ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 301 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)
ตอนที่ 301 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (1)
ทางเข้าถ้ำใต้ดิน
ผู้เฝ้าประตูไม่มีมาเพิ่มแล้ว ยังคงเหลือแค่คนเดียว ชายหน้าแผลเป็นไม่กลับมาอีกแล้ว
ฟางผิงเดินมาถึงตรงนี้ก็ลูบกำแพงโลหะผสม ไม่ได้พูดอะไร
เจอกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่วันนั้นชายหน้าแผลเป็นพูดกับฟางผิงด้วยรอยยิ้มว่า วันใดที่กำราบถ้ำใต้ดินได้แล้ว จะชำแหละห้องโลหะผสมนี้ออกกับฟางผิง ฟางผิงยังคงจำฝังใจ
“น่าเสียดาย คุณไม่มีโอกาสชำแหละห้องโลหะผสมนี้กับผมอีกแล้ว ถึงเวลานั้นผมจะกอบโกยคนเดียวละกัน”
บางครั้งกับคนบางคน แม้จะพบเจอกันเพียงหนึ่งครั้งก็อาจทำให้คุณจดจำไปตลอดชีวิต
ผู้เฝ้าประตูที่เหลือคนเดียวเห็นการกระทำของฟางผิงก็คล้ายกับนึกอะไรได้ แววตาแฝงไปด้วยความคะนึงหา
ไม่พูดอะไร ชายเฝ้าประตูหัวเราะว่า “ฟางผิง เมื่อไหร่จะมีเวลาไปรับถ่ายโฆษณาอีกล่ะ ถ่ายภาพยนตร์ก็ได้ โฆษณาก่อนหน้านี้ของเธอพวกเราดูจนเอียนแล้ว เปลี่ยนรูปแบบใหม่สักหน่อย…”
ฟางผิงทำหน้าจนใจ เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “เห็นแล้วครับ เพิ่งจะผ่านห้องโถงใหญ่มา ไม่ใช่ว่าคุณลุงควรเสียค่าโฆษณาให้ผมสักหน่อยเหรอไง?”
“ไม่มีเงิน”
ผู้เฝ้าประตูปัดความรับผิดชอบทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไปเถอะ พวกเธอระวังตัวด้วยละกัน”
ฉินเฟิ่งชิงทำสีหน้าสบายๆ ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย เดินไปก็เอ่ยไปพลาง “อยากรวยก็ต้องพึ่งถ้ำใต้ดิน มีอะไรให้กังวลกัน”
ผู้เฝ้าประตูหัวเราะ ส่ายหัวว่า “ก็ถูก ฉินเฟิ่งชิงเธอแทบจะมองถ้ำใต้ดินเป็นเครื่องกดเงินสดแล้ว”
“แน่อยู่แล้ว เดิมทีก็คือเครื่องกดเงินนั่นแหละ”
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะ เดินเข้าไปในห้องโลหะผสมพร้อมกับฟางผิง
—
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ทั้งสองคนก็เข้าสู่ลานกว้างของเมืองความหวัง
ครั้งนี้สวี่โม่ฟู่ไม่ได้ปรากฏตัว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สองคนไม่มีคุณสมบัติพอให้สวี่โม่ฟู่มารับด้วยตัวเอง
ด้านนอกห้องโลหะผสม มียอดฝีมือของหน่วยทหารเฝ้าระวังอยู่
เห็นทั้งสองคน ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม สองคนนี้มีชื่อเสียงในเมืองความหวังอยู่บ้าง
คนหนึ่งเข้าถ้ำใต้ดินครั้งแรกก็หนีตายจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกได้
อีกคนเข้าถ้ำใต้ดินอยู่เป็นประจำ ถูกไล่ฆ่าบ่อยๆ
แต่ตอนนี้หลายคนตายจากไป สองคนนี้กลับเข้าสู่ระดับกลางได้ จำต้องพูดว่าดวงแข็งจริงๆ
ฉินเฟิ่งชิงวางท่ารู้จักมักคุ้น เอ่ยว่า “เหล่าจาง ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ลองพูดให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่เฝ้าระวังคนนั้นมองเขาพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ฉันแซ่หลิว”
“อ้อ เหล่าหลิว ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเฟิ่งชิงไม่ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย คนเยอะขนาดนี้ ใครจะมีเวลาว่างมาจำชื่อทีละคนกัน
ฟางผิงไม่พูดอะไร เงยหน้ามองดวงอาทิตย์อัปลักษณ์ดวงใหญ่นั่น
แสร้งทำเป็นไม่รู้จักฉินเฟิ่งชิง เขาจะทำขายหน้าก็ปล่อยเขาไป ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าระวังไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน หัวเราะว่า “เมืองเทียนเหมินถอนทัพออกไปแล้ว ช่วงนี้ไม่ได้รุกล้ำอีก แต่หน่วยลาดตระเวนรายงานว่าตอนนี้เมืองเทียนเหมินและเมืองตงขุยไปมาหาสู่กันอย่างแน่นแฟ้น จากการคาดคะเนของพวกแม่ทัพสวี่ ทั้งสองเมืองอาจจะร่วมมือกันต่อ ถึงกระทั่งหลอมรวมเข้าด้วยกัน ครั้งนี้เมืองเทียนเหมินสูญเสียอย่างหนัก ระดับสูงถูกฆ่าไปกว่าครึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางและระดับล่างบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วนเช่นกัน ไม่มีกำลังจะบุกโจมตีเมืองความหวังอีกแล้ว ทั้งระยะห่างของสองเมืองยังใกล้กัน…”
ฉินเฟิ่งชิงฟังอยู่พักหนึ่งค่อยเอ่ยว่า “เมืองซีเฟิ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือมีความเคลื่อนไหวหรือเปล่า?”
“เมืองซีเฟิ่ง?”
ผู้ฝึกยุทธ์เฝ้าระวังครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนส่ายหัวว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ยังคงเหมือนเดิม คนของพวกเราไม่ค่อยไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้หน่วยทหารต่างให้ความสนใจกับทุกเมือง หากร่วมมือกัน พวกเราต้องสังเกตเห็นแน่”
“อ้อ”
ฉินเฟิ่งชิงไม่ถามต่อแล้ว สาวเท้าเข้าไปในเมืองทันที ฟางผิงรีบตามเข้าไป
“ไปไหน?”
“ไปห้องโถงภารกิจ”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างดูแคลน “ไอ้หนู นายยังใหม่กับที่นี่ เรียนรู้จากฉันให้มากๆ หน่อย มาเมืองความหวัง ต้องเข้าไปดูห้องโถงภารกิจสักครั้ง บางทีอาจจะกอบโกยผลประโยชน์นิดๆ หน่อยๆ ได้ บางครั้งหน่วยทหารและบริษัทใหญ่ของโลกข้างนอก รวมถึงบริษัทยาบำรุงและบริษัทผลิตอาวุธอาจจะประกาศภารกิจบางอย่าง ล้วนเป็นภารกิจที่ส่งเงินให้ฟรีๆ ทั้งนั้น อย่างเช่นเก็บรวบรวมป้ายสถานะของผู้ฝึกยุทธ์ หรือรวบรวมเสื้อผ้าของมนุษย์ถ้ำ ก็ไม่รู้ว่าทำไปเพื่อต้องการเข้าใจพวกถ้ำให้ละเอียดลึกซึ้งหรือเป็นความชอบโง่ๆ ทางด้านนี้ ยังไงก็เป็นเรื่องที่ส่งเงินให้ฟรีๆ อยู่แล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงยากที่จะคว้าโอกาสได้ทัน โจมตีฟางผิงไปอย่างจังยกหนึ่ง
ฟางผิงหัวเราะไม่พูดอะไร ฟังไว้ไม่เสียหลาย
แต่…ฉินเฟิ่งชิงคอยดูเถอะ
บัญชีพวกนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกเอาคืนแน่
—
ห้องโถงภารกิจ
อยู่ที่นี่ไม่มีจอแสดงผล ไม่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำได้แค่ตรวจสอบผ่านกระดานดำเท่านั้น
ตอนนี้ในห้องโถงภารกิจมีคนอยู่ไม่น้อย
ฟางผิงยังเห็นคนคุ้นเคยอยู่บ้าง เป็นอาจารย์หลายคนในมหาวิทยาลัย
เห็นฟางผิงและฉินเฟิ่งชิง อาจารย์พวกนั้นก็ยิ้มทักทาย สอบถามสถานการณ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เล็กน้อย
ได้ยินว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้สิทธิ์ในการขยายฐานผลิตยาบำรุงและอาวุธภายในมหาวิทยาลัย พวกอาจารย์ก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
เรื่องนี้อันที่จริงยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่นั่งรักษาการณ์ในถ้ำคนนั้นรู้แล้วเช่นกัน แต่พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากนอกเมืองความหวัง ตอนนี้เลยไม่รู้เรื่องราวอะไร
พวกเขาแลกเปลี่ยนกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงจะตรวจสอบภารกิจบนกระดานดำ
“รับซื้อสมุนไพรต่างๆ จำนวนมาก ให้ราคาพิเศษ”
“รับซื้อหินพลังงานทุกระดับความบริสุทธิ์”
“รับซื้อหัวใจพลังงาน…”
“รับซื้อซากสัตว์ประหลาดทุกระดับขั้น…”
“รับซื้ออสูรทะเลเป็นๆ…”
ฟางผิงนึกไม่ถึงว่าจะเห็นภารกิจรับซื้อของร้านอาหาร มองอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยอย่างหมดคำพูด “ของพรรค์นี้มีคนกินจริงๆ งั้นเหรอ? ราคารับซื้อไม่ได้ถูกด้วย”
เขายังไม่ลืมเรื่องร้านอาหารของเมืองความหวังครั้งก่อน ราคาสูงลิ่วจนน่ากลัว
“นายไม่มีปัญญากิน ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะเหมือนนาย”
ฉินเฟิ่งชิงดูแคลนต่อ ก่อนจะเอ่ยอย่างครุ่นคิด “รสชาติไม่เลวเลย อสูรทะเลให้รสชาติสดใหม่ แต่ไม่ได้จับกันง่ายๆ ในทะเลก็อันตราย ฉันเคยกินไม่เยอะ จะว่าไปแล้วนายรู้หรือเปล่าว่าอะไรในถ้ำใต้ดินอร่อยที่สุด?”
“อะไร?”
ฟางผิงยังไม่เคยกินสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดินมาก่อนจริงๆ
ตอนแรกเข้าไปในป่าราชันเจี่ยว เขาก็ไม่ได้กินอะไร พึ่งแต่ปราณเท่านั้น
“หนูแร่”
ฉินเฟิ่งชิงเลียริมฝีปาก ทำสีหน้าฟิน “หนูแร่นุ่มจริงๆ รสชาตินั้น…”
“นายกับหนูแร่มีเรื่องที่ทำให้ลืมไม่ลง?”
“ไสหัวไป!”
เฉินเฟิ่งชิงก่นด่าออกมา เพิ่งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ด้านข้างก็มีคนแทรกบทสนทนาก่อน “ฉินเฟิ่งชิง นายเคยกินหนูแร่?”
ฉินเฟิ่งชิงทำสีหน้าโอหัง “แน่นอน!”
คนที่ถามเป็นชายวัยกลางคน ฟังจบจึงเลิกคิ้วว่า “หนูแร่จะเจอใกล้ๆ แร่พลังงานเท่านั้น นายไปจับหนูแร่ที่ไหนมา?”
ฉินเฟิ่งชิงมองเขาอย่างดูแคลน แค่นเสียงว่า “คิดว่าฉันโง่หรือไงถึงต้องบอกนาย คนของหน่วยทหารอยากให้ฉันรายงานฉันยังไม่บอกเลย มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้พูด แต่จะให้บอกนาย? รอฉันทะลวงขั้นเจ็ด ไปขุดแร่ตรงๆ ยังดีกว่า ยังไงตอนนี้ก็มีแค่ฉันที่รู้ ไม่บอกใครหรอก!”
เขาไม่สนใจว่าจะถูกคนอื่นล่วงรู้หรือเปล่า ค้นเจอแร่พลังงานเป็นความสามารถของคุณเอง ประเด็นอยู่ที่ว่ามีความสามารถก็ไปขุดกลับมา
ไม่ขุดกลับมา นั่นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ทั้งแร่พลังงานยังมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงวนเวียนอยู่ นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ทั่วกัน
อันที่จริงชายวัยกลางคนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉินเฟิ่งชิง นายโม้ไปเถอะ นายไปถึงแหล่งแร่พลังงานยังจะกลับมาได้หรือไง?”
“ช่วยไม่ได้ ดวงดีเกินไป”
ฉินเฟิ่งชิงเผยสีหน้าภาคภูมิใจ ก่อนจะไอแห้งๆ “พอเถอะ อย่ามาพูดวกไปวกมาหลอกฉันซะให้ยาก สิ่งมีชีวิตระดับสูงต้องมีอยู่แล้ว ฉันไม่กล้าเข้าไปลึก สำรวจรอบๆ ครั้งหนึ่งก็กลับมาแล้ว ยังไงฉันก็เคยกินหนูแร่ละกัน รสชาตินั้นฟินจริงๆ!”
หลายคนในห้องโถงต่างได้ยิน บางคนหลุดขำออกมา บางคนก็จงใจยั่วยุว่า “ฉินเฟิ่งชิงคุยโว พวกนายก็เชื่อ ไม่รู้ว่าไปฟังมาจากไหน แสร้งเหมือนซะจริงๆ”
“เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่!”
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจพวกเขา หันกลับไปมองกระดานภารกิจอีกครั้ง ก่อนจะสาวเท้าไปข้างนอก
รับภารกิจที่นี่ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียน ตรวจสอบว่าช่วงนี้ต้องการของอะไรเป็นพิเศษ ถือโอกาสพกกลับมาด้วยก็เพียงพอแล้ว
—
ออกจากห้องโถงภารกิจ ฟางผิงค่อยถามว่า “นายเจอแร่พลังงานจริงๆ เหรอ?”
“ทายดูสิ?”
“ทายปู่แกสิ ฉันรู้ที่ตั้งของแร่พลังงานเหมือนกัน รู้แค่สามแห่ง ประเด็นอยู่ที่ไม่มีความสามารถเอามาได้เท่านั้น”
อันที่จริงฟางผิงไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแผนที่อยู่จริงๆ
ยอดฝีมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ค้นพบแหล่งแร่พลังงานสามแห่ง แต่อันตรายอย่างมาก
สองแห่งในนั้นต่างมีสิ่งมีชีวิตขั้นแปดครอบครองอาณาเขตอยู่ ส่วนสถานที่สุดท้ายถึงกระทั่งสงสัยว่าอาจเป็นระดับเก้า
ทั้งยังอยู่ลึกลงไปในถ้ำ ใกล้กับเทือกเขาใจกลางส่วนลึกทั้งหมด
แม้ฟางผิงจะรู้ก็ไม่เคยคิดรนหาที่ตาย
แต่ว่า…ฉินเฟิ่งชิง เจ้าหมอนี่ตกลงวิ่งโร่ไปที่ไหนมาบ้างแล้วกัน เจอกับแร่พลังงาน ในเมื่อเขามีชีวิตรอดกลับมา นั่นหมายความว่าที่นั่นไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งนักครองอาณาเขตอยู่ใช่หรือเปล่า?