ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 299-2 รวมยอดเคล็ดวิชาต่อสู้บนแผงลอย (2)
ตอนที่ 299 รวมยอดเคล็ดวิชาต่อสู้บนแผงลอย (2)
ผู้จัดการที่อยู่ด้านข้างเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มามากเช่นกัน ได้ยินก็เผยรอยยิ้ม ส่ายหัวให้คนอื่นเบาๆ สี่ล้านก็สี่ล้าน
เหมือนที่ฟางผิงบอกนั่นแหละ หากเขาไม่ให้เงินจริงๆ ประธานอาจไม่ว่าอะไรเสมอไป
ในเซี่ยงไฮ้อยากทำธุรกิจรุ่งเรือง อันที่จริงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ด้วยเช่นกัน
สำหรับบุคคลอัจฉริยะในยุคเช่นนี้ อย่าบอกว่าให้สี่ล้านเลย ไม่ให้ก็ต้องฝืนยอมรับ
—
ออกมาจากฝ่ายขายแล้ว
ฟางผิงก็ถอนหายใจ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าเงินสดหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าล้านของตัวเองจะใช้ไม่หมดซะแล้ว
แต่เรื่องจริงกลับบอกเขาว่าการใช้เงินเป็นเรื่องแค่วันเดียวเท่านั้น
ตอนนี้เหลือเงินเพียงห้าล้าน
“แต่ยังไงก็ต้องซื้อบ้านอยู่แล้ว เว้นเสียแต่ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้จะถูกบุกทะลวง ไม่งั้นที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
เดินทางไปข้างหน้าไม่ถึงห้ากิเมตรก็เป็นที่ตั้งของหน่วยทหารเซี่ยงไฮ้
พื้นที่ทั้งบนและล่างมีทหารหนึ่งแสนกำลังพลประจำการ รวมถึงผู้ฝึกยุทธ์อีกนับหมื่นคน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างพวกเซี่ยงไฮ้หรือครุศาสตร์หวาหนาน ระยะทางถึงว่าไม่ไกลมาก เรื่องรวมพลยอดฝีมือแทบไม่ต้องใช้เวลานาน รวมทั้งในพื้นที่ก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยเช่นกัน
พูดถึงความปลอดภัย นอกจากในรัฐบาล หน่วยทหารและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่ปลอดภัยกว่าที่นี่แล้ว สถานที่อื่นๆ ก็แทบจะสู้ที่นี่ไม่ได้
“ต้องบอกพ่อแม่สักหน่อย ฉันซื้อบ้านไว้ทางนี้อีกหนึ่งหลัง ถ้าสถานการณ์เร่งด่วนก็มาทางนี้ได้”
หากวิกฤตของถ้ำใต้ดินปะทุออกมา เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งจะถือเป็นสถานที่หลบภัยที่ดีที่สุดแล้ว
—
โทรศัพท์หาพ่อ พูดคุยเรื่องบ้านอย่างรวบรัดแล้ว
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรมากมายอีก แค่เตือนไปว่าหากอยู่ที่หยางเฉิงไม่ได้แล้ว มาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ก็ได้
ฟางหมิงหรงไม่ถามเยิ่นเย้อเช่นกัน ในความเป็นจริงหลังจากทำงานในส่วนรัฐบาล ฟางหมิงหรงก็ค่อยๆ มองบางอย่างได้ชัดเจน
รัฐบาลหยางเฉิงกำลังก่อตั้งผู้ฝึกยุทธ์ทีมรบในพื้นที่ ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งเมืองเริ่มดำเนินการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้แล้ว รวมถึงคนในหน่วยงานบางส่วนด้วย
แม้ว่าถานเจิ้นผิงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ปราณ แต่ตอนนี้ก็ถูกบีบให้เข้าร่วมคลาสฝึกฝน ต้องยอมรับการสอนเคล็ดวิชาต่อสู้เช่นกัน
ผู้บัญชาการไป๋จิ่นซานให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก
เมืองรุ่ยอันที่อยู่ใกล้ๆ เทียบกับหยางเฉิงแล้ว บรรยากาศตึงเครียดมากกว่า ผู้บัญชาการขั้นสี่ดำเนินการฝึกในลานกว้างใจกลางเมืองด้วยตัวเอง ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งเมืองต้องฝึกฝนทุกวัน หากมีคนขัดขืนให้ลงโทษสถานหนัก!
รุ่ยอัน…มีเค้าลางของการควบคุมทางทหารแล้ว
“ระวังตัวด้วย”
ตอนที่ฟางผิงกำลังจะวางสาย ฟางหมิงหรงก็พูดเสียงเบาออกมา ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้าน พ่อและแม่ของลูกใช้ชีวิตกันมาหลายปียังไม่เคยอดตายสักครั้ง เงินทองพวกนี้เป็นของนอกกาย ต่อให้วิชากล้าแกร่งแค่ไหนก็ต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดี”
“พ่อ วางใจเถอะครับ”
ฟางผิงหัวเราะ ตอบกลับอย่างสบายๆ
วางสายแล้ว ฟางผิงก็ส่ายหัวเบาๆ เป็นเรื่องเงินที่ไหนกันล่ะ
—
ริมอ่างเก็บน้ำปี้เฟิง
วันนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ฝึกวิชาที่นี่ไม่เยอะ หลายวันก่อนผู้ฝึกยุทธ์บางส่วนถูกปรับจนแทบจะเหลือแต่กางเกงใน
ทำหินก้อนหนึ่งแตกปรับเป็นแสน ตอนนี้กระทั่งพวกอาจารย์ยังไม่มาฝึกวิชาที่นี่ ทนกับคนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ไหวจริงๆ
หลู่เฟิ่งโหรวกลับไม่กังวลเรื่องนี้ จากคำพูดของเธอ ทรัพย์สินสาธารณะเสียหายก็ควรปรับที่ฟางผิง
ที่นี่สภาพแวดล้อมดี สถานที่โล่งกว้าง เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการฝึกวิชา
“หมัดหมัวเหอและหมัดจินกัง อันที่จริงสืบทอดมาจากสำนักเดียวกัน แต่หมัดจินกังโจมตีภายนอก ส่วนหมัดหมัวเหอนั้นโจมตีภายใน เธอฝึกหมัดหมัวเหอมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ชกให้ฉันดูสักหมัดสิ”
ฟางผิงหาหินก้อนหนึ่ง ตอนนี้อยู่ห่างออกไปกว่าหนึ่งช่วง มองซ้ายแลขวาแล้วจึงชกหมัดออกมา
‘ปัง!’
เสียงก้องกังวานดังขึ้น หินแตกกระจัดกระจาย
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวเบาๆ “ไม่พอ หรือจะพูดอีกอย่างว่าหลังจากพลังเธอเพิ่มขึ้นอย่างฮวบฮาบ ยังควบคุมพลังนี้ไม่ได้ หากสำเร็จวิชาหมัดหมัวเหอ ก้อนหินจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ไม่ใช่แบบนี้”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวก็ชกหมัดไปที่พื้น
ฟางผิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย เดินไปที่ด้านข้างหินก้อนหนึ่ง ใช้เท้าเตะเล็กน้อย เวลานี้ก้อนหินจึงแตกออก ด้านในกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
แววตาของฟางผิงเปลี่ยนไป หันไปว่า “อาจารย์ นี่คือปราณทะลวงทำลายด้านในของหิน?”
“ใช่”
หลู่เฟิ่งโหรวพยักหน้า ไพล่มือไว้ข้างหลัง เอ่ยอย่างสบายๆ “ตอนนี้ถ้าฉันฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นห้าสูงสุด ชกหนึ่งหมัดอีกฝ่ายย่อมตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีความหวังเหลือรอดแน่นอน! ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุด หลอมอวัยวะภายในเสร็จสิ้น เวลานี้จะฆ่าไม่ได้ง่ายๆ แล้ว แต่สำหรับฉันยังคงเหมือนเดิม ตอนที่ฉันใช้พลังจิตใจสั่นคลอนอีกฝ่าย กดดันอีกฝ่าย ใช้หมัดทุบที่หัวของเขาก็ตายเหมือนกัน ปิดผนึกประตูซานเจียวทั้งหมด เวลานี้พลังจิตใจจะไม่ต่ำอีกแล้ว เจอยอดฝีมือเช่นนี้ เธออย่าหวังใช้พลังจิตใจรบกวนอีกฝ่ายจะดีที่สุด”
ฟางผิงถามว่า “อาจารย์ ในสถานการณ์ปกติ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขั้นหกพลังจิตใจแข็งแกร่งแค่ไหนกัน?”
“ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ก่อนจะเข้าสู่ขั้นหกสูงสุด ส่วนมากพลังจิตใจของผู้ฝึกยุทธ์จะหยุดอยู่ที่สี่ร้อยเก้าสิบเก้าเฮิรตซ์”
“งั้นผมยังแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเยอะ…”
หลู่เฟิ่งโหรวส่ายหัวว่า “พลังจิตใจไม่ใช่ทุกอย่าง ปราณแข็งแกร่ง ความเกรงขาม พลังควบคุมกล้าแกร่ง พลังจิตใจเธอก็ไม่สร้างผลกดดันกับพวกเขาแล้ว กลับจะถูกคนโจมตีบาดเจ็บได้ง่าย นี่จะเป็นปัญหามากกว่า ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นปรมาจารย์จะใช้พลังจิตใจต่อสู้น้อยครั้ง”
ระหว่างที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยต่อว่า “เอาล่ะ พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หมัดหมัวเหอฝึกยังไง เธอรู้ดีอยู่แล้ว หลักๆ ยังต้องดูพลังควบคุมของตัวเอง อีกอย่างพวกเคล็ดวิชาดาบ ฉันเอาวิชาดาบพิชิตสวรรค์ที่สืบทอดมาจากดาบคลั่งโลหิตของทางหนานเจียงมาให้เธอด้วย…”
ฟางผิงยิ้มอย่างขื่นขม “อาจารย์ เคล็ดวิชาดาบมีแค่พวกนี้เหรอครับ?”
เคล็ดวิชาดาบของจางติ้งหนานนั้นน่าอายที่สุด!
ดาบคลั่งโลหิต ดาบพิชิตสวรรค์ ดาบปราบเซียน นี่เป็นเคล็ดวิชาดาบชุดเดียวกัน
ดาบพิชิตสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาระดับสูง ดาบปราบเซียนเป็นทักษะต่อสู้ของจิตใจที่จางติ้งหนานคิดค้นขึ้นมาหลังจากทะลวงขั้นหกสูงสุดจิงชี่เฉินรวมเป็นหนึ่งแล้ว ตอนนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
แต่ดาบพิชิตสวรรค์กลับเป็นหลังจากที่เขาเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ จึงสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ
“มีน่ะมี แต่เคล็ดวิชาที่สืบทอดจากระบบเดียวกันจะฝึกง่ายกว่า ดาบคลั่งโลหิตของเธอประสานกับเคล็ดวิชาพวกนี้จะราบรื่นกว่า ทั้งยังเป็นผู้คิดค้นคนเดียวกัน เดินเส้นปราณก็เชื่อมโยงกัน เธอมั่นใจนะว่าจะเปลี่ยนเคล็ดวิชา?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน “ผู้ว่าจางไม่คิดว่าชื่อพวกนี้น่าอายบ้างเหรอครับ?”
หลู่เฟิ่งโหรวหัวเราะว่า “อย่างนั้นเหรอ? ฉันกลับคิดว่าเขาภาคภูมิใจไม่น้อย เธออย่าด้อยค่าเคล็ดวิชาต่อสู้เขาดีกว่า ไม่งั้นเขามาคิดบัญชีกับเธอ…”
ฟางผิงไร้คำพูดจะโต้ตอบ
จางติ้งหนานเป็นถึงผู้ว่าการมณฑลเชียว!
เป็นผู้นำรับผิดชอบดูแลหลายเมือง จะทำตัวน่าเชื่อถือหน่อยไม่ได้หรือไง?
ดาบพิชิตสวรรค์อะไรกัน!
ในใจประชดประชัน แต่เพื่อสำเร็จเคล็ดวิชาต่อสู้ให้เร็วที่สุด ฟางผิงจำเป็นต้องฝึกเรียนเช่นกัน
ยังคงเป็นกฎเกณฑ์เดิม อ่านหนังสือก่อน อ่านจบแล้วไม่เข้าใจค่อยถาม
ฟางผิงไม่รีบเช่นกัน เคล็ดวิชาต่อสู้ไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จในวันสองวัน
ได้คัมภีร์เคล็ดวิชาต่อสู้แล้ว ฟางผิงก็เอ่ยอย่างสงสัยอยู่บ้าง “อาจารย์ นอกจากวิชาเกาทัณฑ์เลือด คุณก็ไม่ได้คิดค้นอย่างอื่นแล้ว?”
จางติ้งหนานยังคิดค้นเคล็ดวิชาต่อสู้ออกมาเป็นกองใหญ่
“มี”
“งั้นทำไมคุณไม่สอนผม?”
“เธอมั่นใจว่าจะเรียน?”
“อือ”
ฟางผิงรู้สึกว่าหลู่เฟิ่งโหรวเป็นคิดนอกกรอบ เคล็ดวิชาบางอย่างยังคงน่าสนใจไม่น้อย
“ไปหาในห้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้เอาเอง หมัดใต้หล้าไร้ศัตรูเป็นวิชาที่ฉันคิดค้นขึ้นเมื่อสองปีก่อน”
ฟางผิง “…”
ผู้ที่คิดค้นเคล็ดวิชาต่อสู้พวกนี้ไม่เคยขึ้นมอต้นกันหรือไง?
เห็นได้ชัดว่าหลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดว่าชื่อนี้น่าอายแต่อย่างใด ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “วิชาหมัดใต้หล้าไร้ศัตรูเหมาะกับคนที่กึ่งร่างทองแล้วมากกว่า สูงกว่าเคล็ดวิชาดาบของจางติ้งหนานไปหนึ่งช่วง เธออาจจะเรียนไม่ได้เสมอไป”
ฟางผิงเหนื่อยใจ ได้ ฉันไม่เรียนแล้ว ฝึกเคล็ดวิชาของบรรพบุรุษยังจะน่าเชื่อถือกว่า
เคล็ดวิชาของคนพวกนี้ วางขายตามข้างถนนอาจจะไม่มีคนสนใจด้วยซ้ำ เกรงว่าคงจะเป็นได้แค่ของบนแผงลอยเท่านั้น