ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 307-2 นายกล้าหาเรื่องตัวสร้างปัญหา (2)
ตอนที่ 307 นายกล้าหาเรื่องตัวสร้างปัญหา (2)
ฟางผิงเห็นพวกเขาไม่ได้พกอาวุธมา คาดเดาได้เช่นกันว่าคนพวกนี้อยากจะทำอะไร ตะโกนออกมาทันที “มีแค้นต้องชำระ ฉันและฉินเฟิ่งชิงไม่ใช่คนเดียวกัน!”
พูดจบ ฟางผิงก็เว้นระยะจากฉินเฟิ่งชิงออกมา หมุนตัวเตรียมจะเดินผ่านพวกนั้นเข้าไปในเมือง
ปรากฏว่าในกลุ่มนั้นมีสามคนเดินออกมา จ้องมองฟางผิงด้วยรอยยิ้ม
ฟางผิงราวกับตระหนักได้ เขาเองก็มีศัตรูเหมือนกัน!
ตอนที่สามคนตรงข้ามเผยรอยยิ้มประสงค์ร้าย จู่ๆ ฟางผิงก็กระอักเลือดออกมา ล้มลงไปกับพื้นทันที ชี้นิ้วไปที่พวกเขา เอ่ยอย่างยากลำบากว่า “พะ…พวกนาย…นึกไม่ถึงว่าจะลงมือโหดเหี้ยมกับผู้สร้างคุณูปการต่อมนุษย์ชาติ…”
พูดจบ ฟางผิงก็เอียงหน้าลง กระอักเลือดพุ่งพรวดออกมา
ทุกคนต่างตกตะลึงไปหมด!
แม่งเหอะ นี่จะจบที่ตรงไหน?
อย่างน้อยนายก็รอพวกฉันลงมือก่อนแล้วค่อยล้มไม่ได้หรือไง!
กลางอากาศ ชายชราอ้วนกระโดดลงมาสู่พื้น มองฟางผิงที่ยังแกล้งตายไปแวบหนึ่ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ลุกขึ้น”
“หนึ่งร้อยล้านค่ารักษา!” ฟางผิงฟื้นคืนชีพขึ้นมาชั่วพริบตา เริ่มลงมือตบทรัพย์ทันที
“ลุกขึ้น!”
ชายชราอ้วนแทบจะทนไม่ไหว นายจะรีดไถกันโจ่งแจ้งเกินไปแล้ว!
“ห้าสิบล้าน ไม่งั้นผมจะไปรายงานกับหน่วยทหาร บอกว่าพวกเขาวางแผนฆ่าเพื่อนร่วมชาติ ปล้นสหายร่วมรบ สมรู้ร่วมคิดกับลัทธินอกรีตและพวกถ้ำ…”
ยอดฝีมือระดับกลางที่เพิ่งเดินออกจากเมืองมาพวกนั้นตกตะลึงกันหมด
เวลานี้ฟางผิงยังคงไม่ยอมลุกขึ้น หอบหายใจว่า “อย่างน้อยต้องสามสิบล้าน ไม่งั้นเรื่องไม่จบ พวกนายอัดฉินเฟิ่งชิงก็แล้วไป ยังคิดจะลงมือโหดเหี้ยมกับฉัน ฉันได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ เดิมทีก็ถูกยอดฝีมือระดับสูงไล่ฆ่ามาตลอดทาง ปราณใช้จนหมดเกลี้ยง พวกนายแทบจะสั่นสะเทือนถึงอวัยวะภายในของฉันแล้ว ทุกคนเห็นกันตำตา ฉันกระอักเลือดไปเยอะขนาดนี้ต่อหน้าคนมากมาย นึกไม่ถึงว่าพวกนายจะใส่ร้ายว่าฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ นอกจากทำลายชื่อเสียงแล้ว ยังลอบลงมืออย่างเหี้ยมโหด อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าพวกนายเป็นใคร กลับไปฉันจะตรวจสอบออกมาให้หมด เรียกสามปรมาจารย์ใหญ่ของเซี่ยงไฮ้และพวกอาจารย์ของฉันไปขอคำตอบถึงหน้าประตู…”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าเขียวคล้ำ ชายชราอ้วนปวดหัวเช่นกัน
ผ่านไปสักพัก ชายชราอ้วนจึงหันหน้าไปว่า “ชดใช้ไปเถอะ!”
“หา?”
ทุกคนต่างตกตะลึง
“หาอะไร ชดใช้ไป ไม่งั้นจะทำยังไงได้อีก? พวกนายสมองละลายไปกับน้ำแล้วหรือไง คิดอะไรอยู่ถึงกล้าหาเรื่องเจ้าเด็กสองคนนี้?”
ยอดฝีมือระดับกลางมองหน้ากันไปมา ผ่านไปสักพัก หัวหน้าคนนั้นจึงเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ได้”
คนอื่นๆ ต่างพูดไม่ออก แม่งเหอะ คนอะไรกันเนี่ย!
ฉินเฟิ่งชิงที่ถูกทุกคนลืมเลือน เวลานี้ราวกับดึงสติกลับมาได้ พูดขึ้นทันทีว่า “ฉันต้องการห้าสิบล้านเหมือนกัน…ไม่สิ อย่างน้อยต้องสามสิบล้าน!”
ทุกคนเผยสีหน้าดูแคลน ไม่ใครสนใจเขา พากันแยกย้ายกลับเมือง
ฉินเฟิ่งชิงงงงัน หลุดปากด่าว่า “ถือสิทธิ์อะไรชดใช้เขา แล้วฉันล่ะ? เห็นฉันรังแกง่ายงั้นเหรอ?”
ตอนนี้ฟางผิงที่อยู่ด้านข้างกระโดดขึ้นมาอย่างมีชีวิตชีวา ปัดฝุ่นออกจากร่างกาย เอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ปัญญาอ่อน นายไม่ได้กระอักเลือด ทั้งไม่ได้ล้มลงไป เลียนแบบคนอื่นไม่มืออาชีพพอ ใครจะสนใจนาย ใช่สิ ครั้งก่อนนายถูกคนตามฆ่า ตรวจสอบดูอาจจะเป็นศัตรูเก่าของนายก็ได้ ไอ้โง่เอ้ย สมควรแล้วที่ถูกคนซ้อม”
ฉินเฟิ่งชิงหมดคำจะพูดถึงที่สุด ผ่านไปสักพักจึงพึมพำว่า “นายหาเงินได้สามสิบล้าน?”
“อืม”
“แค่ล้มลงในเวลาสั้นๆ เนี่ยนะ?”
“ใช่”
“ตอนนี้หาเงินกันง่ายขนาดนี้แล้ว?”
“ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางขั้นเจ็ดขั้นแปดคนหนึ่งออกเงินไม่ถึงห้าล้านด้วยซ้ำ จะนับว่าเป็นเรื่องอะไรกัน ครั้งนี้ถ้ามีปรมาจารย์มา นั่นถึงจะกอบโกยได้อย่างหนัก ไม่ถึงห้าร้อยล้าน ฉันนอนรอให้ขั้นเก้ามาช่วยทวงความยุติธรรมยังได้”
“ครั้งหน้าฉันจะทำแบบนี้บ้าง”
“งั้นนายต้องระวังหน่อย ตอนที่มีคนเยอะค่อยลงมือ คนน้อยก็ระวังถูกฆ่าปิดปาก”
“ไร้สาระ ฉันรู้อยู่แล้ว”
“…”
ทั้งสองคนคุยกันราวกับด้านข้างไม่มีใครอยู่ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ วิธีตบทรัพย์ยอดฝีมือระดับกลางก็ถูกเปิดโปงออกมา
ชายชราอ้วนฟังจนใบหน้าดำคล้ำ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นี่มันอะไรกัน?
—
กลางอากาศ
ปรมาจารย์แซ่โค่วผู้นั้น ตอนนี้ก็อดนวดขมับไม่ได้ ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “เดี๋ยวให้พวกเขาไปห้องประชุม เล่าเหตุการณ์ในครั้งนี้หน่อย อีกอย่าง…ครั้งหน้าอย่าหาเรื่องพวกเขาส่งเดชอีก ตอนนี้พวกหนุ่มสาว…ไม่ได้หาเรื่องกันได้ง่ายๆ แล้ว”
ชายชราแซ่โค่วเอ่ยด้วยใบหน้าจนใจ พวกสวี่โม่ฟู่นั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ้าง
ไม่ใช่ว่าหนุ่มสาวรับมือได้ยาก แต่เป็นสองคนนี้…ไม่สิ ฟางผิงหมอนี้ต่างหากที่รับมือได้ยาก
เปลี่ยนเป็นคนอื่นจะมีความคิดทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง
แต่หมอนี้กลับทำออกมาแล้ว แกล้งบาดเจ็บต่อหน้าคนนับร้อย นายสามารถจัดการเขาได้หรือไง?
เจ้าพวกนั้นก็หาเรื่องใส่ตัวเช่นกัน รู้ว่าสองคนนี้เป็นจอมสร้างปัญหายังกล้าไปหาเรื่องอีก แม้ว่าตอนนี้จะไม่เกิดเรื่องขึ้น แต่วันหลังสองคนนี้แข็งแกร่งขึ้นมา รับประกันได้ว่าต้องจัดการพวกเขาอย่างแน่นอน
—
ภายในเมืองความหวัง
ทุกคนบนถนนมองไปทางฉินเฟิ่งชิงและฟางผิง ชี้นิ้วซุบซิบกันใหญ่
เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เรื่องก่อนหน้านี้หมดแล้ว
ฟางผิงทำราวกับรอบกายไร้ผู้คน บางครั้งก็ตะโกนเสียงดังว่า “เอะอะอะไรกัน ตอนนี้ฉันได้รับบาดเจ็บหนัก ถูกเสียงพวกนายรบกวนเข้า พวกนายชดใช้ค่ารักษาให้ไม่ไหวหรอกนะ!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทุกคนก็ทยอยเงียบเสียงทันที
ครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงนับถืออยู่บ้างจริงๆ กระซิบว่า “ครั้งหน้าฉันจะเอาแบบนายบ้าง แม่งเหอะ บาดเจ็บไม่มีเงินซื้อยาบำรุงตั้งหลายครั้ง ครั้งหน้ามีประสบการณ์แล้ว ต้องหาโอกาสรีดไถซะหน่อย”
ฟางผิงเอ่ยเสียงเบาว่า “รีดไถสำเร็จแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง”
“ฝันไปเถอะ”
ฟางผิงไม่สนใจเช่นกัน มองสัมภาระใบใหญ่ของเขาด้วยแววตาประสงค์ร้าย เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ยึดตามสัญญาก่อนหน้านี้ ดาบของนายรวมถึงรางวัลทั้งหมดเป็นของฉัน ฉินเฟิ่งชิง ถึงเวลาคิดบัญชีแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงตีหน้าซื่อว่า “อะไร?”
ระหว่างที่พูดก็นึกอะไรได้ เอ่ยทันที “ก่อนหน้านี้ที่ป่าราชันเจี่ยว นายเอาสมุนไพรไปแต่เจี่ยวไม่กิน นายยัดใส่กระเป๋าตัวเอง คืนมาให้ฉันเลย!”
“อีกอย่าง ฉันไม่ได้เอาเปรียบนายเรื่องหินพลังงาน แบ่งกันครึ่งๆ สิ ถือสิทธิ์อะไรให้ฉันควักออกคนเดียว?”
ฟางผิงโต้แย้งว่า “รางวัลของนายเป็นของฉันทั้งหมด ตอนนี้นายยังกล้ามาพูดเรื่องนี้กับฉันอีก?”
“ไม่มีนายฉันก็ไม่เป็นไร”
“งั้นนายลองไปป่าราชันเจี่ยวตอนนี้ ฉันจะดูว่านายยังมีชีวิตรอดหรือเปล่า”
“ฉันไม่ไป!”
“นั่นหมายความว่าชีวิตไร้ค่าของนายได้ฉันช่วยเอาไว้…”
“…”
ทั้งสองคนเอะอะโวยวายเสียงดัง เดินไปที่ไหน ที่นั่นก็โล่งทันที เจ้าสองคนนี้เป็นอันธพาลของเมืองความหวัง เดินหนีไปให้ไกลก่อนจะดีที่สุด
ไม่พูดถึงจะถูกรีดไถ เจ้าสองคนนี้ยังมีฝีมือไม่อ่อนด้อย
เข้าสู่ขั้นสี่ทั้งคู่ ต่างเป็นอัจฉริยะของยุค ยอดฝีมือขั้นห้าทั่วไปอาจเอาชนะพวกเขาไม่ได้เสมอไป
ส่วนขั้นหก ขั้นหกถือเป็นอีกขั้นหนึ่งแล้ว
ขั้นหกคนไหนจะกล้าหาเรื่องพวกเขา คิดว่าคนของเซี่ยงไฮ้เป็นคนตายหรือไง?
พวกคนที่คิดจะออกเมืองไปอัดคนก่อนหน้านี้ก็ไม่มีขั้นหกอยู่ นายอยู่ขั้นหก พวกเขาอยู่ขั้นสี่ นายอัดคน กลับไปหลู่เฟิ่งโหรวก็อัดนายจนพ่อแม่ลืมหน้าได้เหมือนกัน
เห็นทั้งสองคนเดินอย่างวางท่า
อีกฟากหนึ่งของถนน ผู้ฝึกยุทธ์วัยรุ่นคนหนึ่งที่เพิ่งจะเข้ามาในถ้ำเอ่ยด้วยใบหน้าอิจฉาว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ต้องแบบนี้แหละ!”
พูดไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มที่อายุมากกว่าคนหนึ่งก็ตบเข้าที่หน้าผากเขาทันที!
“คิดอะไรอยู่! นายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม เลียนแบบพวกเขาคงตายหากระดูกไม่เจอไปนานแล้ว สองคนนี้เหิมเกริมได้เพราะมีฝีมือแข็งแกร่ง!”
ชายคนนั้นตำหนิออกมา ใช้สองคนนี้เป็นตัวอย่าง ไม่ช้าก็เร็วคงได้เก็บศพนาย
สองคนนั้นอยู่สามระดับล่างก็กล้าหาเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าขั้นหกแล้ว พอถึงระดับกลาง กระทั่งระดับสูงยังกล้าหาเรื่อง เปลี่ยนเป็นคนอื่น น่าจะเละเป็นโจ๊กไปนานแล้ว
ชายวัยรุ่นนึกไปถึงขั้นที่ว่าทั้งสองคนเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์แล้ว อาจจะกวาดล้างรังของถ้ำใต้ดินให้สิ้นซากไปทั้งหมดเลยหรือเปล่า