี้สิ่งที่ฉันจะทำก็คือเอาสิ่งที่เป็นของมหาวิทยาลัยกลับมา ปรมาจารย์ไม่สนใจพวกเขาก็ให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางระดับล่างตั้งคำถามดู! คิดว่าไม่มีใครควบคุมพวกเขาได้จริงๆ งั้นเหรอ? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังมีปรมาจารย์ใหญ่ตั้งสามคน!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงแผ่วว่า “ปรมาจารย์ใหญ่สามคน หากมีคนเกี่ยวข้องในนั้นล่ะ?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เกี่ยวข้องแล้วยังไง เรียกคืนให้มหาวิทยาลัย พวกเขาจะได้รับประโยชน์มากกว่า ไม่ยินยอม งั้นก็ต้องหาความร่วมมือ ใครไม่ยินยอม ฉันจะเรียกศิษย์เก่ากลับมา ปรมาจารย์สิบกว่าคนข้างนอกนั่นควบคุมเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังได้สิทธิ์เรียกคืนอำนาจทั้งหมดของเซี่ยงไฮ้ นายว่าจะมีคนยอมไหมล่ะ? ต้องมีอยู่แล้ว ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดอาจจะมีเหมือนกัน”
ฉินเฟิ่งชิงแววตาดำดิ่งอย่างลึกล้ำ เอ่ยว่า “ปรมาจารย์จัดการขั้นสี่คนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ”
“ตอนนี้เป็นแค่การคาดเดาของนาย ยังไม่พูดเรื่องจะมีหรือไม่มี แม้จะมี ฉันก็ไม่เชื่อว่าทั้งสามคนจะเข้าร่วมทั้งหมด”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ฟางผิงก็เปลี่ยนประเด็น กระแอมไอว่า “แน่นอน เรื่องนี้ไม่รีบ รออีกสักหน่อย ฉันขั้นหกสูงสุดหรือเป็นปรมาจารย์แล้ว ฉันจะทำแน่นอน! อำนาจทั้งหมดต้องริบคืนมา! ส่วนเรื่องที่พูดเมื่อกี้ ฉันออกจากห้องนี้ไป ฉันไม่รับปากอะไรทั้งนั้น พวกนายใครจะบอกความลับก็ทำได้ ฉันจะบอกอาจารย์ฉันไว้ล่วงหน้า หากเกิดเรื่องอะไรกับฉัน ย่อมเป็นฝีมือของพวกนาย ฉันเกิดเรื่อง พวกนายก็ต้องฝังไปด้วยเช่นกัน”
เซี่ยเหล่ยแค่นเสียงในลำคอ ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไร้คำจะพูด “นี่เกี่ยวอะไรกับฉันกัน? อีกอย่างอาจารย์นายเองก็เป็นผู้ได้ประโยชน์ อย่าลืมว่าเธอมีหุ้นแยกในบริษัทยาบำรุงเหมือนกัน”
“ปัญญาอ่อน เพราะมีหุ้นแยกถึงจะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นไง ฉันตรวจสอบแล้ว หุ้นของอาจารย์มาจากพ่อของเธอ ตอนแรกพ่อของเธอเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการผูกขาดบริษัทยาบำรุงและผลิตอาวุธพวกนี้ ทั้งยังสนับสนุนให้ริบคืนเป็นของรัฐ เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่มีท่าทีเด็ดขาดที่สุด ดังนั้นจึงมีหุ้นพวกนี้ ทั้งเป็นแค่หุ้นปันผลเท่านั้น หากท่านผู้เฒ่าจากไป…ก็จะไม่ใช่ของเขาอีกแล้ว นี่ไม่เหมือนกับหุ้นของมหาวิทยาลัย”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็โบกไม้โบกมือ “เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ตอนนี้ยังเร็วเกินไป แต่พวกนายคอยดูเถอะ จากนี้ไม่นาน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ร่ำรวยที่สุด ฝีมือแข็งแกร่งที่สุด ปักกิ่งยังเทียบไม่ได้ สถานการณ์ของปักกิ่งซับซ้อนกว่าพวกเราอีก ไม่มีคนที่แข็งแกร่งออกมายืนกรานเปลี่ยนแปลง ปักกิ่งยังเดินถอยหลังลงคลองเหมือนเดิม นอกจากนี้ฉันครุ่นคิดแล้ว ถ้าสถานการณ์เอื้ออำนวย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปิดจุดรับคืนแห่งหนึ่งในเมืองความหวัง หลังจากนี้รางวัลที่อาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ได้รับในถ้ำใต้ดินก็จะเป็นของมหาวิทยาลัยทั้งหมด…”
“นายกำลังรนหาที่ตาย!”
ฉินเฟิ่งชิงอดแหน็บแนมไม่ได้ “รนหาที่ตายอย่างแท้จริง นายทำแบบนี้ บริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธ รวมถึงบริษัทพลังงาน บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสามจะหั่นนายเป็นชิ้นๆ!”
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เอาหุ้นบริษัทพวกนี้มาจากไหน?
เพราะฝีมือที่แข็งแกร่งของอาจารย์และนักศึกษา จัดสรรวัตถุดิบให้พวกเขาอย่างไม่ขาดสาย
ฟางผิงทำแบบนี้ ถือเป็นการล้ำเส้นพวกเขา!
คิดว่ายอดฝีมือไม่ฆ่ามนุษย์หรือยังไง?
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ฉันยังต้องการขยายสายพานผลิตยาบำรุงภายในมหาวิทยาลัย อย่างน้อยต้องทำถึงขั้นพึ่งพาตัวเองได้”
ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังทำไม่ถึงจุดนี้
ยาบำรุงและอาวุธส่วนหนึ่งมาจากสองบริษัทใหญ่
“อาจจะทำไม่ได้เสมอไป”
“ต้องลองเจรจาต่อรองดู ยังไงฉันก็ไม่ออกหน้าอยู่แล้ว กลับไปจะให้อธิการเป็นคนลงมือ ยังไงก็เป็นร่างทองขั้นแปด ยอดฝีมือเรื่องยากแค่นี้ยังทำไม่ได้ งั้นจะควบคุมเซี่ยงไฮ้ไปทำไมกัน เดี๋ยวค่อยเผยแพร่เรื่องนี้ บีบบังคับให้อธิการลงมือ”
“นายจะถูกอธิการอู๋ฟันตาย!”
“ไม่กลัว” ฟางผิงไม่ใส่ใจ หันไปหาเฉินอวิ๋นซีว่า “อวิ๋นซี กลับไปปรึกษากับปู่เธอสักหน่อย ถ้าอยู่เซี่ยงไฮ้ต่อไม่ได้แล้ว ให้ฉันไปเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จิงหนานแทนได้หรือเปล่า? ฉันไปแล้ว มหาวิทยาลัยจิงหนานจะตามเซี่ยงไฮ้ทันภายในเวลาสามปี ห้าปีต้องล้ำหน้าปักกิ่งอย่างแน่นอน…”
เฉินอวิ๋นซีใบหน้าแดงก่ำ คำพูดนี้…นายกล้าพูดออกมาได้ยังไงกัน?
ฟางผิงพูดเหมือนล้อเล่นขำๆ ตอนที่กำลังจะไปยังพึมพำว่า “เซี่ยงไฮ้มีข้อบกพร่องเยอะไปหมด ไม่เปลี่ยนแปลงได้ที่ไหน! เห็นอยู่ตำตากลับไม่มีคนจัดการ ฉันจะบุกเบิกเป็นคนแรกเอง!”
ยังไงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก็ไม่ใช่เขา!
ปีนี้อยากจะใช้ชีวิตอย่างดีๆ ก็ต้องถีบผู้มีส่วนได้ส่วนเสียออกไปซะก่อน ไม่งั้นคนหนุ่มสาวจะมีโอกาสได้ยังไง
วันนี้พูดไปมากมายก็เพื่อล่อความสนใจพวกฉินเฟิ่งชิง
ผ่านไปอีกไม่กี่ปี ทุกคนกลายเป็นปรมาจารย์ โลกจะเป็นของพวกเขา
ส่วนวิกฤตของถ้ำใต้ดิน แข็งแกร่งแล้วถึงจะมีสิทธิ์แก้ไขปัญหาได้ ผู้อ่อนแอมีสิทธิ์อะไรให้กังวลเรื่องพวกนี้
—
ฟางผิงไปแล้ว ภายในห้องทำงานที่มีฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ยก็ตกอยู่ในความเงียบ
ฟางผิงเจ้าหมอนี้เป็นประธานที่ไม่เหมือนกับจางอวี่เลยจริงๆ
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็เข้าไปมีส่วนร่วม ทำแบบนี้ หากชนะจะได้ผลประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าแพ้ก็จะน่าอนาถเอามากๆ
ทั้งสองคนประสานสายตากัน ไม่พูดอะไร แยกย้ายกันไปอย่างเงียบเชียบ
——————–
———————————————-