ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 298-2 ฉินเฟิ่งชิง นายวิ่งเร็วแค่ไหนกัน (2)
ตอนที่ 298 ฉินเฟิ่งชิง นายวิ่งเร็วแค่ไหนกัน (2)
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างเบิกบานต่อว่า “โดยเฉพาะตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้รับซื้อสมุนไพรและอาวุธในราคาที่สูงขึ้น คะแนนก็จะเยอะขึ้น หากครั้งนี้ทำได้ดี พวกเราฝึกวิชาไปถึงขั้นหกสูงสุดโดยแทบไม่ต้องกลัดกลุ้มด้วยซ้ำ…”
ฉินเฟิ่งชิงคิดหมกมุ่นจนน้ำลายแทบจะไหลออกมา
โอกาสแบบนี้ดีที่สุดแล้ว!
ก่อนหน้านี้เพราะจัดหาวัตถุดิบให้บริษัทยาบำรุง บริษัทยาบำรุงจึงกดราคา ไม่ได้ให้ราคาที่สูงนัก
แต่ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ผลิตเอง เดิมทีก็เพื่อให้สวัสดิการกับอาจารย์และนักศึกษา ราคารับซื้อจึงเพิ่มไปอีกเท่าตัว!
แทบจะอาศัยราคาเดิมในการเปลี่ยนแปลงเป็นผลิตภัณฑ์
สรุปแล้วได้รับวัตถุดิบเท่าเดิมกลับได้เงินเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเท่า ฟางผิงไม่เป็นฝ่ายมาหาฉินเฟิ่งชิง ฉินเฟิ่งชิงก็ต้องหว่านล้อมเขาอยู่ดี
เห็นฟางผิงยังจมดิ่งในความเงียบ ฉินเฟิ่งชิงเร่งเร้าว่า “ไอ้เวรหวังจินหยางก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าพวกเราไม่ไป เกิดเขาไปที่นั่นก่อน นายก็ร้องไห้รอเลยละกัน!”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ถามว่า “นายวิ่งหนีได้ด้วยความเร็วสูงสุดเท่าไหร่?”
“ถามเรื่องนี้ทำไม?”
“ดูว่าจะเคลื่อนไหวร่วมกันยังไง”
“ถ้าทุ่มสุดกำลังก็ห้าสิบเมตรต่อหนึ่งวินาที…”
“ความเร็วหนึ่งร้อยแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง?” ฟางผิงตกใจอยู่บ้าง แม่งเหอะ เร็วชะมัด!
ฉินเฟิ่งชิงยิ้มถ่อมตัวว่า “ใช้ความเร็วต่อชั่วโมงมาคำนวณไม่ได้ ฉันไม่ได้อึดขนาดนั้น อย่างมากก็วิ่งได้แค่ร้อยลี้เท่านั้น”
“อ้อ…”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “เร็วดีนี่ ไม่เลวเลย งั้นก็ได้ พวกเราเตรียมตัวกันสักหน่อย รอฉันจัดการธุระเสร็จแล้ว ค่อยไปถ้ำใต้ดินด้วยกัน”
“นายตกลงสินะ?”
“อืม”
ฟางผิงพยักหน้า ตกลงอยู่แล้ว ฉันฝึกวิชาเคลื่อนไหวในอากาศได้ไม่เลวเหมือนกัน ตอนนี้ถ้าทุ่มสุดแรง ต่อให้เคลื่อนไหวในอากาศ ก็วิ่งเร็วไม่ต่างจากฉินเฟิ่งชิงเท่าไหร่
แต่ถ้าวิ่งบนพื้น อันที่จริงฟางผิงกลับวิ่งเร็วกว่าอยู่บ้าง
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมจะไม่เห็นด้วยอีก
ถ้าศัตรูไล่ฆ่าก็ควรจะไล่ฆ่าฉินเฟิ่งชิง
ฟางผิงวิ่งเร็วกว่าเขา ฝีมือแข็งแกร่งกว่าเขา พลังก็อึดกว่าเขา ทั้งสองคนวิ่งด้วยกัน คนที่ตายต้องเป็นฉินเฟิ่งชิงอยู่แล้ว
ฉินเฟิ่งชิงมองเขาอย่างลังเลอยู่บ้าง “แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ?”
“แน่อยู่แล้ว ฉันเอาเปรียบนายได้รึไง?”
“เจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ห้ามวิ่ง ต้องร่วมมือกันฆ่าเขา?”
“ไม่มีปัญหา ฉันคิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“เจอผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกต่างคนต่างเอาตัวรอด อย่าคาดหวังให้ฉันช่วยนาย ครั้งก่อนต้องลากหวังจินหยางวิ่งไปด้วย ฉันเหนื่อยแทบตาย”
“แน่นอน ต่างคนต่างเอาตัวรอด นายก็เหมือนกัน อย่าคาดหวังให้ฉันช่วยนาย”
“งั้นก็ดี!”
ฉินเฟิ่งชิงยิ้มอย่างสุขใจ “งั้นตกลงกันตามนี้ แต่ยังต้องรออีกหน่อย ช่วงนี้ฉันกำลังฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงแขนงหนึ่ง สักปลายเดือน พวกเราค่อยไปด้วยกัน”
“ได้”
อันที่จริงช่วงนี้ฟางผิงฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูงอยู่เหมือนกัน รอสักหน่อยไม่เป็นไรอยู่แล้ว
ทั้งสองคนปรึกษากันเสร็จ ฉินเฟิ่งชิงก็เดินหน้าระรื่นจากไป
เข้าถ้ำใต้ดิน ทั้งสองคนไปด้วยกันปลอดภัยกว่าไปคนเดียวเยอะเลย อย่างน้อยค้างคืนก็มีคนสลับเฝ้ายาม
แต่คนปกติ หากไม่คุ้นเคยกัน ไม่มีใครเชื่อใจกันง่ายๆ อยู่แล้ว
แม้ว่าฟางผิงจะไร้ยางอายและตระหนี่ไปบ้าง แต่ฉินเฟิงชิงคิดว่ายังพอไว้ใจได้ บางคนตระหนี่ไร้ยางอาย แต่ปิดบังไว้ในใจไม่เปิดเผยให้เห็น แทนที่จะหาคนหน้าซื่อใจคด หาคนขี้เหนียวที่เปิดเผยอย่างฟางผิงจะดีกว่า
เห็นได้ชัดว่าฟางผิงไม่รู้ถึงความคิดของเขา ไม่งั้นเขาคงจะได้รู้ไปแล้วว่าเลือดที่แท้จริงมีสีเป็นยังไง
—
ฉินเฟิ่งชิงไปแล้ว ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะบอกกล่าวกับเฉินอวิ๋นซี เดินลงตึกไปฝ่ายบริการ
ตอนนี้แม้ว่าเขาจะไม่มีคะแนน แต่ยังมีเงินสดติดตัวกว่าร้อยล้าน
ระหว่างทางฟางผิงตรวจสอบข้อมูลของตัวเองอีกครั้ง
ทรัพย์สิน : 88,000,000
ปราณ : 2000 แคล (2000 แคล)
จิตใจ : 699 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)
ช่วงนี้พลังปราณและพลังจิตใจของเขายังประคองอยู่สภาวะจุดสูงสุด เข้าสู่ขั้นสี่เชื่อมต่อสะพานฟ้าดินทั้งห้าแล้ว ฟางผิงพบว่าร่างกายผู้ฝึกยุทธ์มีพลังฟื้นฟูไวมากขึ้น
แม้ว่าพลังจิตใจและปราณจะสิ้นเปลืองเล็กน้อย ไม่ต้องเติมเข้าไป สะพานฟ้าดินก็จะเป็นฝ่ายดูดซับอนุภาคพลังงานมาทดแทนร่างกายตัวเอง
“ยังมีค่าทรัพย์สินอีกแปดสิบแปดล้าน…ตอนนี้ไม่รู้จะใช้กับอะไร”
ฟางผิงเคยคิดเรื่องหลอมกะโหลกเช่นกัน แต่ลังเลอยู่หลายครั้งก็ไม่กล้าทำสักที
สมองไม่ใช่เรื่องที่จะมาเล่นๆ ได้
ในใจนึกถึงเรื่องพวกนี้ เขาก็เดินมาถึงฝ่ายบริการแล้ว
—
ฝ่ายบริการ
นับตั้งแต่ที่ตาเฒ่าหลี่ได้ซ้อมฟางผิงชุดใหญ่ก็อารมณ์ดีมาหลายวัน
เห็นฟางผิงมา ตาเฒ่าหลี่จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อยากมาแลกเปลี่ยนความรู้?”
ฟางผิงกลอกตา แก่แบบมีคุณค่าหน่อยได้หรือเปล่า!
“อยากดูว่ามีของดีอะไรบ้าง”
ฟางผิงไม่เกรงใจเช่นกัน นั่งลงแล้วก็หยิบรายการแลกเปลี่ยนพลิกดูอยู่พักหนึ่ง “เอายาฟื้นคืนชีวิตมาสิบเม็ด…”
“แค่กๆ…”
ตาเฒ่าหลี่แทบจะสำลักตาย จะกินยาฟื้นคืนชีวิตแทนลูกอมหรือไง?
สิบเม็ด!
อันที่จริงฟางผิงมีอยู่แล้วหนึ่งเม็ด ยาประเภทรักษาชีวิตแบบนี้ ว่ากันตามหลักคงไม่จำเป็นต้องใช้มากมาย มีโอกาสให้คุณรักษาชีวิตตัวเองหลายครั้งที่ไหนกัน
ตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เอ่ยปากว่าจะเอาสิบเม็ด นี่กำลังจะไปรนหาที่ตายสินะ?
ฟางผิงไม่ใส่ใจเช่นกัน ดูรายการต่อ ผ่านไปพักหนึ่งก็เอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ “อาจารย์ มีของแค่นี้เหรอครับ? ไม่มีที่น่าสนใจกว่านี้แล้ว?”
ตาเฒ่าหลี่คร้านจะสนใจเขา ไม่คิดปริปากพูด
“อย่างมิติเก็บของ? แหวนเก็บของอะไรเทือกนั้น?”
“ฮ่าๆ!”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลย อาจารย์ ผมจริงจังนะครับ พวกเราพัฒนาเทคโนโลยีมาตั้งหลายปี ประดิษฐ์พวกนี้ออกมาไม่ได้?”
“ไร้สาระ ของที่เกี่ยวโยงกับทฤษฎีมิติ รอยอดฝีมือของพวกเราทลายมิติได้แล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้มีของแบบนั้นที่ไหนกัน”
“พูดแบบนี้ ยอดฝีมือทลายมิติได้จริงๆ เหรอครับ?”
“ไม่รู้”
ตาเฒ่าหลี่ยักไหล่ ใครจะไปรู้กัน แต่ยังคงครุ่นคิดเล็กน้อย “อาจจะละมั้ง ทางเดินถ้ำใต้ดินเธอเคยเห็นแล้ว ทะลวงผ่านสองโลก ในเมื่อทางเดินถ้ำคงอยู่ได้ งั้นก็หมายความว่าสามารถแบ่งมิติได้ สาเหตุที่พวกเราทำไม่ได้ อธิบายได้ว่าอ่อนแอเกินไป รอมียอดฝีมือทำสำเร็จ อาจจะสามารถแบ่งมิติได้จริงๆ เหมือนกับทางเดินถ้ำใต้ดินทั่วไป สร้างมิติไร้รูปร่างขึ้นมาได้หนึ่งแห่ง ทางเดินของถ้ำใต้ดิน เธอรู้หรือเปล่าว่าอยู่ไหน? นอกจากสองกระแสน้ำวนแล้ว ทางเดินไม่ได้อยู่ในถ้ำใต้ดิน ทั้งไม่อยู่บนพื้นโลก แต่มันเป็นทางเดินที่ยาวกว่าพันลี้ ในนั้นอาจจะเก็บของได้จำนวนมากจริงๆ ส่วนจะทำเป็นมิติเก็บของติดตัวได้ยังไง บางทีถึงเวลานั้นอาจจะมีวิธีเอง”
ตาเฒ่าหลี่คาดเดาอย่างส่งๆ ออกมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไอ้หนู ไม่แน่ว่าทางพวกเราไม่มี แต่สำนักที่สืบทอดมากว่าพันปีอาจจะมีก็ได้ พวกเขาเก็บซ่อนอย่างลึกล้ำ เพื่อความสงบสุขในปีนั้น ไม่มีใครบังคับซักไซ้ได้เช่นกัน เวลานั้นสำนักบางส่วนแพร่ข่าวว่ามียอดฝีมือที่ทลายมิติได้…แน่นอนว่ามีโอกาสสูงที่เป็นแค่เรื่องโกหก ท่าทีนี้ของสำนัก ขั้นสามกล้าโม้ราวกับเป็นเจ้าสำนัก ปรมาจารย์นั้นจะไม่เป็นเทพเจ้าบนโลกมนุษย์เลยหรือไง แต่สำนักนั้นมีของดีอยู่จริงๆ อย่างเช่นวัดว่านซานที่เธอไปครั้งก่อน มีพระบรมสารีริกธาตุของพระอรหันต์จี้กงอยู่…อันที่จริงก็คือแกนพลังงานของยอดฝีมือระดับสูง ว่ากันว่าอาจจะเป็นแกนพลังงานของยอดฝีมือขั้นเก้า จุๆ ไอ้หนู ถ้าเธอเอาของชิ้นนี้มาได้ก็เท่ากับว่าในบ้านมีแหล่งพลังงานขนาดย่อมอยู่ แทบจะฝึกวิชาได้อย่างสบายๆ แค่ไม่รู้ว่าผ่านมาหลายปีขนาดนี้ วัดว่านซานใช้พลังงานหมดไปหรือยัง…”
ฟางผิงฟังอย่างเพลิดเพลินอยู่บ้าง แกนพลังงานของยอดฝีมือขั้นเก้า หมายถึงหัวใจอย่างนั้นเหรอ?
ของชิ้นนี้มีมูลค่าเท่าไหร่กัน?
ไม่นานฟางผิงก็ได้สติ สะบัดหัวเล็กน้อย เขากำลังคิดอะไรอยู่กัน
มาที่นี่ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใหม่ ไม่ใช่มาวางแผนกับสำนัก
ตาเฒ่าหลี่ทำตัวไม่สมเป็นผู้ใหญ่จริงๆ ด้วย นึกไม่ถึงว่าจะเป่าหูตัวเองไปทำเรื่องไม่ดี หากหลังจากนี้วัดว่านซานถูกปล้น นั่นก็เป็นความผิดของตาเฒ่าหลี่แล้ว
แต่ว่า…เขารู้จักภิกษุเจี้ยเซ่อ นับว่ามีคนรู้จักอยู่ภายใน ภิกษุผู้นั้นก็ไม่ใช่คนดีอะไร หากร่วมมือประสานภายนอกและภายในกับเขา ภิกษุฮวาอาจจะรับปากก็ได้…
“อย่าไปคิดสิ เป็นพี่น้องร่วมชาติกันทั้งนั้น เรื่องพวกนี้จะทำได้ยังไงกัน!”
ฟางผิงสะบัดหัวอีกครั้ง เป็นเพราะตาเฒ่าหลี่ล่อลวงเขา อาจารย์แบบนี้อย่าได้สอนนักศึกษาจะดีที่สุด อาจชี้แนะไปผิดทางได้
———————