ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 312 ออกด่าน (1)
ตอนที่ 312 ออกด่าน (1)
ในเวลาเดียวกัน
เมืองหลวง
หลิวต้าลี่เผยสีหน้าลำบากใจ
“ฉันจะไปดีหรือเปล่า?”
การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศเชียวนะ การแข่งขันใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์นับหมื่นคน นี่หากยังไม่เข้าไปร่วม เขายังจะเป็นนักข่าวไปทำไมอีก?
“แต่เขาอยู่ขั้นสี่แล้ว!”
หลิวต้าลี่เสียใจอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฟางผิงเพิ่งจะขั้นสามสูงสุด หลอกฟางผิงไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรมากมาย
แต่ตอนนี้หมอนั่นเข้าสู่ขั้นสี่แล้ว ความแตกต่างนี้…ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว
“ฝีมือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่จะแข็งแกร่งกว่าขั้นสามตอนปลายเท่าไหร่กัน?”
“คนเยอะขนาดนั้น เขาคงไม่เจอฉันง่ายๆ หรอกมั้ง?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนแบ่งที่ฉันเอามาก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวเขาสักหน่อย”
“มีผู้ฝึกยุทธ์อยู่เยอะขนาดนี้ ฉันเชื่อว่าต้องมีคนทวงความยุติธรรมให้ฉันอยู่แล้ว ฟางผิงยังจะซ้อมฉันตายได้หรือไง?”
“เงินใช้ไปหมดแล้ว ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้มีคืน ซ้อมฉันไปไม่มีประโยชน์อยู่ดี”
“…”
ในใจคิดฟุ้งซ่าน จู่ๆ หลิวต้าลี่ก็กัดฟันว่า “คนกล้ามีแต่จะอิ่ม คนขลาดมีแต่จะอด ข่าวใหญ่ขนาดนี้ฉันไม่ไป งั้นยังจะทำอาชีพนักข่าวไปอีกทำไม”
ตัดสินใจเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว หลิวต้าลี่ไม่คิดลังเลอีก ไปเซี่ยงไฮ้!
แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ถือสิทธิ์ออกอากาศเพียงคนเดียว อาศัยสายตาของเขา สามารถพุ่งเป้าไปหาคนที่มารายงานตัวบางส่วนได้ ภายหลังคนพวกนี้จะเข้าสู่ร้อยอันดับสุดท้าย รายงานข่าวของเขาก็จะมีมูลค่าขึ้นมา หาเงินได้ก้อนใหญ่แล้ว
—
ตอนนี้มีคนจำนวนมากมุ่งหน้ามายังเซี่ยงไฮ้
กระทั่งฟางหยวนที่อยู่หยางเฉิงก็นั่งไม่ติดที่อยู่บ้าง
ฟางหยวนหลอมกระดูกครั้งแรกแล้ว ช่วงนี้ปราณมีการเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แม้ว่ายังห่างไกลจากการหลอมกระดูกครั้งที่สอง แต่ฟางหยวนคิดว่าตอนนี้ตัวเองเก่งมากแล้วเช่นกัน
หากไม่ใช่ว่ารับสมัครแต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเท่านั้น เธอคงจะลงสมัครไปแล้ว
ย่านกวนหูหยวน
ฟางหยวนร้อนใจอยู่บ้าง อดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “พ่อ ลาหยุดให้หนูหน่อยได้หรือเปล่า หนูอยากไปเซี่ยงไฮ้”
การแข่งขันขั้นหนึ่งทั่วประเทศถูกกำหนดให้เปิดฉากวันที่สิบตุลาคม แต่ตอนนั้นเธอต้องเข้าเรียน ฟางหยวนไม่อาจไปได้
“ไม่ได้”
ฟางหมิงหรงปฏิเสธทันที ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “การแข่งขันครั้งนี้ต้องใช้เวลานาน รอถึงรอบร้อยคนสุดท้ายค่อยว่ากันอีกที”
การแข่งขันรอบคัดเลือกช่วงแรกดูในทีวีก็เพียงพอแล้ว
การแข่งร้อยอันดับแรกค่อยเดินทางไปดู
อันที่จริงฟางหมิงหรงอยากไปหาลูกชายที่เซี่ยงไฮ้เช่นกัน ตั้งแต่ฟางผิงไปเซี่ยงไฮ้ เขาและหลี่อวี้อิงยังไม่เคยไปเซี่ยงไฮ้สักครั้ง
“ยังต้องรอถึงร้อยอันดับสุดท้าย…”
ฟางหยวนเผยสีหน้าเสียดาย ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “ครั้งนี้เหมือนว่าพี่จะเข้าร่วมไม่ได้ ฉันก็ยังไม่ถึงขั้นหนึ่ง อันดับหนึ่งของขั้นหนึ่งถูกคนอื่นแย่งไปซะแล้ว น่าเสียดาย”
ฟางหมิงหรงกลอกตา ช่วงนี้ลูกสาวขี้โม้เกินไปแล้ว
สรุปคือถ้าลูกทะลวงขั้นหนึ่ง ก็สามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้แล้ว?
เอาความมั่นใจมาจากไหนกัน?
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศมีจำนวนนับไม่ถ้วน ทายาทลูกหลานของปรมาจารย์ก็มีไม่น้อยเช่นกัน ยัยหนูเห็นการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ทั่วประเทศเป็นอะไรกัน?
ฟางหยวนถอนหายใจต่อ “รางวัลตั้งมากมาย อันดับหนึ่งได้เกือบสิบล้าน ไม่แปลกใจที่ก่อนหน้านี้ฟางผิงบอกว่าฝีมือก้าวหน้าถึงจะมีเงินได้ ครั้งนี้รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนอย่างหนัก ไม่งั้นเงินสิบล้านนี้ต้องเป็นของหนูแล้ว”
“เอาเถอะ!”
ฟางหมิงหรงทนฟังเด็กสาวขี้โม้ไม่ไหวอยู่บ้าง เอ่ยอย่างจนใจ “ลูกไม่ก่อเรื่องให้พี่ชายกับพ่อก็ถือเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว ครอบครัวไม่คาดหวังให้ลูกหาเงินอะไรหรอก”
ฟางหยวนไม่พอใจอยู่บ้าง เอ่ยทันที “พ่อ พูดแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ต้องแข่งขันแย่งชิง…”
“หยุด!”
ฟางหมิงหรงทนไม่ไหวอยู่บ้าง ยัยหนูอย่าเอาแต่ใช้คำพูดนี้มาขัดฉันได้หรือเปล่า?
“ช่วงนี้ตั้งใจเรียนดีๆ ตามบทเรียนให้ทัน ถึงการแข่งขันร้อยอันดับสุดท้ายแล้ว พ่อจะลาหยุดให้ไปเซี่ยงไฮ้ พี่ชายลูกซื้อบ้านไว้ที่นั่น จะได้ถือโอกาสไปดูด้วย”
“จริงๆ นะ?”
“อืม”
ฟางหมิงหรงพูดกำชับอีกครั้ง “ยัยหนู สมาคมอะไรนั่นของลูก รีบๆ ล้มเลิกไปได้หรือเปล่า อีกอย่างเรื่องเก็บค่าสมาชิกนั่นด้วย ยกเลิกไปซะ”
“พ่อ!”
ฟางหยวนพองลมแก้ม “แค่สิบหยวนต่อปีเท่านั้น หนูยังต้องเช่าสถานที่ ทั้งยังสอนจวงกงทุกคนฟรีด้วย ไม่แพงสักนิดเถอะ ปีก่อนค่าสมาชิกก็ได้แค่หนึ่งหมื่นเท่านั้น…ไม่สิ เก้าพันกว่าหยวน”
ฟางหยวนรู้สึกว่าตัวเองขาดทุน เมื่อก่อนยังเปิดคลาสจวงกงเก็บค่าสอนต่อตัว ภายหลังฟางผิงบอกว่าจวงกงจะเรียนลึกเกินไปไม่ได้ คนทั่วไปรับการสิ้นเปลืองปราณไม่ไหว ตอนนี้เธอเลยปิดคลาสไปแล้ว
มีแค่สมาชิกหลักของสมาคมหยวนผิงเท่านั้น สมาชิกที่บ้านมีเงินหน่อยถึงจะฝึกฝนจวงกงอย่างแท้จริง
เธอไม่จ่ายเงินเดือนให้สมาชิกหลักพวกนี้ สอนจวงกงให้พวกเธอแทนเงินเดือน ทั้งอายเกินกว่าจะเก็บค่าเล่าเรียนเช่นกัน
ฟางหมิงหรงปวดหัว ไม่พูดมากอีกเช่นกัน หยัดกายขึ้นว่า “ลูกตัดสินใจเองแล้วกัน กลับไปพ่อจะบอกพี่ว่าลูกรับคนเกือบหนึ่งหมื่นแล้ว”
“เปล่าสักหน่อย!”
ฟางหยวนแก้ต่างทันที เอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “ห้าหกพันเท่านั้น ถึงหมื่นที่ไหนกัน!”
ฟางหมิงหรงหน้าตาดำคล้ำ ไม่ปริปากพูดต่อ เมืองเล็กๆ อย่างหยางเฉิง เด็กอย่างลูกรับสมาชิกเป็นห้าหกพันคน ยังน้อยอีกหรือไง?
ลูกสาวคนนี้ ตอนนี้จัดการไม่ได้แล้ว กลับไปต้องให้ฟางผิงมาจัดการเธอสักหน่อย
—
วันที่ 8 ตุลาคม
ฟางผิงเข้าห้องแหล่งพลังงานไปหกวันเต็มๆ แล้ว
โถงใหญ่ห้องแหล่งพลังงาน
หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยังไม่ออกมา?”
“ยัง”
ซ่งอิ๋งจี๋ยิ้มเฝื่อนๆ ก่อนจะกระแอมไอว่า “อาจารย์หลู่ ตอนนี้ฟางผิงใช้ไปสองพันแปดร้อยแปดสิบคะแนนแล้ว เขาจ่ายมาล่วงหน้าแค่หนึ่งพันห้าร้อยคะแนน ยังขาดไปอยู่บ้าง คุณว่า…”
หลู่เฟิ่งโหรวชำเลืองตามองเขา เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายอยากจะพูดอะไร?”
เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเตรียมท่าพร้อมจะลงมือ ซ่งอิ๋งจี๋ก็เหนื่อยใจ ผ่านไปสักพักจึงพูดว่า “ไม่เป็นไร”
ฟางผิงติดหนี้ตั้งหนึ่งพันสามร้อยแปดสิบคะแนน!
บัญชีนี้เก็บคืนมายากแล้ว
ขาดไปนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก แต่คะแนนนับพัน…ตอนนี้ซ่งอิ๋งจี๋เริ่มใคร่ครวญแล้วว่าควรจะเตรียมบังคับใช้มาตราการขั้นเด็ดขาดหรือเปล่า
ระหว่างที่พูด ภายในทางเดินฟางผิงก็เดินออกมาด้วยผมเผ้ากระเซอะกระเซิง
ใบหน้าที่ขาวสะอาดในตอนแรก เวลานี้มีหนวดขึ้นรำไรอยู่บ้าง
หกวันหกคืน!
ครั้งนี้เขาฝึกวิชาไปหกวันหกคืนเต็มๆ หากเป็นคนธรรมดาคงล้มฟุบไปนานแล้ว
ฟางผิงอาศัยการฟื้นฟูพลังจิตใจอยู่ตลอดเวลา บังคับให้ตัวเองประคองสภาวะตื่นตัว
สุดท้ายใช้เวลาไปหกวันจึงทะลวงผนังหัวใจบนและล่าง หลอมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวสำเร็จ
ตอนนี้เส้นทางขั้นสี่ตอนปลาย เขาเดินมาได้ครึ่งใหญ่แล้ว เหลือแค่อย่างสุดท้ายเท่านั้น เชื่อมสะพานหัวใจ เปลี่ยนหัวใจให้กลายเป็นเครื่องยนต์ที่กำเนิดพลังงานอย่างเป็นทางการ
มองตัวเลขด้านหน้าไปแวบหนึ่ง ฟางผิงนับว่ายังพอใจ
ครั้งนี้ฝึกวิชาในห้องแหล่งพลังงาน สิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไปไม่เยอะ
ทรัพยสิน : 375,000,000
ปราณ : 1800 (2090 แคล+)
จิตใจ : 520 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)
“ไม่เลว เปลี่ยนแปลงหัวใจ คุณสมบัติขับเคลื่อนแข็งแกร่งขึ้นมาแล้ว ขีดจำกัดเพิ่มขึ้น ทั้งยังสามารถเพิ่มปราณได้ต่อเนื่อง”
ก่อนหน้านี้ขีดจำกัดปราณและจิตใจของฟางผิงแทบไม่ขยับเลย
เพราะแตะถึงขีดจำกัดในช่วงหนึ่งแล้ว
แต่ตอนนี้หลังจากที่ปรับเปลี่ยนหัวใจ เขาก็สามารถเพิ่มขีดจำกัดปราณและพื้นฐานร่างกายขึ้นได้
นึกถึงเรื่องพวกนี้ ฟางผิงเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลู่เฟิ่งโหรวเข้าพอดี เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ คุณมาได้ยังไง?”
หลู่เฟิ่งโหรวมองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย “ทำได้ดี แต่อย่าใจร้อนอยากจะสำเร็จเร็วเกินไป ข้าวต้องค่อยๆ กินทีละคำ ครั้งนี้ฝึกวิชานานขนาดนี้ กลับไปต้องปรับสภาพดีๆ สักหน่อย อย่ารีบเร่งเกินไป เธอเพิ่งทะลวงขั้นสี่ได้ไม่นานเท่าไหร่”
วันที่ 18 สิงหาคม ฟางผิงทะลวงขั้นสี่ ทั้งยังเข้าสู่ขั้นสี่ตอนกลางไปรวดเดียว
ตอนนี้เพิ่งจะห้าสิบวันเท่านั้น
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่หลายคน เวลาห้าสิบวัน สะพานฟ้าดินเส้นเดียวอาจสร้างไม่สำเร็จด้วยซ้ำ
“ครับ เข้าใจแล้ว แต่ครั้งนี้ผมหยุดอยู่ในขั้นสี่ตอนกลางมานานเหมือนกัน เข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายเร็วหน่อยคงไม่มีปัญหามากเท่าไหร่”
ซ่งอิ๋งจี๋ที่อยู่ด้านข้างเงยหน้ามองเพดาน
เธอหยุดในขั้นสี่ตอนกลางมานาน?
ทำไมฉันจำได้ว่าครั้งก่อนเธอเพิ่งทะลวงไปไม่กี่วันนี้เอง?
นี่เป็นการฝึกวิชาของระดับกลาง ทั้งยังเกี่ยวข้องไปถึงการปรับเปลี่ยนหัวใจ ขั้นตอนนี้เขาใช้เวลาไปนานเท่าไหร่กัน?
หนึ่งปี?
ไม่สิ สองปี?
เหมือนจะเกือบสามปี
ใช่แล้ว เกือบสามปี!