ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 305-2 ครั้งนี้ตัวเป้งมาเยอะจริงๆ (2)
ตอนที่ 305 ครั้งนี้ตัวเป้งมาเยอะจริงๆ (2)
ในเวลาเดียวกัน
ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงวิ่งจนแทบจะลิ้นห้อยอยู่แล้ว!
“แม่งเหอะ หมาป่าพวกนี้เป็นหมาบ้าหรือเปล่า!”
ฉินเฟิ่งชิงหลุดด่าออกมา ก่อนจะเคลื่อนไหวอย่างว่องไว หลบปีศาจหมาป่าโบราณที่พุ่งมาตะครุบด้านหลัง หอบหายใจว่า “ฟางผิง รอฉันด้วย!”
ฟางผิงที่อยู่ข้างหน้ากว่าสิบเมตรก็หอบหายใจเช่นกัน ตะโกนทั้งที่ไม่เหลียวหน้ากลับมาด้วยซ้ำ “ฉินเฟิ่งชิง นายยอมลำบากหน่อยเถอะ ให้เนื้อพวกเขากินนิดหน่อย กลับไปฉันจะตั้งป้ายหลุมศพให้นาย!”
“นายยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่า?”
“ไม่มี!” ฟางผิงหอบหายใจอย่างหนัก “เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ พวกเรากลับไปเมืองความหวังไม่ได้ คงต้องรอตายอย่างเดียว!”
ตอนนี้ทั้งสองคนไม่เพียงป้องกันตัวจากฝูงปีศาจหมาป่าโบราณด้านหลัง
ด้านหน้าทุกทิศทางยังมีสัตว์ประหลาดเข้ามาร่วมวงบางครั้งบางคราวเช่นกัน
สมุนไพรจำนวนมาก โลหะผสม หินพลังงานที่เก็บรวบรวม ทั้งสองคนไม่มีวิธีปิดบังอะไรเลย คลื่นพลังงานจึงเข้มข้นอย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำอาจจะไม่รับรู้ได้เสมอไป แต่สัตว์ประหลาดพวกนี้ค่อนข้างประสาทสัมผัสไว
ก่อนหน้านี้อยู่ในเขาเทียนหลาง สัตว์ประหลาดพวกนี้ไม่กล้าเข้ามา อาณาเขตของผู้แข็งแกร่งไม่อาจรุกล้ำได้ จุดนี้สัตว์ประหลาดเข้าใจดียิ่งกว่ามนุษย์
แต่ตอนนี้มีไก่อ่อนสองคนพกของพวกนี้วิ่งอยู่ ไม่ไล่ฆ่าถึงจะแปลก
“ยังอีกไกลหรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงเริ่มวิ่งไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว สัมภาระบนหลังราวกับหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ กดจนเขาหายใจไม่ทัน
ฟางผิงคำนวณพักหนึ่ง ตอบว่า “อีกไกล วิ่งมานอกทางอยู่บ้าง อย่างน้อยน่าจะอีกกว่าสองร้อยลี้!”
“ไกลขนาดนี้เลย?”
ฉินเฟิ่งชิงเพ่งสมาธิกับการวิ่งตามฟางผิงเท่านั้น แทบไม่มีความคิดอย่างอื่นเลย
ฟังจบก็แผดร้องว่า “นายแบกฉันพักหนึ่งสิ ฉันฟื้นฟูพลังแล้วจะแบกนายต่อ!”
“นายแผดร้องดังขนาดนี้ได้ ฉันไม่เชื่อนายหรอก!”
ฟางผิงไม่เชื่อหมอนี้ หากเขาวิ่งไม่ไหวจริงๆ คงทิ้งสัมภาระใหญ่ข้างหลังไปตั้งนานแล้ว มีเวลาว่างมาคุยไร้สาระกับเขาที่ไหน
ระหว่างที่วิ่ง จู่ๆ ก็มีคลื่นพลังงานรุนแรงกระจายมาจากบนเขาหัวหมาป่าที่ถูกทิ้งห่างข้างหลังมานานแล้ว
ตอนนี้ทั้งสองคนห่างจากเขาหัวหมาป่ามาประมาณร้อยลี้
ตอนที่รับรู้ถึงคลื่นพลังงานแผ่วเบานั้น ฟางผิงแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด คลื่นพลังงานมาจากไหนกัน?
เพราะความรู้สึกเบาบางนั่น ฟางผิงเลยไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ วิ่งก่อนค่อยว่ากัน
ส่วนฉินเฟิ่งชิง ตายไม่ได้หรอก อย่างน้อยมองจากตอนนี้ หมอนี่ยังทนได้อีกพักใหญ่
วิ่งต่อไปอีกสี่สิบห้าสิบลี้ ฉินเฟิ่งชิงน่าจะไม่ไหวแล้วจริงๆ ตะโกนอย่างแหบแห้งว่า “แบกฉันแป๊บหนึ่ง…”
ฟางผิงหันไปมองแวบหนึ่ง ตอนนี้ไม่ได้มีแค่หมาป่าโบราณที่ตามอยู่ข้างหลังพวกเขา แต่เป็นสัตว์ประหลาดนานาชนิดนับร้อยตัว
มีปีศาจม้าที่รูปร่างเหมือนม้า มีกอริลลาที่ใช้สองขาวิ่ง บนอากาศถึงกระทั่งมีปีศาจที่ลอยได้เช่นกัน แต่ไม่ได้ตัวใหญ่มาก คลื่นพลังงานก็ไม่ได้แข็งแรง ฟางผิงไม่สนใจนัก
“อดทนอีกหน่อย ห่างจากเมืองความหวังแค่ร้อยห้าสิบลี้เท่านั้น!”
“ไม่…ไม่ไหวแล้ว…”
ฟางผิงเห็นเขาเหมือนจะไม่ไหวจริงๆ จึงเอ่ยว่า “ของที่นายได้มาแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง!”
ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดอะไร ก้มหน้าตะบี้ตะบันวิ่งต่อทันที!
ต่อให้ฉันวิ่งจนตายก็ไม่ให้เงินซื้อชีวิตกับนายหรอก
ฟางผิงเห็นเขายังกระปรี้กระเปร่า วิ่งแล่นฉิวก็ลอบด่า นายแม่งยังคิดหลอกฉัน!
วิ่งไปวิ่งมา ฟางผิงคล้ายจะเจอสิ่งผิดปกติอยู่บ้าง
“เฮ้ย!”
ฉินเฟิ่งชิงไม่สนใจเขา
“ฉินเฟิ่งชิง!”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนอยู่บ้าง ตะโกนว่า “นายดูข้างหน้า!”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าซีดเผือด เงยหน้ามองแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างอ่อนแรง “อะไร!”
“ปะ…ป่านี้รู้สึกคุ้นตาบ้างไหม?”
“ประสาทหรือไง!”
ฉินเฟิ่งชิงด่าออกไป ป่าก็เป็นแบบนี้ทั้งหมดนั่นแหละ ยังจะมาคุ้นตา นายเคยมาหรือไง?
แต่ไม่นาน จู่ๆ ฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยว่า “พวกเราวิ่งมาทางทิศไหน?”
“ตะวันออกเฉียงใต้ แต่เบี่ยงไปทางตะวันออกหน่อย…”
“ตะวันออกเฉียงใต้? ตะวันออก…”
“งั้นหมายความว่าเป็นทิศจากเมืองความหวังไปยังเมืองเทียนเหมินที่เบี่ยงไปเล็กน้อย…ทางนี้ห่างจากเมืองความหวังหนึ่งร้อยห้าสิบลี้ มีป่างั้นเหรอ?”
ฉินเฟิ่งชิงค่อนข้างคุ้นเคยกับแถบนี้
ไม่นานฉินเฟิ่งชิงก็เอ่ยอย่างดีใจ “ป่าราชันเจี่ยว! พูดแบบนี้ก็ไม่ถึงร้อยห้าสิบลี้แล้ว อย่างมากร้อยสามสิบลี้เท่านั้น…”
ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ป่าราชันเจี่ยว!
ป่าราชันเจี่ยวอยู่ตรงนี้?
ล้อกันเล่นแล้ว!
ครั้งก่อนเขาวิ่งวุ่นไปทั่ว นอกจากวิ่งไปทั่วป่าราชันเจี่ยวก็น่าจะมาโผล่แถวนี้เหมือนกัน
ทางนี้…ฟางผิงหันหน้าไปดู ท่ามกลางความมืดยังเห็นร่องรอยของเขาหัวหมาป่าได้รางๆ
ครั้งก่อนเขาอยู่ป่าราชันเจี่ยว เหมือนจะมองไม่เห็นเขา?
หรือจะบอกว่าครั้งก่อนฝีมืออ่อนด้อยไปบ้างเลยมองไม่ชัด
“นายมั่นใจนะว่าร้อยสามสิบลี้?”
“อย่างมากสุด!”
ฉินเฟิ่งชิงให้คำตอบที่แน่นอนแล้ว ฟางผิงก็สะบัดหัว นั่นเป็นทางที่เขาจำผิด จากที่เขาคาดการณ์อย่างน้อยยังเหลืออีกประมาณร้อยห้าสิบลี้
แน่นอนว่าความแตกต่างไม่มาก อย่างน้อยก็สำหรับพวกเขา
แต่ตอนนี้เข้าใกล้เมืองความหวังมากเท่าไหร่ก็ดีขึ้นเท่านั้น ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยไปว่า “อย่าเข้าป่า วิ่งอ้อมไปแทน!”
“เหลวไหล ป่าราชันเจี่ยวมีเจี่ยวอยู่ ฉันไม่เข้าไปอยู่แล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงแทบไม่คิดเลยด้วยซ้ำ เห็นฉันเป็นคนโง่หรือไงถึงจะวิ่งไปที่นั่น
ฟางผิงถอนหายใจอย่างโล่งอก เจี่ยวตัวนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย ครั้งก่อนตัวเองหนีออกมา หากครั้งนี้ไปเจออีกครั้ง…
ระหว่างที่ครุ่นคิด จู่ๆ ฟางผิงก็มองฉินเฟิ่งชิง
หากเจอจริงๆ ตัวเองบอกว่าฉินเฟิ่งชิงเป็นอาหารเช้าที่เตรียมไว้ให้ เจี่ยวตัวนั้นจะเชื่อฉันหรือเปล่านะ?
“น่าจะเชื่อ? ฉินเฟิ่งชิงมีคุณสมบัติดีไม่น้อย พลังปราณบริสุทธิ์…”
ฟางผิงคิดฟุ้งซ่านในใจ ครุ่นคิดว่าถ้าเจอเจี่ยวจริงๆ จะทำแบบนี้ดีหรือเปล่า?
แต่ไม่นานก็สะบัดหัวอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่อย่าเจอจะดีกว่า!
กลับไปเป็นสัตว์เลี้ยงให้มัน นั่นยังไม่สู้ถูกกลืนในคำเดียว
—
ระหว่างที่พวกฟางผิงวิ่งอ้อมป่าอยู่นั้น
ในป่าราชันเจี่ยว
สัตว์ประหลาดเขาทองตัวใหญ่ที่นอนอยู่ตลอด ตอนนี้กลับออกจากที่เดิมแล้ว กำลังเดินเตร่ทั่วป่าราชันเจี่ยว บนเขาสีทองนั้นมีพลังงานพรั่งพรูออกมาเป็นครั้งคราว ไหลเข้าไปสู่ต้นไม้ต่ำเตี้ยบางส่วนข้างนอกป่า
ทั้งต้นไม้พวกนั้นก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทันตาเห็น
ป่าราชันเจี่ยวขยับขยายแล้ว!
ราวกับสิ้นเปลืองพลังงาน เจี่ยวหิวขึ้นมาอยู่บ้าง หันหัวไปดูดกลืนพลังงานและปราณของสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายเสื้อซึ่งนอนตัวสั่นเทาอยู่ข้างหลัง ไม่รู้ว่าตกใจกลัวหรือถูกกดดันกันแน่
ไม่นานปีศาจร่างเสือตัวนั้นก็กลายเป็นเนื้อแห้ง
เจี่ยวเลียปากไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่ายังไม่หน่ำใจ
สัตว์ประหลาดระดับล่างที่โง่เขลาพวกนี้แทบไม่อาจเป็นฝ่ายถวายพลังงานและปราณให้เขาดูดกลืน ฝืนดูดซับนอกจากสิ้นเปลืองแล้ว รสชาติยังไม่อร่อยอีกด้วย
แต่สัตว์ประหลาดในป่าราชันเจี่ยว มันแทบจะกินหมดแล้ว นี่เป็นอาหารมื้อสุดท้ายในช่วงนี้
ตอนนี้เจี่ยวเริ่มคิดถึงมนุษย์ที่เจอในตอนนั้นขึ้นมาบ้างแล้ว
มนุษย์ยังคงมีสติปัญญามากพอ
นอกจากเป็นฝ่ายมอบปราณให้ตัวเองแล้ว ยังช่วยตัวเองจัดเตรียมอาหารอีก มันแทบไม่ต้องออกล่าไปทั่ว
น่าเสียดายที่มนุษย์คนนั้นหายไปแล้ว
แววตาเจี่ยวปรากฏความเสียดายขึ้นมา ก่อนจะเกิดความงุนงงเล็กน้อย หันหัวที่ใหญ่เท่าเครื่องโม่หินไปยังที่ไกลๆ
ที่นั่น…เหมือนจะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่คุ้นเคย