ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 297 เจ็บเจียนตาย (1)
ตอนที่ 297 เจ็บเจียนตาย (1)
วันที่ 14 กันยายน
สามปรมาจารย์ใหญ่ของเซี่ยงไฮ้ รวมตัวกับปรมาจารย์ศิษย์เก่าอีกเจ็ดคน เป็นสิบคนพอดี ทะยานสู่ท้องฟ้าเดินทางสามพันลี้ไปยังปักกิ่ง!
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เขตแดนของปักกิ่งก็มีปรมาจารย์มาเยือนนับสิบคน!
ลมหายใจของปรมาจารย์นั้นอบอวลไปทั่วทั้งปักกิ่ง!
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
ฟางผิงที่ได้รับข่าวเผยสีหน้าแข็งทื่อ!
แม่งเหอะ ตาเฒ่าพวกนี้บ้ากันไปแล้วหรือไง!
ให้พวกคุณไปช่วงชิง ไม่ได้ให้ไปทะเลาะตบตีกับคนอื่น รวมตัวปรมาจารย์ใหญ่สิบคน ทะยานบนฟ้าไปถึงปักกิ่ง ไม่กลัวจะเกิดเรื่องอลม่านขึ้นหรือยังไง?
ตอนที่ตาเฒ่าหลี่ได้รับข่าวนี้ก็กอดอกถอนหายใจ รู้สึกเสียดายอย่างยิ่ง!
“ไอ้แก่พวกนี้ไปก่อเรื่องนึกไม่ถึงว่าจะไม่เรียกฉันไปด้วย!”
“แม่งเหอะ ครั้งก่อนถูกคนรังแก ครั้งนี้พาปรมาจารย์กลุ่มใหญ่ไป เป็นโอกาสดีที่จะระบายอารมณ์แท้ๆ!”
“…”
ตาเฒ่าหลี่โมโหดิ้นเร่าๆ เรื่องดีแบบนี้ ทำไมไม่พาเขาไปด้วย?
ยังมีจิตสำนึกกันหรือเปล่า?
ถ้าเขาไปด้วยจะจัดการไอ้เวรที่กดดันเขาครั้งก่อนเป็นอันดับแรก ต่อให้ปักกิ่งจะใจกล้าแค่ไหน แต่เวลานี้ก็คงไม่กล้าเสี่ยงอันตรายทำเรื่องอื่นออกมาหรอก
“น่าโมโหชะมัด!”
ตาเฒ่าหลี่ที่กำลังโมโหรู้เรื่องราวทั้งหมดเช่นกัน คว้าฟางผิงได้ก็จัดการชุดใหญ่!
อ้างอย่างสวยหรูว่า…เป็นการบ่มเพาะประสบการณ์สู้รบจริงระหว่างเขาและผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง
ฟางผิงโมโหยิ่งกว่าเขาเสียอีก โกรธจนหน้าดำไปหมด ฉันไปล่วงเกินใครเข้ากัน?
ตาเฒ่าหลี่จะทำเกินไปแล้ว!
ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ หลู่เฟิ่งโหรวหงุดหงิดก็มาหาเรื่องเขา
ตาเฒ่าหลี่ไม่สบอารมณ์ก็มาจัดการเขา
บางครั้งหัวสิงโตอารณ์ไม่ดี ยังอยากจะซ้อมเขาอีก
รวมถึงตัวก่อเรื่องทั้งสองคนในสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เซี่ยเหล่ยและฉินเฟิ่งชิง มักจะใช้แววตาแปลกๆ มองเขา นี่ทำให้ฟางผิงแทบอยากจะกลายเป็นปรมาจารย์เร็วๆ จับคนพวกนี้มัดรวมกันอัดให้น่วมสักครั้ง!
—
ในเวลาเดียวกับที่ฟางผิงกำลังวางแผนล้างแค้น
ปักกิ่ง
ตอนที่รู้จุดประสงค์ของพวกปรมาจารย์จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ยอดฝีมือบางส่วนของปักกิ่งแทบจะกระอักเลือดออกมา
แม่งเหอะ นายมายื่นเรื่องขออนุมัติขยายขนาดการผลิต ทำอย่างกับว่าจะมาทำสงครามใหญ่ คิดอะไรอยู่กัน?
แน่นอนว่าแม้จะโมโห แต่ทุกคนก็ทราบถึงความต้องการของเซี่ยงไฮ้
มาด้วยท่าทีพร้อมทุบหม้อข้าวจมเรือ!
ปรมาจารย์ใหญ่สิบคนมาถึงพร้อมกัน ต่อให้ไม่อนุมัติก็ต้องอนุมัติแล้ว!
ปรมาจารย์ทั้งสิบพูดถึงจุดประสงค์อย่างชัดเจนแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรอีก
บรรยากาศตึงเครียดอย่างมาก
จางเทา ปรมาจารย์ยอดฝีมือขั้นเก้า รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานจำเป็นต้องปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้
ได้ฟังคำพูดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว จางเทาจึงเอ่ยว่า “แม้จะเป็นแบบนี้ก็ไม่อาจมองข้ามกฏเกณฑ์ได้ เหาะบนฟ้ามาถึงปักกิ่ง!”
หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “รัฐมนตรี ยังไม่ถึงปักกิ่งสักหน่อย”
ตอนนี้สถานที่ที่ทุกคนยืนอยู่คือเส้นแบ่งเขตระหว่างปักกิ่งกับเป่ยเหอ
จางเทาไม่พูดมากเช่นกัน เอ่ยทุ้มลึกว่า “เรื่องนี้จำเป็นต้องหารือกันก่อน”
ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดที่จบจากเซี่ยงไฮ้คนหนึ่ง เอ่ยเสียงดังว่า “ไม่จำเป็น เวลาไม่เคยรอใคร วันนี้พวกเรามาพร้อมกันแล้วก็ต้องได้ผลสรุปในวันนี้!”
“นายกำลังข่มขู่?”
“คุณจะเข้าใจแบบนั้นก็ได้ รัฐมนตรีจาง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยู่ในความดูแลของกระทรวงการศึกษา ไม่ใช่บริษัทใหญ่พวกนั้น!”
ยอดฝีมือขั้นแปดคนนั้นโมโหอย่างยิ่ง ตะโกนว่า “ปีนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเราบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน อธิการตายในสนามรบ พวกคุณอยากเห็นพวกเราไปตายกันทั้งหมดหรือไง? ถ้ำใต้ดินปักกิ่งมีเมืองใหญ่ของมนุษย์รักษาการณ์อยู่ เซี่ยงไฮ้ของเรามีอะไรกัน? สงครามถ้ำใต้ดินเปิดฉาก อาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้เข้าร่วมสงครามอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ใครยังจะบอกว่าพวกเราไม่กล้าต่อสู้! อาจารย์ตายในสนามรบเกินกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ มีที่ไหนเป็นแบบนี้บ้าง!”
“ตอนนี้อธิการเฒ่าจากไป เซี่ยงไฮ้อ่อนกำลัง รับสมัครนักศึกษาใหม่ รายรับไม่พอรายจ่าย ต้องยื่นมือของความช่วยเหลือคนอื่นจนไม่เหลือหน้าตา ถูกติฉินนินทา มีใครนึกถึงอาจารย์และนักศึกษาเซี่ยงไฮ้ของพวกเราบ้าง? มหาวิทยาลัยชื่อดังอื่นๆ รวมถึงปักกิ่ง อัตราการออกรบเป็นยังไง เปอร์เซ็นต์บาดเจ็บล้มตายเป็นยังไงล่ะ? ปีก่อนมหาวิทยาลัยเทียนหนาน ฐานทัพในถ้ำใต้ดินถูกทำลาย บาดเจ็บล้มตายยิ่งกว่าพวกเรา หรืออัจฉริยะสมควรตายอย่างนั้นเหรอ? วันนี้ไม่ได้รับคำตอบ ฉันไม่มีหน้าไปเจอกับอาจารย์และนักศึกษาแล้ว จะเข้าไปในถ้ำใต้ดินทำลายเมืองหนึ่งให้ราบคาบไปซะ!”
“เหิมเกริม!”
“ต่อสู้กับพวกถ้ำก็เป็นเรื่องเหิมเกริม น่าขำ! อันดับที่สองของขั้นเก้าอย่างคุณ ไม่กลัดกลุ้มเรื่องทรัพยากร ลูกสาวลูกชายเป็นปรมาจารย์ทั้งคู่ ไม่ช่วงชิงผลประโยชน์ให้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ยังมีหน้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการศึกษา หากคุณคิดว่าฉันเหิมเกริม วันนี้ฆ่าฉันแล้วคุณก็เป็นรัฐมนตรีต่อไปซะ!”
“เถียนมู่!”
จางเทายังไม่ทันพูด ยอดฝีมือร่างทองขั้นแปดคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาก่อน “คิดก่อนพูดหน่อย สถานการณ์ลูกๆ ของรัฐมนตรีจางเป็นยังไง หรือนายยังไม่ชัดเจนอีก?”
“ลูกชายตายไปคนเดียวเท่านั้น นับเป็นเรื่องอะไรกัน ฉันเสียทั้งพี่ทั้งน้อง ลูกสาวลูกชายตายหมด ร้องไห้คร่ำครวญหรือเปล่าล่ะ?”
เถียนมู่คิดว่าตัวเองพูดถูกต้องแล้ว เอ่ยเสียงดังว่า “อาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ไม่คำนึงถึงความตาย ทรัพยากรที่ได้นำมาเลี้ยงตัวเอง มันผิดตรงไหนกัน!”
จางเทาที่เงียบมาตลอดไม่คิดจะโต้แย้งคำพูดก่อนหน้านี้ของเขา คิดเล็กคิดน้อยกับคนถ่อยเช่นนี้ไม่มีประโยชน์
“เถียนมู่ ทุกอย่างมีกฏเกณฑ์ของมัน!”
จางเทาเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ทำตามขั้นตอน รอคอยผลลัพธ์ ไม่ใช่บีบให้รัฐบาลมาให้คำตอบพวกคุณ! อธิการอู๋ มีข้อเรียกร้องอะไรสามารถพูดคุยได้ แต่ต้องผ่านการปรึกษาหารือก่อน! คำร้องฉันจะส่งไปให้แต่ละฝ่ายหาข้อตกลงร่วมกัน ตอนนี้พวกคุณแยกย้ายกลับไปที่ของตัวเองได้แล้ว!”
อู๋ขุยซานแค่นยิ้ม “รัฐมนตรีจาง ไม่ใช่ว่าผมบีบบังคับ แต่ตกอยู่ในสถานการณ์เร่งด่วนจริงๆ ถึงได้ใจร้อนไม่ทันคิดรอบคอบ เรื่องของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันที่จริงเป็นกรณีพิเศษไม่เหมือนกับที่อื่นๆ สถานการณ์ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้ทุกคนน่าจะรู้ดี ช่วงนี้ถ้ำใต้ดินเปิดอีกครั้งแล้ว แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ชักหน้าไม่ถึงหลัง อาจารย์และนักศึกษาแทบจะไปสังหารศัตรูด้วยมือเปล่า ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ปิดประตูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องให้คนรุ่นหลังรับผลกระทบไปด้วย ส่งหนุ่มสาวมือเปล่าพวกนี้เข้าไปทำสงครามในถ้ำ”
ทุกคนต่างมองไปทางอู๋ขุยซาน ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความคิดแบบนี้ ตอนแรกใครเป็นคนแนะนำให้เซี่ยงไฮ้รับนักศึกษาสักหมื่นคนแล้วส่งเข้าไปในถ้ำใต้ดินรวดเดียวกันล่ะ?
อู๋ขุยซานเพิ่งพูดจบ ชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพเรียบร้อยที่ยืนด้านหลังจางเทาคนหนึ่งก็เอ่ยว่า “อธิการอู๋ สถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง หลักๆ เป็นยังไง พวกเราพอกระจ่างใจอยู่ ทุกปีบริษัทยาบำรุงจัดสรรยาบำรุงให้เซี่ยงไฮ้เป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้าน…”
อู๋ขุยซานหัวเราะ “การจัดสรรของบริษัทยาบำรุง พวกเราเซี่ยงไฮ้รู้สึกซาบซึ้ง สลักลึกไว้ในใจอยู่แล้ว แต่ว่า…น้อยเกินไป น้อยจนพวกอาจารย์และนักศึกษาไม่พอใช้ เป็นแบบนี้ต่อไป มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงไม่มีความแน่วแน่อีกแล้ว ครั้งนี้มาปักกิ่ง ขยายฐานการผลิตในเซี่ยงไฮ้เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องที่สองพวกเรายังต้องการอำนาจทำการค้ายาบำรุงและอาวุธต่อภายนอก อับจนหนทางจริงๆ ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กำลังขาดแคลน หวังจะสามารถเพิ่มทรัพยากรขึ้นมา ทั้งกระตุ้นให้พวกอาจารย์และนักศึกษาเข้าไปบากบั่นในถ้ำใต้ดินต่อได้”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็พากันหน้าเปลี่ยนสี
กระทั่งทางเซี่ยงไฮ้ ปรมาจารย์หลายคนยังสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด ความโลภของอู๋ขุยซานคนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
มอบอำนาจในการค้ายาบำรุงและอาวุธให้เซี่ยงไฮ้ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนทวงสิทธิ์ทรัพยากรของอาจารย์และนักศึกษาอีกแล้ว
อู๋ขุยซานกลับยังพูดไม่จบ เอ่ยต่อว่า “เรื่องที่สามมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ขาดแคลนบุคลากรอาจารย์ หวังว่ากระทรวงศึกษาจะจัดเตรียมอาจารย์ระดับกลางให้มหาวิทยาลัยสักหนึ่งร้อยคน ชดเชยบุคลากรที่เสียไปในสนามรบก่อนหน้านี้ เรื่องที่สี่ตอนนี้อาจารย์และนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีมากกว่าปักกิ่ง ประสิทธิภาพการเรียนการสอนก็ประจักษ์แก่สายตาทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะการแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ก่อนหน้านี้ หรือจะเป็นการประลองต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ล้วนอยู่เหนือปักกิ่ง แต่การจัดสรรเงินทุนกลับได้น้อยกว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่ง ปีก่อนปักกิ่งได้รับเงินจัดสรรสามหมื่นห้าพันล้าน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สองหมื่นหกพันล้าน หวังว่ากระทรวงการศึกษาจะชดเชยเก้าพันล้านที่ขาดไปได้ เรื่องที่ห้าผมยอมรับว่าตัวเองประสบการณ์ไม่เพียงพอทั้งความสามารถก็ไม่เพียงพอ ไม่อาจจะสืบทอดเจตนารมณ์ที่หนักอึ้งของอธิการเฒ่าได้ ดังนั้นขอร้องให้กระทรวงการศึกษาเลือกยอดฝีมือขั้นเก้าคนใหม่เพื่อรับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ด้วย”
พูดเรื่องที่ห้าจบแล้ว อู๋ขุยซานยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า
ทุกคนต่างสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก!
ปรมาจารย์ยอดฝีมือนั้นแม้เขาไท่ซานจะถล่มตรงหน้าก็รักษาความสงบไว้ได้
แต่ข้อเรียกร้องทั้งห้าที่อู๋ขุยซานเสนอออกมาแทบไม่มีอะไรง่ายเลย
ขยายฐานการผลิตภายในมหาวิทยาลัย ทรัพยากรที่อาจารย์และนักศึกษาเซี่ยงไฮ้หาได้จะมอบให้มหาวิทยาลัยตัวเอง ขออำนาจค้ายาบำรุงและอาวุธต่อภายนอก ทั้งเพิ่มบุคลากรอาจารย์ระดับกลางนับร้อย…
รวมถึงคำพูดสุดท้ายของอู๋ขุยซาน ในสายตาของทุกคนนั้นเป็นเรื่องน่าขำ
ยอดฝีมือขั้นเก้า ส่วนหนึ่งเร้นกายซ่อนตัวแทบไม่โผล่ออกมา บางส่วนก็เป็นเหมือนจางเทา อยู่ในตำแหน่งที่สูง ตำแหน่งอธิการของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะดึงดูดใจยอดฝีมือขั้นเจ็ดขั้นแปดมากกว่า
แต่สำหรับขั้นเก้าแทบไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย
ขั้นเก้าเดินมาสุดเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ตอนนี้พวกเขามีแค่ไม่กี่คนที่สนใจเรื่องวุ่นวายพวกนี้
ทุกคนต่างจมดิ่งในความเงียบ
จางเทามองอู๋ขุยซานแวบหนึ่ง ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “อธิการอู๋ ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้ ทุกคนต่างต่อสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน ในนั้นบางคนจ่ายออกไปมากหน่อย…บางคนก็จ่ายออกไปน้อย…”
———————–