ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 315 ไม้เด่นเกินไพร (1)
ตอนที่ 315 ไม้เด่นเกินไพร (1)
วันที่ 10 ตุลาคม
พิธีเปิดการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศจัดขึ้นที่สนามกีฬาเมืองเซี่ยงไฮ้
เวลาเช้าตรู่ ด้านนอกสนามกีฬาก็มีนักข่าวมารวมตัวกันนับไม่ถ้วนแล้ว
—
“มาแล้ว!”
ในหมู่นักข่าวไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้น ไม่นานทุกคนก็หันมองไปข้างนอก
“มากันเยอะเลย!”
มีคนพึมพำเบาๆ ก่อนจะมีบางส่วนตกตะลึงไปอยู่บ้าง
ผู้ฝึกยุทธ์แต่งตัวเต็มยศนับพันพร้อมอาวุธครบมือ สำหรับคนที่ไม่ได้เข้าถ้ำใต้ดิน ยังคงเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึง
สมัยนี้ใครจะเคยเห็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันนับพันคนแบบนี้บ้างล่ะ
ในเวลานี้จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้น “รีบมองบนท้องฟ้า!”
ทุกคนงุนงงเป็นอันดับแรก ก่อนจะหันมองท้องฟ้าพร้อมเพรียงกัน
ชั่วพริบตานั้นหลายคนก็ตกตะลึงพรึงเพริง!
“ยอดฝีมือลอยบนฟ้า!”
“เยอะจังเลย!”
“ไม่ใช่มนุษย์แล้ว!”
“…”
ในฝูงชนเกิดความโกลาหลขึ้นทันที
ทุกคนเคยเห็นคลิปยอดฝีมือลอยในอากาศมาก่อน แต่ก็เห็นแค่ในคลิปเท่านั้น ทั้งยังมีเพียงคนเดียว
ตอนนี้คนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กลับลอยอยู่บนฟ้าพร้อมอาวุธนับร้อยคน นอกจากตกตะลึงแล้ว จะเป็นอะไรไปได้อีก
—
กลุ่มคนที่อยู่บนฟ้า
ตาเฒ่าหลี่ลูบวิกผมขาวที่เขาสวมอยู่ ผมปลอมนั้นปลิวสยายกับลม รู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง เอ็ดด่าว่า “แม่งเหอะ ไปเลียนแบบใครมากัน ไอ้เวรนี่ทำไมไม่ใส่เองล่ะ ใช่สิ เจ้าตัวไปอยู่ไหนกัน?”
ถังเฟิงที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าเยือกเย็น แค่นเสียงว่า “ตอนเช้าเขาให้ฉันสวมหมวกสิงโต บอกว่าน่าเกรงขาม ฉันซ้อมเขาไปชุดใหญ่ น่าจะไปลดอาการบวมอยู่”
ตาเฒ่าหลี่เงียบไปทันที
อาจารย์หลายคนที่อยู่ด้านข้างต่างกลั้นขำไม่ไหว หลัวอี้ชวนหัวเราะอยู่พักหนึ่ง เอ่ยว่า “ทำแบบนี้มีประโยชน์หรือไง?”
ตั้งแต่เช้าแขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างฟางผิงก็ไปเยี่ยมเยือนอาจารย์หลายคนที่เขตหอพักอาจารย์ทีละคน
พูดด้วยประโยคเดียวกันว่าช่วยเพิ่มความเกรงขามหน่อย
เพื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เพื่อมนุษยชาติ
ใช่แล้ว เพื่อมนุษยชาติ เพื่อกระตุ้นให้ทุกคนหันเข้าหาเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ เพื่อให้คนที่อ่อนแอเกิดความหวัง คุณทำได้ฉันก็ทำได้ วันนี้คุณลอยบนฟ้าได้ วันหน้าฉันสามารถแทนที่คุณได้เหมือนกัน
ส่วนเพื่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ นั่นแน่นอนว่าเพื่อแสดงฝีมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ให้โลกภายนอกได้ประจักษ์ ยอดฝีมือลอยบนฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วน คนภายในย่อมรู้ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจไม่ได้แข็งแกร่งกว่าปักกิ่งเสมอไป
แต่หากคนภายนอกเห็น…ก็จะมองว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งอย่างมาก!
ยอดฝีมือกลางอากาศนับร้อย ปักกิ่งมีคนเยอะขนาดนี้หรือเปล่า?
ตอนที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ความจริง ทุกคนย่อมเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็นมากกว่า
อาจารย์ของสาขายุทโธปกรณ์ นั่นจำเป็นต้องไป
อาจารย์สาขาสังคมและสาขาอื่นๆ ใคร่ครวญเอาเอง หากไม่ไป หลังจากนั้นการจัดสรรทรัพยากรของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์อาจจะลำเอียงไปทางสาขายุทโธปกรณ์อีกครั้ง
ตอนนี้ฟางผิงนั่งในตำแหน่งประธาน ทรัพยากรจึงไม่เอนเอียงไปสาขาไหนมากเท่าไหร่
เพราะปัจจุบันเงินทุนยังนับว่าเพียงพอ รวมถึงสาขาสังคมยังได้รับโอกาสไม่น้อย การแข่งขันครั้งนี้ก็เช่นกัน
นักศึกษาสาขาสังคมหลายคนมาเข้าร่วม รับผิดชอบเป็นหัวหน้างาน มีคะแนนเป็นรางวัล รวมถึงแจกจ่ายอาวุธให้โดยมีสมาคมออกให้ทั้งหมด
แม้ว่าฟางผิงจะไม่ได้กดดันอะไร แต่พวกเขาก็เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่อย่างชัดเจน ทุกคนดีต่อกันย่อมเป็นเรื่องดีกว่า ครั้งนี้ไม่ให้จุดยืนกับเขา ครั้งหน้าสาขาอื่นๆ อย่าคิดจะได้ประโยชน์อะไรเลย
ทั้งคืนฟางผิงจึงรวบรวมกองทัพอาจารย์เกือบสองร้อยคนขึ้นมาได้ นี่ถึงทำให้ทุกคนได้เห็นภาพยอดฝีมือลอยในอากาศจำนวนมาก
เฉินเจิ้นหวาคณบดีสาขาสังคมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จากความเข้าใจของฉัน เจ้าเด็กนี่กำลังสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ขึ้นมา สุราดีย่อมไม่กลัวตรอกลึก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยากพัฒนาให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ดีเยอะๆ หน่อย ยังคงช่วยได้ไม่น้อย ให้โลกภายนอกรู้ว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของเราแข็งแกร่งขนาดไหน ถือโอกาสดึงอุตสาหกรรมบางส่วนของพวกเราให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ประโยชน์นั้นมีอยู่แล้ว”
ถังเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “แม้ฉันจะไม่ค่อยชอบวิธีนี้เท่าไหร่ แต่ประโยชน์ฉันยังพอเข้าใจ เพียงแค่เขาทำแบบนี้ ฉันกลัวว่าจะจบไม่สวย ช่วงนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จองหองอวดตัวเกินไป จองหองจนทำให้คนบางส่วนเกิดความไม่พอใจ คนอื่นยังไม่พูดถึง ทางมหาวิทยาลัยปักกิ่งนั้น…การแข่งขันแลกเปลี่ยนที่จัดปลายปีเกรงว่าคงจะไม่จบง่ายๆ แล้ว”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะอย่างดูแคลน “กลัวปักกิ่ง? หากกลัวจริงๆ ตอนนี้เซี่ยงไฮ้ยังจะถังแตกอยู่น่ะสิ กลัวไปทำไมกัน!”
ถังเฟิงไร้คำจะพูด “ไม่ใช่กลัว เห็นความเป็นจริงต่างหาก ตอนนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่อยู่สิบแปดคน ขั้นสี่ตอนปลายสี่คน ขั้นสี่สูงสุดหนึ่งคน เซี่ยงไฮ้ล่ะ? ขั้นสี่ตอนปลายมีคนเดียว ขั้นสี่สูงสุดไม่มีสักคน!”
“เฉินเหวินหลงเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดแล้ว” อาจารย์ขั้นหกที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
ถังเฟิงไม่แปลกใจเช่นกัน พยักหน้าว่า “ได้ งั้นก็มีขั้นสี่สูงสุดหนึ่งคน แต่เฉินเหวินหลงเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่หานซงหรือไง?”
ตาเฒ่าหลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิงไง เจ้าเด็กนั่นไม่ใช่ใกล้จะเข้าสู่ตอนปลายแล้วเหรอ? ถึงปลายปีอาจจะทะลวงขั้นสูงสุดก็ได้ อีกอย่างจางอวี่ไปถ้ำใต้ดินยังไม่กลับมา มีโอกาสทะลวงตอนปลายสูง ขั้นสูงสุดก็มีหวังเหมือนกัน ส่วนฉินเฟิ่งชิงถึงปลายปีอาจทะลวงตอนปลายได้ ไอ้หนูนี้ไม่กี่วันก่อนไปกวาดรังระดับสูงกับฟางผิงมา ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปหลบตัวฝึกวิชาอยู่ที่ไหน เซี่ยเหล่ยบางทีปลายปีอย่างน้อยสุดอาจทะลวงขั้นสี่ตอนกลางได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนกำลังพยายามทะลวงตอนกลางและตอนปลายอยู่ ถึงการแข่งขันแลกเปลี่ยน ขั้นสี่สูงสุดจะมีสองคน ตอนปลายอีกหลายคน ไม่จำเป็นต้องกลัวปักกิ่งเกินไป”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ…” ถังเฟิงถอนหายใจ “หลี่หานซงยังคงเป็นภัยคุกคามขนาดใหญ่ หากการแข่งขันแลกเปลี่ยนแพ้ให้กับปักกิ่ง สิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดในตอนนี้ก็จะกลายเป็นของปักกิ่งทันที”
ตอนนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งเก็บตัวเงียบ คงจะรอการแข่งขันแลกเปลี่ยนเปิดฉากขึ้น
หากปักกิ่งเอาชนะเซี่ยงไฮ้ งั้นสิ่งที่เซี่ยงไฮ้ทำมาทั้งหมดก็เหมือนเป็นการบริการให้กับปักกิ่ง
เซี่ยงไฮ้ของนายแข็งแกร่งขนาดนี้ยังพ่ายแพ้ให้กับปักกิ่งได้ งั้นปักกิ่งต้องแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ยิ่งลึกลับยิ่งดึงดูดความสนใจของคนได้มากกว่า
เมื่อเริ่มปีใหม่เกรงว่านักศึกษาอัจฉริยะจะหลั่งไหลไปหาปักกิ่งทั้งหมด
ยิ่งมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แสดงตัวว่าแข็งแกร่งมากแค่ไหน ข้อดีที่ปักกิ่งเอาชนะเซี่ยงไฮ้ได้ก็จะมีมากเท่านั้น กลัวก็แต่ว่าคู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งไม่พอ ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งแสดงความแข็งแกร่งตัวเองให้เห็นเด่นชัด
อาจารย์ทุกคนกำลังถกเถียงกัน ฝูงชนข้างนอกก็ร้องเชียร์ขึ้นมาอีกครั้ง
ที่ไกลๆ นั้นฟางผิงในชุดสีขาวเหาะกลางอากาศมาอย่างว่องไว
พวกนักศึกษาในสมาคมคนอื่นๆ ต่างแต่งกายด้วยชุดสีดำ ฟางผิงกลับใส่สีขาวมาคนเดียว ยิ่งขับความเด่นให้ตัวเองมากขึ้น
พวกอาจารย์เห็นแทบอยากจะอัดคนอยู่บ้าง
แม่งเหอะ ไอ้หนูนี้กล้าทำจริงๆ ทุกคนเหมือนกลายเป็นตัวประกอบของเขาไปแล้ว
ฟางผิงลอยในอากาศด้วยความเร็วอย่างยิ่ง
ไม่นานฟางผิงก็ร่วงลงที่หน้าประตูสนามกีฬา
พอเท้าเหยียบบนพื้นดิน แสงวูบวาบก็ปรากฏขึ้นนับไม่ถ้วน
ฟางผิงยกมือบังเล็กน้อย ด้านหลังมีผู้ฝึกยุทธ์ในชุดเต็มยศนับพัน ตะโกนพร้อมเพรียงกันว่า “ผู้นำของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็คือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ของพวกเรา!”
พวกนักข่าวต่างตื่นเต้นขึ้นมา นี่จะ…ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดแล้ว!
มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง นี่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน
แม้ว่าช่วงนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะแสดงฝีมือได้ไม่เลว แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่เซี่ยงไฮ้ก่อตั้งขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ มหาวิทยาลัยปักกิ่งเป็นอันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อันดับสอง
ตอนนี้อาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มารวมตัวกัน นักข่าวนับไม่ถ้วนอยู่ด้านข้าง
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตะโกนสโลแกนว่า ‘ผู้นำของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้’ ออกมา นี่จะให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งวางตัวเองไว้ที่ตำแหน่งไหนกัน?
—
พวกอาจารย์ที่อยู่กลางอากาศทยอยสู่พื้น กลับไม่มีใครพูดอะไร
สโลแกนนี้…ฟางผิงให้พวกเขาตะโกนเหมือนกัน ปรากฏว่าพวกอาจารย์เกือบจะอัดเขาตายแล้ว
น่าอายเกินไป พวกเขาไม่ทำหรอก
พวกนักศึกษาตะโกนกันก็แล้วไป จะในตำราหรือวิทยายุทธ์ต่างไม่มีใครเป็นหนึ่งในใต้หล้า แม้ว่าจะด้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งอยู่บ้าง แต่พวกนักศึกษาตะโกนออกมา มหาวิทยาลัยปักกิ่งจะทำอะไรได้?
มีความสามารถ พวกนายก็รวมกลุ่มนักศึกษาให้ไปตะโกนแค่นั้น ไม่มีใครขวางสักหน่อย
ทั้งจากที่ฟางผิงพูด นี่ยังเพิ่มความรู้สึกมีเกียรติศักดิ์ศรีให้พวกนักศึกษา กระตุ้นให้นักศึกษาเดินไปข้างหน้า สร้างแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในการต่อสู้ให้ทุกคน
ไม่ถึงขั้นสาม ห้ามเข้าถ้ำใต้ดิน พวกนักศึกษายังคงขาดแรงจูงใจอยู่บ้าง
หลังจากนี้ต้องแข่งขันกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งอีกหลายครั้ง หากชนะ ทุกคนก็จะมีความมั่นใจขึ้นมาหน่อย หากพ่ายแพ้…ความอัปยศอดสูแบบนั้นจะทำให้ทุกคนยิ่งพยายามมากกว่าเดิม
นี่เป็นสาเหตุที่พวกอาจารย์ไม่ต่อต้านฟางผิงที่ให้พวกนักศึกษาตะโกนสโลแกนเช่นนี้ออกมา