ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 306 ฉันเคยวิ่งชนะขั้นแปด (1)
ตอนที่ 306 ฉันเคยวิ่งชนะขั้นแปด (1)
ด้านนอกป่าราชันเจี่ยว
ฉินเฟิ่งชิงทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว วิ่งตะบี้ตะบันกว่าร้อยลี้ ถูกปีศาจระดับกลางนับไม่ถ้วนตามฆ่า ชีวิตเช่นนี้น่าอนาถเกินไปแล้ว
“ฟาง…ฟางผิง ทำภารกิจกับนาย…ไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ”
ตอนนี้ฟางผิงใบหน้าซีดเผือดเช่นกัน ทั้งยังซีดขึ้นเรื่อยๆ!
“เดี๋ยวถ้านายรู้ จะน่าอนาถกว่านี้อีก”
ฟางผิงทำหน้าราวกับจะร้องไห้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงท้อแท้และสิ้นหวัง “นายสัมผัสไม่ได้หรือไง?”
“อะไร?”
“ปีศาจไม่ได้ตามมาแล้ว!”
ฟางผิงตะโกน แม่งเหอะ นายมันสมองกลวงจริงๆ!
ไม่รู้เลยหรือไง?
พวกเราตายแน่ๆ!
ไม่สิ นายตายแน่ๆ!
ฟางผิงวางแผนไว้แล้ว ฉินเฟิ่งชิงก็คืออาหารเช้าที่ตัวเองเตรียมไว้ให้เจี่ยว…ไม่สิ ด้านหลังยังมีปีศาจอีกหลายตัว ครั้งนี้พาอาหารเช้ามาให้เจี่ยวซะเยอะแยะ
ถ้าฉินเฟิ่งชิงดวงแข็ง บางทีอาจจะเหมือนตัวเอง เป็นพ่อครัวให้กับเจี่ยวได้
ฉินเฟิ่งชิงวิ่งจนสมองตื้อไปหมด ดึงสติกลับมาไม่ทันอยู่พักใหญ่ หันกลับไปมองก็เอ่ยดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง “ไม่ตามมาแล้ว!”
สีหน้าฟางผิงกลับซีดขาวจนดูแทบไม่ได้ วิ่งหนีตายอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนว่า “ไอ้โง่ เจี่ยวจะออกมาแล้ว!”
“ชิบหาย!”
ฉินเฟิ่งชิงมีสติขึ้นมาทันที!
สิ่งมีชีวิตระดับสูง!
ก็ถูก ไม่งั้นสิ่งมีชีวิตระดับกลางพวกนี้คงไม่หยุดตามมาหรอก
‘โฮก!’
เสียงคำรามดังขึ้นสะท้านฟ้า ฟางผิงหน้าถอดสี ฉินเฟิ่งชิงก็ใบหน้าแข็งทื่อเช่นกัน
“ฉันเจอกับดาวหายนะเข้าให้แล้ว!”
ฟางผิงนี่แหละคือดาวหายนะที่ใหญ่ที่สุด!
เขาเข้าถ้ำใต้ดินราวกับเข้าสวนหลังบ้านของตัวเอง ครั้งก่อนมากับหวังจินหยาง คนที่บาดเจ็บหนักก็เป็นหวังจินหยาง เขาแทบไม่มีปัญหาอะไร
แต่ตอนนี้ล่ะ?
เขาจบเห่จริงๆ แล้ว!
“ฟาง…ฟางผิง…ยังต้องวิ่งอีกหรือเปล่า?”
ทั้งสองคนรับรู้ถึงกลิ่นอายที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมา ปีศาจด้านหลังนั้นถูกกดดันจนหมอบราบกันไปหมด
ปีศาจระดับกลางบางส่วนเตรียมจะวิ่งหนี กลับถูกบีบจนกลายเป็นเนื้อบด
ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงไม่ได้ถูกพลังจิตใจควบคุม แต่ก็รับรู้ได้ถึงพลังกดดันที่ไร้รูปร่างเช่นกัน
วิ่งงั้นเหรอ?
วิ่งตอนนี้จะเป็นการยั่วโทสะเจี่ยวหรือเปล่า?
ในราตรีเจี่ยวเดินนวยนาดมาทางนี้อย่างช้าๆ ผิวหนังสีทองส่องแสงเหลืองอร่ามท่ามกลางความมืด
ฉินเฟิ่งชิงแข้งขาอ่อนแรงอยู่บ้าง ค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง เขารับรู้ได้ถึงการจับจ้องและแรงกดดันในอากาศ
ฟางผิงที่วิ่งกระหืดกระหอบก็หยุดฝีเท้าลงอย่างช้าๆ เช่นกัน
“เจี่ยว…”
ฉินเฟิ่งชิงเหลียวคอที่แข็งทื่อไปมอง เอ่ยอึกอักว่า “พวกเรา…ต้องถูกฝังกันแบบนี้แล้ว?”
เจอกับสิ่งมีชีวิตระดับสูง ไม่ถูกฝังถึงจะแปลก
วิ่ง นั่นคงวิ่งไม่ชนะอยู่แล้ว
ฟางผิงเผยสีหน้าหนักอึ้ง กระซิบว่า “ไม่ต้องพูด อีกอย่าง ครั้งนี้ถ้านายรอด ของรางวัลทั้งหมดต้องเป็นของฉัน!”
“ฉันจะตายอยู่แล้ว นายยังจะพะวงเรื่องพวกนี้อีก…”
ฉินเฟิ่งชิงแทบจะร้องไห้ออกมารอมร่อ มาถึงขั้นนี้แล้ว นายยังจะคิดเรื่องพวกนี้อีก?
เจี่ยวตัวนี้เหมือนจะสูงกว่าขั้นเจ็ดซะอีก!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเจอกับยอดฝีมือขั้นเจ็ดมาก่อน แต่แรงกดดันนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ
ฟางผิงรับรู้ได้เช่นกัน ทั้งยังสำราจความเปลี่ยนแปลงของเจี่ยว แข็งแกร่งขึ้นมาก ผิวหนังด้านนอกส่องสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม!
“อย่างต่ำคือขั้นแปด!”
ฟางผิงคาดคะเนออกมา ครั้งก่อนเจี่ยวตัวนี้กำลังเลื่อนขั้นจริงๆ ด้วย
ไม่คุยไร้สาระกับฉินเฟิ่งชิงต่อ ฟางผิงเห็นว่าเจี่ยวมาแล้ว ก็ตะโกนเสียงดังทันที “ราชาเจี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ ครั้งนี้ผมวิ่งไปไกลอยู่บ้าง นำอาหารนับไม่ถ้วนมาให้ท่านแล้ว เชิญรับประทานได้เต็มที่!”
ระหว่างที่ฟางผิงพูดก็ชี้ไปที่ปีศาจระดับกลางนับร้อยตัวด้านข้าง
เยอะขนาดนี้ นายกินอิ่มแล้ว คงไม่สนใจฉันแล้วมั้ง?
ดวงตาขนาดใหญ่ของเจี่ยวเผยความสงสัยขึ้นมา ฟางผิงกลับรีบตะโกนว่า “มีเยอะแยะ อีกอย่าง ครั้งหน้าผมจะนำมาให้ท่านอีก จะได้อิ่มไปหลายวัน…”
ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างเผยท่าทีมึนงง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ฟางผิงกลับไม่สนใจเขา ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาฉินเฟิ่งชิง “หินพลังงานล่ะ?”
“หา?”
“รีบเอาออกมา ถ้านายอยากมีชีวิตอยู่ก็อย่าชักช้า!”
แม้ฉินเฟิ่งชิงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ทำได้เพียงฟังฟางผิง เขาก็กลัวตายเหมือนกัน
ควักหินพลังงานบางส่วนออกมาจากกระเป๋าตรงเอวตัวเองอย่างอาลัยอาวรณ์…
ฟางผิงคว้ามา ก่อนจะโยนไปทางเจี่ยวด้วยรอยยิ้มทันที
เจี่ยวกลืนไปรวดเดียว ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงหันหน้าไปว่า “เอาสมุนไพรมาอีกหน่อย!”
“อ่อ…นายเอง…”
“เร็วๆ!”
ฉินเฟิ่งชิงอับจนหนทาง นายแม่งก็มีเหอะ ทำไมต้องมาเอาจากฉันตลอด
แต่ยังคงเป็นประโยคนั้น อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว[1]
ควักสมุนไพรบางส่วนออกมาอีกครั้ง ฟางผิงรับมา ก่อนจะถือไว้ในมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ราชาเจี่ยวผู้ยิ่งใหญ่ กินอันนี้หรือเปล่า?”
เจี่ยวพูดไม่ได้อยู่แล้ว มองสมุนไพรแวบหนึ่ง กลับไม่สนใจเท่าไหร่ มองไปทางฟางผิงอย่างสนใจแทน
ฟางผิงลอบด่าในใจ แม่งเหอะ ด้านข้างมีปีศาจเป็นร้อยตัว นายมาจ้องฉันทำไมกัน!
แต่เวลานี้ฟางผิงรู้เช่นกันว่าเจี่ยวต้องการอะไร รวบรวมปราณไว้ในมือ ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้เจี่ยวออกแรง ฟางผิงเป็นฝ่ายโยนไปให้เอง
เจี่ยวดูดกลืนแล้ว แววตาก็เผยความพอใจ มองฟางผิงต่อ
ฟางผิงจนใจ รวบรวมพลังปราณอีกครั้ง ก่อนจะส่งเข้าไป
เจี่ยวดูดกลืนไปอีกครั้ง
ฉินเฟิ่งชิงมองอย่างสับสนงุนงง!
นี่มันอะไรกัน?
แบบนี้ก็ได้!
อย่างนั้น…ครั้งหน้าเจอกับสิ่งมีชีวิตระดับสูง ตัวเองก็สามารถเอาตัวรอดด้วยวิธีนี้แล้ว?
ฉินเฟิ่งชิงสมองแล่นอย่างว่องไว เขาไม่เห็นหน้าฟางผิงที่ยืนหันหลังให้
ไม่งั้นคงได้เห็นฟางผิงส่งคำพูดที่ว่า…ไปสู่สุคติให้เขาแล้ว!
หากฟางผิงไม่สามารถเพิ่มปราณได้อย่างไร้ขีดจำกัด ครั้งก่อนคงถูกเจี่ยวกินไปแล้ว ยังจะรอดจนถึงตอนนี้หรือไง?
ป้อนให้เจ็ดแปดครั้งติดต่อกัน ฟางผิงก็ร้อนใจอยู่บ้าง
แม่งเหอะ นายจะกินเท่าไหร่กัน
เจี่ยวหิวจริงๆ
หลายวันนี้มันขยายอาณาเขตไม่หยุดหย่อน สิ้นเปลืองพลังงงานเยอะเกินไป
ส่วนทำไมถึงไม่กินปีศาจ…ไร้สาระ มีพ่อครัวอยู่ ใครจะไปลงมือทำอาหารเองกัน
ฟางผิงส่งพลังงานปราณที่บริสุทธิ์มาถึงปาก เทียบกับให้มันเป็นฝ่ายกินเองนั้นรู้สึกฟินกว่า
ก่อนเข้ามาในถ้ำ ค่าทรัพย์สินของฟางผิงอยู่ที่แปดสิบห้าล้าน
แต่เข้าถ้ำมาแล้ว ไม่ถึงหนึ่งวัน ตอนนี้ค่าทรัพย์สินของฟางผิงลดฮวบฮาบจนน่าตกใจ
ก่อนหน้านี้ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้า เสียไปเกือบล้าน จากนั้นก็วิ่งบ้าคลั่งมาตลอดทาง สิ้นเปลืองไปกว่าสองล้าน
ตอนนี้ป้อนอาหารเจี่ยว แวบเดียวสิ้นเปลืองไปประมาณหนึ่งล้านแล้ว ทั้งยังกำลังลดหลั่นไปอย่างต่อเนื่องอีก
แปดสิบล้าน เจ็ดสิบเก้าล้าน…
จวบจนถึงประมาณเจ็ดสิบห้าล้าน เจี่ยวเหมือนจะกินอิ่มแล้ว หุบปากลงอย่างพอใจ
สบายจริงๆ
เจี่ยวไม่ได้พูด แต่ฟางผิงมองจากแววตาและภาษากายของมันออก
ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงวางใจลงไม่น้อย เอ่ยเบาๆ ว่า “พวกเราไปได้หรือยัง?”
ฟางผิงกลอกตาใส่เขา เตรียมฝังน่ะสิ ยังจะไปอีก ไปที่ไหนล่ะ!
แม่งเหอะ ครั้งนี้ตัวเองตั้งใจอ้อมป่าราชันเจี่ยว เจ้าหมอนี้ยังพามาทางนี้อีก…ฟางผิงลืมไปแล้วว่าอันที่จริงตัวเองเป็นคนวิ่งมาทางนี้
การเดินทางครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงอัดยาบำรุงไปไม่น้อยเช่นกัน ตอนนี้ปราณค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาแล้ว
ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็มองเจี่ยว ก่อนจะกระซิบว่า “มันอาจจะให้ฉันไป แต่นายต้องอยู่ ฉินเฟิ่งชิง หรือนายจะลองอยู่นิ่งๆ ให้ฉันไปน่าจะไม่มีปัญหา…”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าเขียวคล้ำ
“ฉันจะไปหลอกคนที่เมืองความหวังมา นายป้อนปราณให้มันเล็กน้อยก็พอแล้ว ราชาเจี่ยวนั้นว่าง่าย…”
ฉินเฟิ่งชิงกัดฟันว่า “ฉันจะไปก่อน”
“นายลองไปดูสิ?”
ฟางผิงแค่นหัวเราะ เอ่ยอย่างดูแคลน “ฉันป้อนอาหารให้ราชาเจี่ยว มันถึงไม่กินนาย ตอนนี้นายไป มันจะกินนายทันที!”
“งั้น…งั้นพวกเราทำได้แค่ถ่วงเวลา?”
“ใช่ รอมันหิวแล้ว ฉันป้อนมันอีก…ป้อนจนเราไม่มีปราณแล้วก็จะถูกกินอีกที”
————————
[1]อยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่น จำเป็นต้องก้มหัว หมายความว่า ตอนที่สถานการณ์ตกเป็นรองคนอื่นต้องยอมถอยเพื่อปกป้องตัวเองไว้ก่อน