ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 318 ให้ความสำคัญผมเกินไปแล้ว (1)
ตอนที่ 318 ให้ความสำคัญผมเกินไปแล้ว (1)
ตอนเย็นหนึ่งทุ่ม
ฟางผิงเช็ดทำความสะอาดดาบยาวแล้ว เห็นได้ชัดว่ายังลังเลอยู่บ้าง ท้ายที่สุดก็วางดาบลง
ครั้งนี้อาจไม่ได้ใช้เสมอไป พกดาบไปกลับจะเป็นภาระมากกว่า
“มีระดับสูงสี่คนคุ้มกัน หากยังตายอีก ฉันคงเป็นคนดวงกุดแล้วจริงๆ”
ฟางผิงพึมพำเสียงเบา ภารกิจนี้ความเสี่ยงไม่ได้สูงมาก
เก็บสัมภาระคร่าวๆ แล้วก็ตรวจสอบยาบำรุงในกระเป๋าเล็กน้อย ฟางผิงมียาฟื้นคืนชีวิตทั้งหมดสิบเอ็ดเม็ด ขอแค่ไม่ตายในชั่วพริบตา ยังคงมีทางช่วยชีวิตอยู่แล้ว
—
ด้านนอกประตูมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
จางอวี่เฉียงพยักหน้าเล็กน้อย เปิดประตูรถว่า “เชิญประธานฟาง!”
“หัวหน้าจางเกรงใจเกินไปแล้ว”
ฟางผิงขึ้นรถ นี่เป็นรถส่วนตัวของจางอวี่เฉียง ด้านหน้าเป็นคนขับรถของเขาเอง
ฟางผิงขึ้นรถแล้วก็มองคนขับรถแวบหนึ่ง ถอนหายใจไม่พูดอะไรอีก
จางอวี่เฉียงรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ กลับไม่ได้อธิบายอะไร
เพื่อความสมจริง เพื่อให้คนพวกนั้นเชื่อ ทางหนานเจียงจำเป็นต้องแสดงให้เห็น
จางอวี่เฉียงมาร่วมเดินทางกับฟางผิงมุ่งหน้าไปยังหนานเจียง นี่ถือเป็นเค้าลางความร่วมมือระหว่างหนานเจียงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ฟางผิงซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่เชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และหนานเจียงมุ่งหน้าไปหนานเจียงปรึกษาหารือเรื่องความช่วยเหลือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากหนานเจียงไม่โผล่หน้าออกมาสักนิด นั่นคงหมายความว่าทางหนานเจียงเฉยเมยเกินไป ไม่สอดคล้องกับท่าทีของจางติ้งหนาน
ฟางผิงขึ้นรถแล้วก็เริ่มหลับตารวบรวมสมาธิ เห็นได้ชัดว่าไม่มีอารมณ์จะพูดคุย
จางอวี่เฉียงไม่พูดอะไรเช่นกัน มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าในใจคิดอะไรอยู่
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
โรงอาหารชั้นสอง
ตาเฒ่าหลี่ยกแก้วสุรา ค่อยๆ จิบทีละคำอย่างพอใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่เป็นเหล้าที่ฉันเก็บไว้สิบปีก่อน นึกไม่ถึงว่ายังอยู่ รสชาติไม่เลวจริงๆ”
หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ตรงข้ามกลับดื่มหมดรวดเดียว เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฉันคิดว่านายจะมอบกระบี่อมตะให้เขาสืบทอดต่อซะอีก ทำไมไม่มีล่ะ?”
“ช่างเถอะ ไม่ใช่ของดีอะไร”
ตาเฒ่าหลี่แค่นยิ้ม “ฉันบ่มเพาะกระบี่อมตะมาเป็นสิบปี ทำใจไม่ได้เหมือนกัน”
“นายไม่ได้ชักดาบออกมากว่าสิบปีแล้ว?”
“เหมือนจะอย่างนั้น”
“สิบปีลับกระบี่ กระบี่นี้ของนายขัดเกลายังไงบ้าง?”
“ไม่รู้”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะ “มีทั้งความแค้น ความขุ่นเคือง ความโมโห ความไม่พอใจ กระบี่นี้ฉันเก็บมาสิบปี บางทีอีกไม่นานยุทธภพอาจจะมีตำนานของหลี่ฉางเซิงขึ้นมาอีกครั้ง หนึ่งกระบี่สังหารเทพ เธอคิดว่ายิ่งใหญ่พอหรือเปล่าล่ะ?”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ตอบ ตาเฒ่าหลี่ยกแก้วขึ้นดื่มจนหมดเกลี้ยงก่อนจะหยัดกายขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะไปดูหน่อย”
“นายไปมีประโยชน์อะไร? ติดตามไปตั้งสี่คน ไม่จำเป็นต้องให้นายลงมือหรอก?”
“ดูเรื่องสนุก ถือโอกาสสอดแนมสถานการณ์ด้วย ฆ่าขั้นเจ็ด ฉันไม่อยากทำเท่าไหร่!”
“ฮ่าๆๆ…”
ตาเฒ่าหลี่หัวเราะลั่น เคลื่อนไหวเล็กน้อย ก่อนจะกระโดดออกไปจากหน้าต่าง
หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้ตามไป ยังคงดื่มเหล้าจมดิ่งกับความคิด
—
หนานเจียง
ทำเนียบผู้ว่า
ในห้องประชุมเล็กตอนนี้มีคนนั่งอยู่เจ็ดคน เป็นระดับสูงของหนานเจียงทั้งหมด
ทุกคนต่างเงียบกริบ จวบจนจางติ้งหนานเดินเข้ามาจึงค่อยไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบยกใหญ่
จางติ้งหนานพยักหน้าเล็กน้อย เดินมานั่งที่ตำแหน่งด้านหน้าสุด เอ่ยว่า “ทุกคน ถ้ำใต้ดินหนานเจียงกำลังจะอุบัติขึ้น รัฐบาลกลางและหน่วยทหาร รวมถึงหนานเจียงเองต่างกำลังเตรียมพร้อมเต็มกำลัง แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ขอการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนจะเป็นประโยชน์มากกว่า ในนั้นมีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นตัวสำคัญ! มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มียอดฝีมือระดับสูงสามคน รวมถึงราชาอสรพิษขั้นแปด ขั้นหกนับสิบคน ระดับกลางอีกนับร้อย”
“นี่เป็นพลังแข็งแกร่งที่เทียบได้กับโลกของผู้ฝึกยุทธ์หนานเจียง ดังนั้นเป้าหมายสำคัญต่อจากนี้ของพวกเราคือการได้รับความสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ดีที่หนานเจียงของเราให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างไม่ขาดสาย ฟางผิงจากหยางเฉิงอยู่ในตำแหน่งประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เซี่ยงไฮ้ รักในบ้านเกิดเมืองนอน มีใจอยากช่วยเหลือหนานเจียง แต่เสาต้นเดียวค้ำตึกหลังใหญ่ไม่ได้ ฟางผิงไม่สามารถตัดสินใจได้ในทันทีเช่นกัน ตอนนี้ฉันให้หัวหน้าอวี่เฉียงมุ่งหน้าไปเซี่ยงไฮ้ เจรจากับฟางผิง ตอนนี้ได้เรื่องได้ราวแล้ว เย็นนี้ฟางผิงจะกลับมาพูดเรื่องนี้กับพวกเราอย่างละเอียดที่หนานเจียง ทุกคนที่นั่งตรงนี้เป็นเสาหลักที่สำคัญของหนานเจียง เย็นนี้ทุกคนมาร่วมพูดคุยกัน จะต้องพูดเกลี้ยกล่อมฟางผิงให้ได้”
สิ้นเสียงของจางติ้งหนาน ชายวัยกลางคนชุดทหารคนหนึ่งก็เอ่ยว่า “ผู้ว่า ฟางผิงจะเกลี้ยกล่อมมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้งั้นเหรอ?”
“มีโอกาสสูง อาจารย์ของฟางผิงคือหลู่เฟิ่งโหรว อู๋ขุยซานเป็นสามีของหลู่เฟิ่งโหรว แม้โลกภายนอกจะลือว่าไม่ลงรอยกัน แต่ข่าวลือยังไงก็เป็นแค่ข่าวลือ ทั้งฟางผิงเองตอนนี้ยังมีอำนาจในการพูดในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์นับไม่ถ้วน เขาก้าวหน้าว่องไว อธิการจางสละชีพ แม้อู๋ขุยซานจะอยู่ขั้นแปด แต่เพราะปัญหาเรื่องแนวคิด จึงไม่ได้รับความเห็นชอบจากคนส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แม้ฟางผิงจะมาโดดเด่นทีหลัง แต่อาจารย์หลายคนยังคิดว่าอีกไม่นานฟางผิงอาจจะเข้าสู่ขั้นเจ็ดได้ ถึงเวลานั้น…อู๋ขุยซานอาจไม่เหมาะเป็นอธิการอีกแล้ว”
“ผู้ว่าประเมินฟางผิงสูงเกินไปหรือเปล่า? มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีอัจฉริยะไม่ใช่น้อย รวมถึงศิษย์เก่าหลายคนที่จบไปแล้ว บางคนจบด้วยขั้นห้า ฟางผิงเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่…”
“พูดแบบนี้ไม่ได้ ทุกคนเริ่มต้นไม่เหมือนกัน ขั้นห้าพวกนั้นทุกคนรู้แก่ใจดี ล้วนมีครอบครัวสนับสนุน แต่ฟางผิง ไม่มีครอบครัวคอยช่วยเหลือ ทั้งยังก้าวหน้าไวกว่าคนพวกนั้นอีก คนที่ไม่มีครอบครัวสนับสนุนอย่างฟางผิง เหมาะจะรับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มากกว่า ตอนนี้คนที่มีคุณสมบัตินี้ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่ได้มีเยอะ รวมถึงพวกหวงจิ่ง อันที่จริงต่างมีเบื้องหลังทางครอบครัว นี่เป็นเรื่องดีทั้งเป็นเรื่องแย่เช่นกัน อย่างน้อยรับช่วงต่อมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ทุกคนจะกังวลว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อาจจะกลายเป็นกองกำลังส่วนตัวของตระกูลใดตระกูลหนึ่งหรือเปล่า…”
ระหว่างที่พูด จางติ้งหนานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เป้าหมายของพวกเราไม่ได้อยู่ที่ใครรับช่วงต่อหลังจากนั้น แต่อยู่ที่ปัจจุบัน ตอนนี้ฟางผิงยังคงมีอำนาจในการพูดในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากเขาสนับสนุนเต็มที่ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อาจเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งอยู่แล้ว”
ในห้องประชุมมีคนเอ่ยเบาๆ ว่า “ครั้งนี้ฟางผิงกลับมาหนานเจียงจะเกิดปัญหาหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้พิธีเปิดการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ เขาวางท่าทีชัดเจน ต้องการกวาดล้างลัทธินอกรีต หากเรื่องที่เขาตั้งใจช่วยเหลือหนานเจียงถูกพวกนอกรีตรู้เข้า…”
จางติ้งหนานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้พวกเราครุ่นคิดมาแล้วเหมือนกัน ฉันให้หัวหน้าอวี่เฉียงไปคุ้มกันฟางผิงกลับหนานเจียงด้วยตัวเอง…ทั้ง…หากลัทธินอกรีตกล้าทำอะไรจริงๆ ครั้งนี้จะให้พวกเขาได้เจอบทเรียนจังๆ!”
“ผู้ว่าหมายความว่า…”
“ผู้เฒ่าหลิวกลับไปแล้ว”
ทุกคนต่างถอนหายใจ ชายวัยกลางคนชุดทหารเอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “งั้นคงไม่มีปัญหาแล้ว ผมก็ว่าสองวันนี้ทำไมไม่เห็นผู้เฒ่าหลิว มีปรมาจารย์ยอดฝีมือคุ้มกัน ย่อมไม่เกิดความผิดพลาดอย่างแน่นอน”
จางติ้งหนานพยักหน้าว่า “ฉันก็ตระหนักถึงเรื่องพวกนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงรบกวนผู้เฒ่าหลิวเทียวมาครั้งหนึ่ง นอกจากนี้…”
จางติ้งหนานมองไปยังทุกคน “เพื่อให้ทุกอย่างราบรื่น พวกเราไม่ควรออกไปข้างนอกเหมือนกัน นั่งอยู่ในนี้สักพัก ถือโอกาสคุยเรื่องอื่นไปด้วยระหว่างที่รอฟางผิงเข้ามา ทุกคนว่าเป็นยังไง?”
ในนั้นมีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นี่ผู้ว่ากังวลกระทั่งพวกเรา? ช่างเถอะ งั้นก็คุยเรื่องสำคัญกัน ขับรถจากเซี่ยงไฮ้มาหนานเจียงแค่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น ฟางผิงออกเดินทางแล้วหรือยัง?”
“ออกมาแล้ว ตอนนี้คงใกล้จะออกมาจากเซี่ยงไฮ้แล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ถามอะไรอีก ยังไงก็นั่งอยู่ในห้องประชุม รู้หรือไม่รู้แทบไม่แตกต่างอะไร
—
สามทุ่ม
ฟางผิงที่หลับตามาตลอดทางจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น “ถึงไหนแล้วเหรอครับ?”
“เมืองเจี้ยนอัน”
“งั้นก็ใกล้แล้ว ผ่านเจี้ยนอันก็จะเข้าสู่เขตหนานเจียง”
ระหว่างที่พูด ฟางผิงยังเปิดหน้าต่างรถ ลมยามราตรีพัดโชยเข้ามาพาให้เหน็บหนาว
“ครั้งนี้ไปหนานเจียง ถ้ำใต้ดิน…” ฟางผิงพูดไม่ทันจบก็ชะงักไปเล็กน้อย “พูดตรงนี้ได้ใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร เหล่าเฉินรู้เรื่องถ้ำใต้ดินแล้ว”
“งั้นก็ดี” ฟางผิงพูดต่อ “เรื่องถ้ำใต้ดิน ในความเห็นของผมยังไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้ำใต้ดินยังไม่อุบัติขึ้น เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบ กลับเป็นลัทธินอกรีต นี่เป็นภัยร้ายที่แฝงอยู่ภายใน ครั้งก่อนผมไปทำภารกิจที่หนานเจียง ลัทธินอกรีตกำเริบเสิบสานอย่างมาก นึกไม่ถึงว่าจะล้อมโจมตีผู้ฝึกยุทธ์นับพัน ปัญหานี้ต้องให้ความสำคัญ ถ้าหนานเจียงและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ร่วมมือกัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือกวาดล้างปัญหาของลัทธินอกรีตในหนานเจียงอีกครั้ง…”