ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 298 ฉินเฟิ่งชิง นายวิ่งเร็วแค่ไหนกัน (1)
ตอนที่ 298 ฉินเฟิ่งชิง นายวิ่งเร็วแค่ไหนกัน (1)
เจ็บปวดอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงก็พยายามฟื้นฟูสภาพจิตใจขึ้นเป็นปกติ ช่างเถอะ จดไว้ในบัญชีก่อน สบโอกาสค่อยอุบเงินจากสมาคมมาชดใช้แทน
เงินก้อนเงินไม่อาจวางแผนเอาจากคนอื่นได้ ครั้งนี้ก็ปล่อยพวกเขาไปละกัน
ดูเวลาแล้ว ฟางผิงจึงฟื้นคืนท่าที ถามออกไป “ฉินเฟิ่งชิงไปตายที่ไหนกัน?”
“อยู่ที่ฝ่ายการเงิน…บอกว่าต้องการส่วนแบ่ง”
“แบ่งกับผีน่ะสิ!”
ฟางผิงด่าออกมา “เขาไปตั้งหลายวัน ระดมทุนได้ห้าร้อยล้าน ฉันโทรไปแป๊บเดียวได้เพิ่มกว่าสองพันล้าน ฉันไม่กล้าเอาส่วนแบ่งด้วยซ้ำ เขายังมีหน้ามาเอา?”
“โทรหาเขา บอกให้รีบเข้ามา ถ้าวุ่นวายจะเอาส่วนแบ่ง ตำแหน่งรองประธานก็ไม่ต้องเอาแล้ว!”
ตอนนี้ตำแหน่งของฟางผิงค่อยๆ มั่นคงขึ้นมาแล้ว
พวกฉินเฟิ่งชิงและจ้าวเหล่ย ที่จริงตอนนี้ก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรขนาดนั้นแล้ว
ฟางผิงบอกให้ทำอะไรก็ทำเสร็จอย่างรวดเร็ว
รวมถึงการขยายสายพานการผลิตและระดมเงินทุน แค่พูดสั่งการไม่กี่ประโยคเท่านั้น ฟางผิงดำรงตำแหน่งประธาน ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยต่างได้รับผลประโยชน์
คนนอกไม่รู้ แต่พวกเขากระจ่างใจดี
รวมถึงพวกอาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างรู้ทั่วกัน
เวลานี้คิดจะสั่นคลอนตำแหน่งของฟางผิง แม้ว่าพลังต่อสู้จะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ไม่อาจได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยเสมอไป
ดำรงตำแหน่งประธานไม่ถึงหนึ่งเดือน ฟางผิงก็ซื้อใจคนไปเกือบครึ่งมหาวิทยาลัยแล้ว
เฉินอวิ๋นซีไม่พูดมากเช่นกัน ต่อสายหาฉินเฟิ่งชิงทันที
—
ไม่นานนัก ฉินเฟิ่งชิงก็เดินเข้ามาในสำนักงาน เอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฟางผิง รางวัลที่บอกจะให้ล่ะ? ทำไมไม่มี? ไม่ได้หมายความว่าฉันเทียวไปเทียวมาฟรีๆ หลายวันหรือยังไง?”
“รอสมาคมมีเงินก่อนค่อยว่ากัน ตอนนี้เพิ่งจะมีเท่าไหร่เอง?”
“นี่ยังไม่มีอีก?”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะด่าคนออกมาแล้ว เจ้าฟางผิงเอาเงินหนึ่งพันสองร้อยล้านที่จัดสรรให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ปีนี้เข้าบัญชีไปแล้ว ไม่คิดแม้แต่จะเอาคะแนนสักนิด หลักๆ เพราะกลัวว่าคะแนนจะเสื่อมค่าลง
รวมถึงเงินที่ระดมทุนมากับเงินค่าเช่าหอพักก่อนหน้านี้
สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็ร่ำรวยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแล้ว!
มีเงินคงคลังห้าพันล้าน!
ตอนที่จางอวี่ดำรงตำแหน่ง ประหยัดอดออมทั้งปี สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ยังมีเงินเก็บไม่ถึงสามร้อยล้านเท่านั้น
ตอนนี้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์กำลังมีเงินล้นเหลือ เงินบริจาค มหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เก็บคืนไป แม้การขยายสายพานการผลิตจะต้องใช้เงิน แต่มหาวิทยาลัยก็ไม่ให้สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ควักจ่าย มหาวิทยาลัยมีเงินช่วยเหลือเช่นกัน
ห้าพันล้านตอนนี้พูดได้ว่าขึ้นอยู่กับฟางผิงเท่านั้น อธิการทั้งสองคนทำเพียงมองอย่างเงียบๆ นอกเสียจากว่าฟางผิงจะเอาเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่งั้นเขาจะใช้ยังไงล้วนได้ทั้งนั้น
แต่นึกไม่ถึงว่าฟางผิงจะยังบอกว่าไม่มีเงินอีก
ฟางผิงคร้านจะสนใจเขา โบกมือว่า “ไม่ต้องพล่ามแล้ว นั่งลงก่อนสิ ช่วงนี้ยุ่งเกินไป ไม่ทันได้ถามเรื่องที่บอกครั้งก่อนอย่างละเอียด ตกลงเรื่องถ้ำใต้ดินมันยังไงกันแน่?”
“งั้นส่วนแบ่งของฉันล่ะ…”
“ถ้านายยังพล่ามอีก สองร้อยคะแนนทุกเดือนก็ไม่ต้องเอาแล้ว!”
ฉินเฟิงชิงหน้าดำหน้าแดง กัดฟันว่า “นายเหี้ยมได้ใจจริงๆ อย่าให้ถึงทีฉันละกัน…”
“พูดเกทับคนอื่นมีประโยชน์หรือไง? ถ้ามีประโยชน์ฉันคงได้เป็นอธิการบดีไปนานแล้ว”
ฟางผิงเอ่ยอย่างดูแคลน เจ้าฉินเฟิ่งชิงอยู่ขั้นสี่ตอนต้น ยังกล้ายั่วยุเขาที่อยู่ขั้นสูงกว่าหนึ่งช่วง ใจกล้าจริงๆ
“ฉันเชื่อมสะพานฟ้าดินสี่สายแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงพูดพึมพำแฝงด้วยการข่มขู่
“มีประโยชน์หรือไง?”
ฟางผิงไม่ได้ใส่ใจ ช่วงนี้เขาก้าวหน้าเร็วเกินไปจึงจงใจประวิงเวลา ไม่งั้นคงหลอมหัวใจไปแล้ว
หายใจฟึดฟัดอยู่พักหนึ่ง ฉินเฟิ่งชิงก็ละทิ้งประเด็นนี้ไป ฟางผิงไม่ใช่จางอวี่ ไม่ใช่เด็กธรรมดาที่ยืนอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัยในวันนั้นอีกแล้ว ตอนนี้ลำดับขั้นยังสูงกว่าตัวเองด้วยซ้ำ สร้างปัญหาอาจไม่มีประโยชน์เสมอไป
“งั้นพักเรื่องนี้ไว้ก่อน”
ฉินเฟิ่งชิงวนกลับมาที่เรื่องถ้ำใต้ดิน กดเสียงว่า “อันที่จริงฉันค้นพบครั้งก่อนเมื่อที่ไปถ้ำกับหวังจินหยาง แต่เจ้าหวังจินหยางขี้เหนียวเกินไป เอาส่วนแบ่งให้ตัวเองเยอะกว่า ไม่อยากจะร่วมมือกับเขาแล้ว ตอนนั้นฉันเพิ่งจะขั้นสาม…”
ฟางผิงตัดบทว่า “ข้ามเรื่องพวกนี้เข้าประเด็นไปเลย”
ฉินเฟิ่งชิงหมดคำจะพูด เอ่ยต่อว่า “ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองความหวังประมาณสามร้อยลี้ ที่นั่นมีภูเขา…”
“ในภูเขามีวัดอยู่?”
“เอ๋ นายรู้เรื่องนี้ด้วย?”
ฉินเฟิ่งชิงอึ้งไป
ฟางผิงก็อึ้งไปเช่นกัน
แม่งเหอะ ฉันแค่พูดมั่วๆ ออกไป นายล้อฉันเล่นสินะ!
ฉินเฟิ่งชิงมองเขาอย่างสงสัยอยู่บ้าง “ไม่ถือว่าเป็นวัดทีเดียว ไม่เคยเห็นนักบวชในถ้ำใต้ดินสักหน่อย ยังไงก็เป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูยิ่งใหญ่ ตอนนั้นฉันมองแค่แวบเดียว นายทายสิว่าฉันเห็นอะไร?”
“แร่พลังงาน?”
“ปัญญาอ่อน แร่พลังงานฉันจะกล้าไปเอารึไง? ต้องมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงวนเวียนอยู่แล้ว ใครจะไปรนหาที่ตาย”
ฉินเฟิ่งชิงด่าออกมา ไม่เปิดโอกาสให้ฟางผิงด่ากลับเช่นกัน เอ่ยอย่างรวดเร็ว “เหมือนจะเป็นสวนสมุนไพร”
“เหมือนจะหมายความว่าอะไร?”
“ก็เหมือนจะไง ฉันเห็นไม่ค่อยชัด ตอนนั้นข้างหลังมีคนตามฆ่าอยู่…”
“อาจจะถูกคนอื่นกวาดเรียบไปแล้วหรือเปล่า นายเห็น คนอื่นก็ต้องเห็นเหมือนกัน”
“ไร้สาระ คนที่ไล่ฆ่าตอนหลังก็ถูกพวกเราฆ่าไปแล้ว”
“งั้นหลังจากนั้นนายไม่ได้ไปดู?”
ฉินเฟิ่งชิงส่ายหัวว่า “ไม่ได้ไป หลังจากนั้นสถานการณ์ไม่ค่อยดี ทหารของเมืองเทียนเหมินออกลาดตระเวนพอดี พวกเราเลยไม่สามารถเข้าไปลึกได้ ทั้งต่อจากนั้นก็เกิดสงครามใหญ่ของถ้ำใต้ดิน ไม่มีโอกาสเข้าไปอีกเลย”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “อาศัยแค่แวบเดียวของนาย จะให้ฉันไปเสี่ยงอันตรายด้วยเนี่ยนะ? ถ้านั่นไม่ใช่สวนสมุนไพร แต่เป็นสวนผักจะทำยังไง? อีกอย่างในป่าลึกของถ้ำใต้ดินมีสิ่งก่อสร้างโอ่อ่าใหญ่โต ในนั้นจะไม่มียอดฝีมืออาศัยอยู่หรือไง? ป่าลึกในถ้ำใต้ดินไม่ใช่สถานที่ดีๆ อยู่แล้ว”
“ข้อแรก ตอนนั้นพวกเราผ่านทางไป หากมียอดฝีมืออยู่ ทำไมไม่ออกมาไล่ฆ่าพวกเราล่ะ?”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ข้อสอง สวนผักหรือสวนสมุนไพร นายคิดว่าฉันเป็นคนโง่แยกไม่ออกหรือไง?”
“ข้อสาม ในถ้ำใต้ดินมีที่ไหนไม่อันตรายบ้าง เทียบกับค้นหาอย่างไร้จุดหมายแล้ว การค้นหาโดยมีเป้าหมายแบบนี้จะปลอดภัยและสะดวกกว่า”
“ข้อสี่ ฉันฉินเฟิ่งชิงไม่มีความสามารถอย่างอื่น ฝีมือหาของนั้นเป็นอันดับหนึ่ง หินพลังงานที่คนเขาซ่อนไว้ในหมู่บ้านยังถูกฉันค้นพบเลย เจ้าหวังจินหยางนั่นไม่ให้แม้แต่ค่าข้อมูลฉัน!”
“…”
จำเป็นต้องพูดว่า ความจริงฟางผิงนับถือฉินเฟิ่งชิงไม่น้อย!
ผู้ฝึกยุทธ์สามระดับล่างแทบไม่เดินออกนอกเมืองความหวังไปไกลห้าสิบลี้
เจ้าหมอนี้วิ่งเตร็ดเตร่ไปทั่วถ้ำใต้ดิน เข้าไปลึกหลายร้อยลี้ ไปไกลกว่าพวกระดับกลางทั่วไปซะอีก
ประเด็นอยู่ที่…เขายังมีชีวิตรอด!
นี่ไม่ปกติแล้ว!
ก่อนหน้านี้ฉินเฟิ่งชิงไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ นึกไม่ถึงว่าเขาจะอ้อมไปถึงข้างหลังเมืองเทียนเหมินได้ ฟางผิงนับถือจริงๆ ความสามารถในการเอาตัวรอดไม่ธรรมดาเลย ตัวเองจะหนีสู้เขาได้จริงๆ น่ะเหรอ?
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจว่าเขาจะคิดอะไร เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “สรุปแล้วคุ้มที่จะเสี่ยงอันตราย ถ้าเจออันตรายจริงๆ ก็หนีเท่านั้น นายอย่าลืมว่า หากเจอสวนสมุนไพรจริงๆ นั่นก็รวยเละแล้ว ทั้งฉันจะบอกนายว่า อันที่จริงยอดฝีมือระดับสูงไม่สนใจยาบำรุงและไม่ค่อยปลูกสมุนไพรต่างๆ ด้วย…”
“เดี๋ยวก่อน ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำปลูกสมุนไพรด้วย?”
จู่ๆ ฟางผิงก็ค้นพบปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่ง “เส้นทางการฝึกวิชาของผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่เหมือนพวกเรา พวกเขาไม่พึ่งยาบำรุงในการฝึกวิชา จะปลูกสมุนไพรไปเพื่ออะไร?”
มนุษย์เจอสมุนไพรในถ้ำใต้ดิน อันที่จริงค้นเจอจากข้างนอกเมือง
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำไม่ใช้ยาบำรุง
ฉินเฟิ่งชิงเบะปากว่า “รู้น้อยเห็นน้อยจึงมองเรื่องธรรมดาเป็นเรื่องประหลาด ผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช้ยาบำรุงฝึกวิชา ไม่ได้หมายความว่าไม่กินสมุนไพรสักหน่อย สมุนไพรเต็มไปด้วยอนุภาคพลังงานเช่นกัน นายคิดว่าพวกเขาต้องฝึกวิชากับหินพลังงานอย่างเดียวหรือไง? โง่จริงๆ สมุนไพรบางอย่าง หากดูแลดีๆ ในนั้นจะแฝงด้วยพลังงานหรือกระทั่งไม่ต่ำกว่าหินพลังงานด้วยซ้ำ ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำกิน สัตว์ประหลาดก็กิน นายไม่เห็นเพราะว่าตอนที่ทำสงครามไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำคนไหนพกสมุนไพรมาด้วยเลยไม่รู้สินะ อันที่จริงสังหารผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำบางครั้งก็อาจมีโอกาสเจอสมบัติล้ำค่าพวกนี้เช่นกัน นายคิดไปผิดทางแล้ว ความหมายของฉันคือผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับสูงไม่ต้องการของพวกนี้ มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่าง เข้าใจความหมายฉันหรือยัง?”
“นายหมายความว่าแม้จะมีเจ้าของสวนสมุนไพร อย่างมากก็เป็นแค่ระดับกลางเท่านั้น?”
“ใช่ ยังไม่นับว่าโง่เกินไป”
ฉินเฟิ่งชิงภาคภูมิใจตัวเองไม่น้อย ตรรกะความคิดของฉันไม่ธรรมดา ทั้งยังมีความสามารถหาผลประโยชน์และหลีกเลี่ยงอันตราย ไม่งั้นคงตายไปนานแล้ว
หากมียอดฝีมือระดับสูงอยู่จริงๆ เขาคงไม่ไปหรอก ระดับสูงฆ่าระดับกลางง่ายราวกับปลอกกล้วยเข้าปาก
แต่ขอแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับสูง เขาและฟางผิงยังมีหวังที่จะหนีรอด ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกก็ตาม
———————–
——————————————–