ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 301-2 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (2)
ตอนที่ 301 เข้าถ้ำใต้ดินอีกครั้ง (2)
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะ “บอกแล้วอย่ามาคิดเล่นแง่กับฉัน ฉันเดาว่าสถานที่ที่ฉันเจอ น่าจะไม่ใช่ที่เดียวกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คนอื่นก็เหมือนกัน เพราะมันไม่ได้ใหญ่มาก พลังงานกระจัดกระจายไม่สูงเท่าไหร่ อาจจะมีแค่สิ่งมีชีวิตขั้นเจ็ดครองอาณาเขตอยู่เท่านั้น รอฉันขั้นเจ็ดแล้วค่อยไปขุดแร่ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็เอาไปประมูลขายให้คนอื่น ใครให้เยอะสุดก็เอาไป ฉันต้องการแค่เงินอยู่แล้ว”
ฟางผิงไม่ได้ถามอีก เอ่ยว่า “ตอนนี้ล่ะ?”
“ตอนนี้?”
ฉินเฟิ่งชิงไร้คำจะพูด “ตอนนี้ต้องออกเมืองไปหลายร้อยลี้ ใช้เวลาไม่น้อยเหมือนกัน เข้ามาในถ้ำใต้ดินจะชักช้าไม่ได้ หรือนายคิดจะจีบสาวที่เมืองความหวังสักคนล่ะ? ฉันบอกก่อนนะ ผู้ฝึกยุทธ์หญิงบางคนที่นี่น่ากลัวไม่ใช่เล่น ถ้านายชอบอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ จะลองปลูกต้นรักกับพวกเธอก็ได้”
“หุบปากไปซะ”
ฟางผิงตัดบทเขา ทั้งสองคนไม่พูดพล่ามอีก เดินมุ่งไปทางประตูเหนือ
—
ด้านนอกประตูเหนือ
หันกลับไปมอง กำแพงเมืองความหวังมีหลุมบางส่วนเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย บนพื้นดินด้านนอกเมืองก็มีคราบสีแดงเต็มไปหมด
ตอนที่ทำสงคราม พวกฟางผิงถอนตัวออกไปแล้ว
ตกลงมีคนตายเท่าไหร่ ฟางผิงไม่ชัดเจนนักเช่นกัน
ฉินเฟิ่งชิงเริ่มเดินไปตามทางอย่างเงียบๆ รอบเมืองความหวังไม่กี่สิบลี้มีอันตรายไม่มาก
ทั้งสองคนไม่ได้สิ้นเปลืองปราณเท่าไหร่ รักษาความเร็วคงที่ เดินไปกว่าหนึ่งชั่วโมง จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็หยุดฝีเท้าลง
ด้านหน้าเป็นทะเลสาบมีทั้งใหญ่และเล็กกระจายเป็นวงกว้าง
ฉินเฟิ่งชิงยืนอยู่ที่เดิมมองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น “อันไหนคืออธิการ?”
อันที่จริงฟางผิงตระหนักได้เช่นกันว่าทะเลสาบพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
วันนั้นยอดฝีมือทำสงครามพังพินาศไปด้วยกัน คลื่นพลังงานแผ่กระจายไปหลายสิบลี้ แทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าการต่อสู้ในขณะนั้นดุเดือดขนาดไหน
ฟางผิงไม่คุ้นเคยที่นี่เท่าไหร่ แต่ไม่ใช่กับฉินเฟิ่งชิง
เมื่อก่อนที่นี่ไม่มีทะเลสาบ
ฟางผิงเงียบไม่ปริปาก ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเช่นกัน มองทะเลสาบแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินอ้อมทะเลสาบ “นายว่าต้องแข็งแกร่งแค่ไหนกันถึงจะสามารถกำราบถ้ำใต้ดินได้?”
“ไม่รู้”
“ขั้นเก้ายังทำไม่ได้เลย” ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง “เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์จะไปไกลเท่าไหร่? ไม่มีใครรู้ พวกผู้บัญชาการหลี่ต่างเป็นยอดฝีมือขั้นเก้าทั้งหมดก็ยังทำไม่ได้ หรือเหนือจากขั้นเก้ายังมีขั้นสิบงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้”
“รู้แล้วว่านายไม่รู้ แค่ถามไปเท่านั้น”
“งั้นนายจะถามเพื่อ?”
“ไร้สาระ ที่นี่มีคนอื่นหรือไง มีแค่เราสองคน ฉันไม่พูด นายอยากให้ฉันอกแตกตายหรือไง?”
“นายพูดให้มันน้อยๆ หน่อย!”
“ทำไมต้องพูดน้อย ใครจะรู้ว่าฉันจะมีชีวิตยืนยาวไปถึงเมื่อไหร่ ถือโอกาสที่ยังพูดได้ พูดให้มากๆ ดีกว่า พูดเผื่อวันข้างหน้าไว้”
“…”
ฉินเฟิ่งชิงเป็นคนปากมาก อันที่จริงฟางผิงรู้นานแล้ว
ครั้งก่อนทำภารกิจด้วยกัน เจ้าหมอนี้พูดตั้งแต่ต้นจนจบไม่หยุดหย่อน
ก่อนหน้านี้ยังมีคนอื่นอยู่ ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว ฟางผิงทำได้แค่ทนฟังคำพูดไร้สาระพวกนี้
ระหว่างที่เดินไป พื้นดินก็ไม่ใช่ที่รกร้างว่างเปล่าอีกแล้ว
รอบเมืองความหวัง หลังจากสงครามครั้งก่อนแทบไม่มีใบหญ้าพืชพรรณ ตอนนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้าง ไม่มีกระทั่งต้นไม้ใหญ่สักต้น
แต่เมื่อเดินไปทางตะวันตกเฉียงเหนือต่อ ต้นไม้ใบหญ้าก็จะปรากฏขึ้นอีกครั้ง พื้นดินไม่ราบเรียบอีกต่อไป เนินเขามีให้เห็นอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“ห่างจากเมืองความหวังไปทางตะวันตกเฉียงเหนือห้าร้อยลี้เป็นเมืองซีเฟิ่ง ครั้งนี้พวกเราจะไม่ไปเมืองซีเฟิ่ง แต่เบี่ยงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือนิดหน่อย…”
“พวกนายหนีมาถึงตรงนั้นได้ยังไง ไม่ใช่ว่าไปปล้นเมืองเทียนเหมินหรอกเหรอ?”
“ปล้นอะไรกัน?” ฉินเฟิ่งชิงโต้แย้ง “ไปเบิกเงินต่างหาก ทำความเข้าใจใหม่ซะด้วย?”
ระหว่างที่พูดยังอธิบายว่า “พวกเราไม่ได้ไปเมืองเทียนเหมิน แต่เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ในถ้ำใต้ดิน นอกจากเมืองสิบสามแห่ง ยังมีหมู่บ้านและชุมชนอีกบางส่วน ครั้งก่อนไปหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้น ไม่รู้ว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของเมืองเทียนเหมินหรือเมืองซีเฟิ่ง แต่ไม่เป็นไร เหมือนกันทั้งนั้น หมู่บ้านนั่นแข็งแกร่งไม่น้อย มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า ขั้นสี่ก็มีหลายคน ฉันและหวังจินหยางฆ่าไปไม่น้อยเลยไม่กล้าวิ่งไปทางเมืองเทียนเหมิน วิ่งมาทางนี้แทน แล้วก็เห็นที่ที่ฉันบอกนาย…”
“ในถ้ำใต้ดินเมืองใหญ่นั้นต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง นี่เป็นกฎ ชุมชนที่มีประชากรเกินหนึ่งหมื่นก็อาจจะมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงนั่งรักษาการณ์เช่นกัน ส่วนหมู่บ้าน ปกติจะไม่ค่อยเห็นระดับสูง มีระดับกลางนั่งรักษาการณ์ถือว่าแข็งแกร่งแล้ว หมู่บ้านบางแห่ง อันที่จริงเป็นคนธรรมดาด้วยซ้ำ”
“ปล้น…เอ่อ เบิกเงิน ต้องเลือกสถานที่ให้ดี ไปหมู่บ้านคนธรรมดาไม่มีความหมาย นอกจากฆ่าคนแล้วจะทำอะไรได้อีก? แม้พวกเราและพวกถ้ำจะทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ แต่ฉันไม่มีความคิดจะเข่นฆ่าสตรีและเด็กพวกนั้นจริงๆ ย่านชุมชนเอย่าไปจะดีที่สุด หากจะไป ไปพวกหมู่บ้านที่ขนาดใหญ่หน่อยดีกว่า หมู่บ้านพวกนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ งั้นก็หมายความว่าต้องฝึกวิชา มีหินพลังงาน แม้ว่าจะไม่มีหินพลังงานก็มักจะเจอสมุนไพรบางอย่างที่มีพลังงานเข้มข้นสูง ทั้งยังมีมูลค่ามาก”
ฉินเฟิ่งชิงเริ่มชี้แนะแนวทางการปล้นให้กับฟางผิง
รอเดินออกมาไกลจากเมืองความหวังเกือบสองร้อยลี้ จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็หยุดฝีเท้า มองไปทางฟางผิง “ถอดเสื้อผ้า!”
“หืม?”
ฟางผิงเผยแววตาอันตรายขึ้นมา รอบทิศทางไร้ผู้คน ป่ากว้างรกร้าง เจ้าหมอนี่ให้เขาถอดเสื้อผ้าทำไม?
ฟางผิงยังไม่ทันถาม เจ้าหมอนี่ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองแล้ว รอจนถอดเหลือแต่บ๊อกเซอร์ค่อยเปิดกระเป๋าควักเครื่องแต่งกายของมนุษย์ถ้ำขึ้นมาสวม
“หากอยู่ใกล้เมืองความหวังอย่าแต่งแบบนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเราบางคนสมองไม่ค่อยดี เจอหน้าก็ฆ่าเท่านั้น หากทุบนายไม่ตายในกระบวนท่าเดียวยังพอว่า แต่ถ้าจัดการนายได้ในครั้งเดียว นายก็หาข้ออ้างมาพูดไม่ได้แล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงเล่าประสบการณ์ยากที่จะลืมของตัวเองขึ้นมาด้วยแววตาซับซ้อน “ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าใกล้ๆ กับเมืองความหวัง เจอกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ที่เพิ่งกลับมาจากนอกเมืองพอดี ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ไล่ฆ่าฉันทันที แม่งเหอะ ฉันบอกว่าฉันเป็นมนุษย์ เขาก็ยังจะฆ่าฉัน บอกว่าฉันเป็นมนุษย์ถ้ำที่เรียนรู้ภาษามนุษย์โลก แม่แกสิ แทบจะถูกซ้อมตาย ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะพูดภาษาจีนคล่องขนาดนี้ได้ยังไง? บัญชีแค้นนี้ฉันจดจำไว้แล้ว รอมีโอกาสจะบั่นคอเขาแน่”
ฟางผิงกลั้นขำแทบไม่อยู่ ก่อนจะได้ยินฉินเฟิ่งชิงเอ่ยว่า “อันที่จริงเปลี่ยนชุดก็ไม่ใช่จะแฝงตัวได้ แค่ไม่สะดุดตามากเท่านั้น หากมองเห็นพวกเราจากที่ไกลๆ ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำจะไม่ไล่ฆ่าเข้ามา เวลานี้พวกเราควรจะป้องกันตัวจากผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์มากกว่า แต่ออกจากเมืองมาไกลขนาดนี้ ทางนี้ก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักในการโจมตีของพวกเรา โอกาสที่จะพบมนุษย์มีน้อยมาก”
ระหว่างที่พูด ฉินเฟิ่งชิงก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ทั้งยังคลุมผ้าบนหัวตัวเองด้วย ฟางผิงที่มองอยู่นั้นพูดไม่ออกอยู่บ้าง
ฉินเฟิ่งชิงกลอกตา เอ่ยอย่างหงุดหงิด “รีบหน่อย โอ้เอ้อะไรอยู่!”
ฟางผิงได้ยินก็ไม่ชักช้าอีก เริ่มเลียนแบบผู้มีประสบการณ์อย่างฉินเฟิ่งชิง ในเมื่อเขาทำถึงขนาดนี้ นั่นหมายความว่ายังคงมีประสิทธิภาพอยู่
ถอดเสื้อตัวนอกออก ฟางผิงกำลังจะเปลี่ยนเสื้อ จู่ๆ แววตาของฉินเฟิ่งชิงก็เปลี่ยนไป
เจ้าหมอนี่ยื่นมือมาลูกช่วงบนร่างกายของเขา ฟางผิงทำสีหน้าระมัดระวังทันที ตะโกนว่า “ไสหัวไป ไม่งั้นฉันจะอัดนายให้ตาย!”
เจ้าหมอนี้ทำหน้าราวกับยังไม่เสร็จสมใจ จะรนหาที่ตาย?
“เสื้อเกราะที่ทำจากหนังอสูรหูขาวขั้นห้า…”
ฉินเฟิ่งชิงแทบไม่สนใจเขา กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไม่สนใจแววตาแฝงด้วยไอสังหารของฟางผิง ยังคงลูบเกราะหนังต่อ เอ่ยอย่างอิจฉา “แม่งเหอะ ทำภารกิจอะไรกัน ที่นี่ไม่คนอื่น ฉันอยากทำการใหญ่ชะมัด…”
เจ้าบ้าฟางผิงมีเงินจริงๆ รวยกว่าไอ้หวังจินหยางยาจกนั่นซะอีก!
ดาบโลหะผสมระดับ B เสื้อเกราะหนังอสูรขั้นห้า
แค่สองอย่างนี้ก็มูลค่ามหาศาลแล้ว
“ฟางผิง ฉันไม่เคยใส่ของพวกนี้มาก่อน ขอยืมสักสองสามวันได้หรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงทำสีหน้าคาดหวัง ฟางผิงปัดมือเขาออกทันที เอ่ยด้วยใบหน้าดำคล้ำ “ฝันไปเถอะ!”
“อย่าแล้งน้ำใจแบบนี้สิ ให้ฉันยืมใส่หน่อย รับรองว่าคืนอยู่แล้ว”
“นายจะไสหัวไปดีๆ หรือเปล่า?”
ฟางผิงรู้สึกเสียใจอยู่บ้าง ทำไมมาทำภารกิจกับคนติ๊งต๊องซะได้
เจ้าหมอนี่คงไม่ได้คิดจะปล้นเขาอยู่จริงๆ หรอกนะ?
ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าเสียดาย ถอนหายใจว่า “ไม่เป็นไร ไม่ให้ยืมก็ไม่ให้ยืม”
ในใจกลับครุ่นคิด หากเดี๋ยวฟางผิงถูกคนไล่ฆ่า เขาจะเอ่ยปากขอดาบและเกราะหนัง ช่วยชีวิตที่ไร้ค่าของหมอนั่น คงไม่ปฏิเสธล่ะมั้ง?
กลับไม่รู้ว่าฟางผิงกำลังครุ่นคิดเช่นกัน ดาบที่ฉินเฟิ่งชิงพกติดตัวก็ระดับ B เหมือนกัน
เจ้ายาจกนี้ นอกจากดาบเล่มนี้ก็ไม่มีอย่างอื่นแล้ว หากตัวเองต้องการ เขาจะให้ได้หรือเปล่า?