ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 304-2 วิ่งก่อนค่อยว่ากัน (2)
ตอนที่ 304 วิ่งก่อนค่อยว่ากัน (2)
อันที่จริงมนุษย์ก็ไม่ต่างกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับล่างมีตำแหน่งคล้ายกับผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ในสังคมเช่นกัน
แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมสามารถอาศัยความพยายามของตัวเอง ช่วงชิงซื้อยาบำรุงเป็นตัวช่วยในการฝึกวิชาได้
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำระดับล่างนั้นอย่าหวังเลย
แต่พลังงานในถ้ำใต้ดินมีความเข้มข้นสูงกว่าบนพื้นโลก อยู่ที่นี่แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่างจะไม่มีหินพลังงานช่วยฝึกวิชา การฝึกวิชาก็เร็วกว่ามนุษย์อยู่ดี
ฟางผิงไม่มากความเช่นกัน ไปค้นหาห้องอื่นต่อ
ตอนนี้ทั้งสองคนค้นหาจากด้านนอกเข้าหาด้านในอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ยอดฝีมือมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ข้างในสุด
เป็นดังคาด เมื่อเข้าไปลึกเรื่อยๆ ในที่สุดก็เจอของดีขึ้นมาบ้าง
หินพลังงานฝึกวิชา สมุนไพรที่ถูกบรรจุไว้ในกล่องไม้ ขนของสัตว์ประหลาด…
ทั้งสองคนไม่ปล่อยไปกระทั่งโคมไฟพลังงาน แกะหินพลังงานที่อยู่ข้างในออกมาด้วย
อันที่จริงขายครบชุดจะมีมูลค่ากว่า แต่ไม่สะดวกจะพกไปทั้งหมดเท่าไหร่
ตอนนี้กระสอบของฟางผิงมีของบรรจุอย่างเต็มเปี่ยม
ฉินเฟิ่งชิงไม่เอาของยัดใส่ในเสื้อแล้วเช่นกัน เอากระเป๋าผ้าใบหนึ่งออกมาแทน ก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่เอาไปซ่อนไว้ที่ไหน
ค้นสิบกว่าห้องติดต่อกัน ทั้งสองคนเจอของที่มีพลังงานค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็เก็บมาจนเรียบ
จวบจนมาถึงห้องสุดท้าย
ฟางผิงผลักประตูเข้าไป แววตากลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยเสียงทุ้มว่า “บางที…อาจจะเป็นขั้นเจ็ดจริงๆ!”
นี่คือห้องของเจ้าของที่นี่
เมื่อกี้ทั้งสองคนเจอห้องของยอดฝีมือขั้นห้าคนนั้นแล้ว แต่ภายในห้องก็ตกแต่งธรรมดา นอกจากหินพลังงานบางส่วนก็ไม่มีของดีอะไรแล้ว
แต่ห้องนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่ต่างมากที่สุดคือมีตู้หนังสือหลังหนึ่งตั้งอยู่
ใช่แล้ว ตู้หนังสือ!
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางผิงเจอหนังสือในถ้ำใต้ดิน!
ไม่ใช่หนังสือที่ทำจากกระดาษ แต่เป็นหนังของสิ่งมีชีวิต มีเยอะเลยทีเดียว อย่างน้อยก็เกือบร้อยเล่ม!
ฉินเฟิ่งชิงเงียบเป็นอันดับแรก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ของพวกนี้ไม่มีมูลค่าอะไร แต่ยังควรค่าแก่การเรียนรู้ ฉันจะเอาไปละกัน…”
“ไสหัวไปเลย!”
ฟางผิงด่าออกไป เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายคิดว่าฉันโง่รึไง หนังสือของพวกใต้ดินมีมูลค่าที่สุดแล้ว บางครั้งอาจมีค่าพอๆ กับหินพลังงานฝึกวิชาด้วยซ้ำ!”
หนังสือเป็นตัวกลางที่บันทึกการถ่ายทอดของอารายธรรมได้ดีที่สุด
ในถ้ำใต้ดินทำสงครามมาหลายปี หนังสือของพวกถ้ำที่ได้กลับไปมีน้อยจริงๆ
หมู่บ้านบางแห่งยังไม่อาจค้นเจอหนังสือเล่มหนึ่งเสียด้วยซ้ำ ของพวกนี้ล้ำค่าอย่างมาก หากไม่ใช่ยอดฝีมือย่อมไม่มีของพวกนี้
แต่ยอดฝีมือทำสงคราม ไม่อาจพกของพวกนี้ไปด้วยอยู่แล้ว
มีเพียงกวาดรังของยอดฝีมือถึงจะมีโอกาสเจอได้
หลายปีมานี้อันที่จริงมนุษยชาติได้รับหนังสือของพวกถ้ำมาบางส่วนเช่นกัน แต่ไม่ได้เยอะมาก ตัวอักษรและภาษาพูดพวกนั้น พวกนักวิชาการกำลังถอดรหัสกันอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่เพราะมีไม่เยอะ การถอดรหัสจึงเป็นไปอย่างช้าๆ
ยิ่งหนังสือมากเท่าไหร่ ของที่บันทึกไว้เยอะเท่าไหร่ การถอดรหัสก็จะเร็วขึ้นเท่านั้น
สำหรับหนังสือของถ้ำใต้ดิน รัฐบาลและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้รวมถึงองค์กรใหญ่บางแห่งต่างรับซื้อในราคาสูง แน่นอนว่าในสถานการณ์ทั่วไปมักขายให้กับรัฐบาล รวมถึงองค์กรใหญ่ๆ จะทำสำเนาให้ฉบับหนึ่งแล้วส่งต้นฉบับให้รัฐบาล
ฟางผิงไม่พล่ามกับฉินเฟิ่งชิงต่อ เข้าไปหยิบหนังสือหนังสัตว์ประหลาดเล่มหนึ่งบนโต๊ะอ่านอยู่พักหนึ่ง ดูจนหูตาลายไปหมด
เขาเรียนภาษาถ้ำใต้ดิน เรียนแค่ภาษาพูด ไม่ได้เรียนตัวอักษร
ไม่พูดถึงเขา เกรงว่านักวิชาการพวกนั้นอาจแยกไม่ออกว่าประโยคนี้คือตัวอักษรตัวไหนได้เหมือนกัน
ตอนนี้ภาษาของถ้ำใต้ดินที่เรียนรู้ ส่วนมากเป็นภาษาที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันเท่านั้น
มาจากการที่ยอดฝีมือพยายามบันทึก แฝงตัวเข้าไปในหมู่บ้านบางแห่ง ตั้งใจฟังภาษาที่พวกเขาใช้สื่อสาร จากนั้นก็คาดเดาความหมายแล้วส่งมอบให้สถาบันวิจัยวิเคราะห์ศึกษา
แต่หนังสือของถ้ำใต้ดิน ส่วนมากจะมีรูปภาพประกอบ นี่ก็เป็นประโยชน์อันใหญ่หลวงต่อการวิจัยอย่างหนึ่ง
หนังสือหนังสัตว์ประหลาดในมือฟางผิงไม่หนามาก น่าจะมีประมาณสิบกว่าหน้า
พลิกอ่านดูเล็กน้อย ตัวอักษรที่เป็นลายคลื่นนั้นมีไม่เยอะ จะเป็นรูปภาพเยอะกว่า
“วาดได้น่าเกลียดจริงๆ!”
ฟางผิงเห็นภาพหนึ่งในนั้นเป็นเมืองแห่งหนึ่งก็ส่ายหัว ระดับนี้ยังกล้าแสดงฝีมือตัวเอง ไม่อายบ้างหรือไง
เขากำลังวิเคราะห์ดู ฉินเฟิ่งชิงกลับเปิดกระเป๋ากวาดหนังสือเข้าไปกองใหญ่แล้ว
ฟางผิงมองแวบหนึ่ง ไม่สนใจเขา เจ้าหมอนี่แบ่งให้เขาไม่ถึงครึ่ง ตัวเองจะจัดการเขาให้ตายซะ
นอกจากนี้พวกหนังสือยังหนักเกินไป พกพาไม่ค่อยสะดวก
ที่นี่อาจจะเป็นที่อยู่อาศัยของยอดฝีมือระดับสูงจริงๆ ก็ได้ ฟางผิงเริ่มปล่อยพลังจิตใจตรวจสอบดู
ไม่นานฟางผิงก็เจอของดีบางอย่าง
หินพลังงานฝึกวิชาหลายก้อน เครื่องประดับที่น่าจะเป็นของหญิงวัยกลางคน แต่เป็นเครื่องประดับที่ทำจากโลหะ ฟางผิงตรวจสอบได้ถึงคลื่นพลังงานที่ไม่เบาบาง อาจจะเป็นโลหะที่ล้ำค่า ดีกว่าอาวุธโลหะพวกนั้น
แอบชำเลืองฉินเฟิ่งชิงแวบหนึ่ง ก่อนฟางผิงจะกวาดของใส่กระเป๋าทหารที่อยู่ตรงหน้าอกอย่างรวดเร็ว
หินพลังงานพวกนี้เขายัดไว้ในกระเป๋านี้ทั้งหมด ของใหญ่อย่างอื่นถึงจะใส่ไว้ในกระสอบ
ด้านฉินเฟิ่งชิงเริ่มรื้อตู้หนังสือแล้วเหมือนกัน
ทั้งสองคนทำลายของตกแต่งภายในห้องอย่างบ้าคลั่ง โคมไฟพลังงานที่ประดิษฐ์อย่างงดงาม ทั้งสองคนไม่สนใจเช่นกัน รื้อหินพลังงานออกมา บีบโคมไฟโลหะเป็นก้อนเดียวกัน ยัดเข้าไปในกระเป๋า
เตียงใหญ่ที่หรูหรา ฉินเฟิ่งชิงรื้อโครงโลหะภายในนั้นออกเช่นกัน ฟางผิงกลับถอดชิ้นส่วนหนังผ้าห่มด้านนอกออกไป
ทำลายอย่างบ้าคลั่งกว่าสิบนาที กระสอบและกระเป๋าผ้าในมือของพวกเขาต่างมีของยัดเต็มจนไม่สามารถยัดได้อีกแล้ว
ส่วนสมุนไพร ทั้งสองคนไม่กลัวว่าจะเสียหายแต่อย่างใด สมุนไพรที่แฝงด้วยพลังงงานพวกนี้ค่อนข้างแข็งแรง
ทำเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็มองหน้ากัน เข้าใจกันโดยปริยาย วิ่งไปข้างนอกอย่างรวดเร็วทันที
ครั้งนี้ไม่รู้ว่าเป็นการกวาดรังผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงหรือเปล่า อย่างน้อยก็น่าจะเป็นรังของยอดฝีมือระดับหก
หินพลังงานพวกนี้ไม่ได้มีเยอะมาก อาจเพราะอีกฝ่ายเอาไปด้วย หรือใช้ไปหมดแล้ว
แต่ของอย่างอื่นมีไม่น้อยเลยจริงๆ
ทั้งสองคนมามือเปล่า ตอนที่ออกไปกลับแบกกระสอบด้วยน้ำหนักร้อยจินเป็นอย่างต่ำ
ฉินเฟิ่งชิงเดินไปก็เอ่ยไปพลาง “จะวางเพลิงหรือเปล่า?”
“นายจุดไฟได้?”
“จุดไม่ได้ นายเอาหินพลังงานออกมาสักหน่อย เผาที่นี่ทำลายศพและหลักฐาน!”
“ใช้ของนายสิ”
“ฉันมีไม่เยอะ”
“ฉันก็มีไม่เยอะ…”
ทั้งสองคนไม่พูดกันอีก ช่างเถอะ ทำลายศพและหลักฐานไม่เกิดผลสักเท่าไหร่ ไม่สิ้นเปลืองดีกว่า
อีกฝ่ายกลับมา หากตรวจสอบจริงๆ คงเจอเบาะแสได้อยู่แล้ว
ออกมาจากห้องโถง ฉินเฟิ่งชิงก็เหลียวกลับไปมองแวบหนึ่ง ถอนหายใจว่า “กลับไปตอนนี้เลย?”
“ไม่กลับไปแล้วจะอยู่เพื่ออะไร? เอาของมาเยอะขนาดนี้ หากมีแหวนมิติเก็บของ พวกเรายังทำต่อได้ ตอนนี้ไม่ออกไป รอคนเขากลับมา รนหาที่ตาย?”
“มีเหตุผล”
พูดจบทั้งสองคนก็เร่งฝีเท้า ไม่สนใจการสิ้นเปลืองของปราณ วิ่งเผ่นอย่างรวดเร็ว กอบโกยได้ก้อนโต ตอนนี้ไม่วิ่งจะวิ่งตอนไหนอีก