ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 303-2 ไม่ทันไรก็แยกกันซะแล้ว (2)
ตอนที่ 303 ไม่ทันไรก็แยกกันซะแล้ว (2)
ฟางผิงยังไม่ทันร่วงสู่พื้น ดาบของฉินเฟิ่งชิงก็ฟันลงมาแล้ว
ยอดฝีมือระดับกลางกำลังจะถอนตัวกลับ พลังจิตใจฟางผิงกลับระเบิดอานุภาพขึ้นอีกครั้ง แช่ค้างฝีเท้าเขาไว้ครู่หนึ่ง
ในชั่วพริบตานี้ ดาบของฉินเฟิ่งชิงก็วาดผ่านลำคออีกฝ่ายทันที!
เสียงใบมีดตัดผ่านดังขึ้นอย่างแผ่วเบา คล้ายว่าดาบยาวไม่ได้ให้ผลนัก อีกฝ่ายยังคงถอยหลังต่อหลายก้าว ความเร็วกลับค่อยๆ ลดลงแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงไม่ตามโจมตีต่อ ตกสู่พื้นแล้วก็วิ่งไปทางฟางผิงทันที
ยอดฝีมือวัยกลางคนไม่ได้ไล่ตามมา แววตาคล้ายเผยความสับสนงุนงง
หลังจากนั้นไม่นานจู่ๆ ลำคอก็มีน้ำพุเลือดพวยพุ่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย
หัวที่ยังประกบติดกันเมื่อครู่ ตอนนี้ถูกน้ำพุเลือดดันกระเด็นออกไปตกสู่พื้น
—
ฉินเฟิ่งชิงหอบหายใจอย่างหนัก ฟางผิงใช้พลังปราณฟื้นฟูบาดแผลแขนขวาตัวเองไม่ขาดสาย แค่นเสียงว่า “ครั้งหน้าพวกเราร่วมมือกัน นายสกัดบ้าง ฉันจะระเบิดพลัง!”
ทุกครั้งล้วนเป็นฉินเฟิ่งชิงที่ระเบิดพลัง ส่วนคนที่บาดเจ็บก็เป็นเขาตลอด
ปะทะกับยอดฝีมือขั้นห้าซึ่งๆ หน้า ฟางผิงยังด้อยไปกว่าเล็กน้อย แม้ว่าพื้นฐานร่างกายของเขาจะแตะถึงขั้นสี่สูงสุดแล้ว แต่ไม่ได้หลอมอวัยวะตันทั้งห้า หากไม่ระวังจะถูกยอดฝีมือขั้นห้าสั่นสะเทือนอวัยวะภายในได้ง่าย
ฉินเฟิ่งชิงหอบหายใจ “นาย…นายฆ่า…เขาด้วยกระบวนท่าเดียวได้หรือไง?”
“ถ้าฉันไม่สกัดให้ นายจะฆ่าเขาได้งั้นเหรอ?”
ฉินเฟิ่งชิงออกดาบว่องไว อานุภาพก็ไม่ได้อ่อนด้อย แต่ไม่มีฟางผิง เขาไม่สามารถหาโอกาสออกกระบวนท่าได้อยู่แล้ว
“ถ้าฉันไม่ฆ่าเขา นายจะทนไหวหรือไง?”
“ไม่มีฉันต้านเขาไว้ นายจะฆ่าเขาได้ยังไง?”
“ฉันไม่ฆ่าเขา คนที่ตายก็ต้องเป็นนาย”
“ฉันวิ่งเร็วกว่าเขา พลังอึดกว่าเขา หากจะมีคนตายก็ต้องเป็นนาย!”
“…”
ฉินเฟิ่งชิงชำเลืองตามองเขา แม่งเหอะ คนตายไปแล้วมาแข่งเรื่องพวกนี้กันมีประโยชน์หรือไง?
เขากำลังคิดเรื่องพวกนี้ ฟางผิงกลับเอ่ยว่า “หัวใจเขาเป็นของฉัน”
“แม่แกสิ!”
ฉินเฟิ่งชิงหลุดด่าออกไป สรุปแล้วที่ร่ายมายืดยาวเพราะเรื่องนี้?
“เป็นของนายก็ได้…”
ครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงพูดง่ายเป็นพิเศษ ก่อนจะเอ่ยอย่างรวดเร็ว “พวกข้างหลังนั่นก็ของนายเหมือนกัน รีบหน่อย ฉันต้องทำเวลา!”
สาเหตุที่ตัดสินใจฉับไวเพราะข้างหลังยังมีขั้นสี่พวกนั้นไล่ตามมาอีก
ตอนนี้เขาระเบิดพลังไปเต็มที่แล้ว หนึ่งดาบใช้ปราณไปครึ่งใหญ่ กำลังกายแทบจะหมดเกลี้ยง
ฟางผิงไม่ลงมือ เขาทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้น ทั้งยังต้องระวังถูกไล่ตามอีก
ฟางผิงมองแขนขวาที่เลือดเนื้อผสมปนเปกันไปหมดแวบหนึ่ง อดด่าออกมาไม่ได้ หากเป็นคนธรรมดา แขนขวาน่าจะพิการไปแล้ว
ไอ้เวรฉินเฟิ่งชิง นอกจากดาบที่ออกเมื่อครู่ดาบเดียวแล้ว แทบจะเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
“แบ่งกำไรกับนาย ทุกครั้งล้วนเอาเปรียบฉัน ช่วยชีวิตไร้ค่าของนาย ดาบนั่นของนายต้องยกให้ฉัน!”
ฟางผิงไม่สนใจว่าเขาจะตอบรับหรือไม่ ดาบนั่นเป็นเงินกว่าห้าสิบล้าน ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นของฉัน!
ฉินเฟิ่งชิงเผลอจับดาบแน่นทันที แม่งเหอะ ฉันยังไม่วางแผนกับนายเลย เขากลับจับจ้องสมบัติล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวของฉันได้?
ตอนนี้ฟางผิงถลาตัวออกไปแล้ว มือซ้ายกำหมัด ระเบิดเสียงคำราม บนหมัดก็ประกายแสงสีแดงจ้า
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สี่คนที่ไล่ตามมามีตั้งแต่ขั้นตอนต้นถึงตอนปลาย
แต่เทียบกับฟางผิงแล้ว คนพวกนี้ยังคงฝึกเคล็ดวิชาระดับกลาง พื้นฐานร่างกายและปราณต่างสู้ฟางผิงไม่ได้ รวมกับพลังจิตใจที่ข่มขวัญคนอื่นได้ของฟางผิง แทบจะฆ่าพวกเขาได้ง่ายๆ ราวกับหั่นแตงโม ไม่ถึงสามสิบวินาทีก็สังหารเรียบทั้งสี่คน
“กระจอก!”
ฟางผิงทุบหมัดที่หัวคนสุดท้าย ถ่มน้ำลายออกมา เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ยังสู้สหายหลิงไม่ได้!”
ตอนนี้พลังของฉินเฟิ่งชิงฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว คลำร่างของยอดฝีมือขั้นห้าพร้อมเอ่ยไปพลาง “ใครคือสหายหลิง?”
“หลิงอีอี”
“หา?”
ฉินเฟิ่งชิงชะงักไปเล็กน้อย ฟางผิงกลับไม่สนใจเขาอีก เริ่มลงมือเก็บสินสงคราม
—
ไม่ถึงหนึ่งนาที
สินสงครามทั้งหมดก็วางกองตรงหน้าทั้งสองคน
“อาวุธระดับ D สามเล่ม ไม่ถึงสามสิบจิน”
“หัวใจพลังงานห้าดวง ขั้นสี่สี่คน ขั้นห้าหนึ่งคน”
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะทำสีหน้าจนใจ มีแค่นี้!
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงเบาว่า “กลางคืนของพวกเขาเพิ่งเริ่ม ของน่าจะอยู่ในตำหนักนั้นแน่”
ฟางผิงพยักหน้าก่อนจะเก็บของทุกอย่างใส่กระสอบของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉินเฟิ่งชิงเห็นก็กัดฟันว่า “เกินไปแล้ว!”
“ฉันเป็นคนฆ่าขั้นสี่ทั้งหมด ส่วนขั้นห้านายบอกแล้วว่าจะเอาหัวใจให้ฉัน หรือของทั้งหมดจะไม่ใช่ของฉันอีก?”
ฉินเฟิ่งชิงอายจนโมโหอยู่บ้าง “ถึงยังไงก็ควรให้ฉันสักหน่อย ตอนแรกฉันคิดว่าขั้นห้าจะมีของดีบ้างซะอีก!”
เขานึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไม่พกอะไรมาเลย
ผลปรากฏว่าทั้งสองคนหมดแรงไปเกือบครึ่งเพราะฆ่าอีกฝ่าย กลับแทบไม่ได้อะไรเลย
ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง โยนป้ายสถานะห้าอันนั้นให้เขา “ให้อันนี้นายละกัน เอาไปขายได้ มีป้ายของขั้นห้าอีกน่าจะมีมูลค่า”
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำอาจจะไม่พกอะไรเลย แต่ป้ายสถานะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ในถ้ำใต้ดินนี่คือเครื่องหมายของฐานะ ตำแหน่งและเกียรติยศ
ผู้ฝึกยุทธ์ต้องพกป้ายสถานะติดตัว
“ฉัน@#%…”
ฉินเฟิ่งชิงด่ากราดออกมา สรุปแล้วฉันได้แค่ของพวกนี้?
อันที่จริงป้ายสถานะนับว่ามีประโยชน์ไม่น้อย สามารถนำไปแลกแต้มสะสมจากหน่วยทหารได้หรือบางคนก็ชอบเก็บสะสมเหมือนกัน
แต่เทียบกับผลประโยชน์ทั้งหมดแล้ว ของสิ่งนี้ไม่เพียงพอให้หยิบยกมาพูดถึงด้วยซ้ำ
ฉินเฟิ่งชิงกัดฟันว่า “อย่างน้อยควรจะแบ่งหัวใจขั้นสี่ให้ฉันสักหน่อย ไม่งั้นก็แยกทางกัน!”
“งั้นก็แยกทาง”
ฟางผิงทำหน้าไม่แยแส ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงในลำคอ ไม่มากความอีก สาวเท้าเดินไปทันที
เช่นเดียวกัน ฟางผิงก็ไม่ร่ำรี้ร่ำไร สาวเท้าเดินต่อ
ทั้งสองคนเดินไปทิศทางเดียวกัน
ฉินเฟิ่งชิงเดินไปไม่กี่ก้าว จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อย่าตามฉันมา!”
“นายสิตามฉัน!”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็พึมพำ “นายไม่กลัวว่าในนั้นจะมียอดฝีมือขั้นหกบ้างหรือไง?”
ทิศทางที่ทั้งสองเดินไปก็คือหุบเขาเมื่อครู่
ในนั้นยังมีสมุนไพรที่เก็บไม่หมด ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ขั้นห้าพวกนี้แทบไม่ได้เอาอะไรออกมาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าในตำหนักคงจะมีของดีไม่น้อย
ทั้งสองคนแยกทางกัน เห็นได้ชัดว่าอยากอุบของไว้คนเดียว
ฉินเฟิ่งชิงเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “ฉันว่าไม่มี”
“ฉันว่ามี”
“งั้นนายไม่ต้องไป”
“ฉันจะปกป้องนาย”
“ไม่จำเป็น!”
“…”
ทั้งสองคนหยุดฝีเท้า ฉินเฟิ่งชิงทำหน้ากลัดกลุ้ม เอ่ยอย่างจนใจว่า “ไปด้วยกัน”
“ได้”
ฟางผิงหัวเราะขึ้นมา เวลานี้ค่อยเอ่ยว่า “ฉันเดาว่าข้างในน่าจะไม่มีขั้นหกแล้วเหมือนกัน ไม่งั้นคงไล่ตามพวกเรามาแล้ว ยังไงอุปกรณ์เตือนภัยก็ถูกทำลายไปเรียบร้อย ลองคิดในมุมมองคนอื่น ไม่รู้ว่าศัตรูแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ เวลานี้มีขั้นหกจะนั่งอยู่กับที่ได้งั้นเหรอ? หากเป็นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ มีคนบุกเข้ามาในเขตทางใต้ ยอดฝีมือคงไปรวมตัวกันทันที มียอดฝีมือขั้นหกขั้นเจ็ดอยู่ แต่ให้ขั้นห้าไปไล่ฆ่า นี่ฟังไม่ขึ้นเท่าไหร่”
ฉินเฟิ่งชิงพึมพำว่า “บางทีอาจจะมีขั้นเจ็ด คนเขาอยู่ขั้นเจ็ดต้องวางมาดใหญ่โต พวกเราเป็นแค่หัวขโมยตัวเล็กๆ ขั้นเจ็ดไม่ไล่ตามมาก็มีเหตุผลเหมือนกัน”
เมื่อครู่คนหนึ่งบอกว่ามี อีกคนบอกว่าไม่มี ตอนนี้มากลับตาลปัตรกันอีกแล้ว
แต่ทั้งสองคนต่างไม่สนใจว่าจะมีหรือไม่มี มีผลประโยชน์ก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเขาหัวหมาป่ายังไม่นับว่าเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ พลังงานไม่เข้มข้นจนเกินไป อันที่จริงทั้งสองคนต่างคาดเดาว่ายอดฝีมือขั้นเจ็ดคงไม่มาอยู่ที่นี่
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ขั้นห้าที่ไล่ฆ่าพวกเขาก่อนหน้านั้นอาจจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว
หากโชคร้ายจริงๆ เจอกับขั้นหกก็แค่หนีเท่านั้น
สถานการณ์ของทั้งสองคนในตอนนี้ แม้จะร่วมมือกันก็ฆ่าขั้นหกไม่ได้อยู่ดี
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุด อาจจะฆ่าไม่ได้เช่นกัน แต่ยังพอตอบโต้ได้บ้าง
คนเมื่อตะกี้อาจจะเป็นขั้นห้าตอนต้นหรือตอนกลาง แต่ไม่ถึงตอนปลายอย่างแน่นอน ไม่งั้นฟางผิงคงไม่ได้สกัดง่ายๆ ขนาดนั้น