ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 318-2 ให้ความสำคัญผมเกินไปแล้ว (2)
ตอนที่ 318 ให้ความสำคัญผมเกินไปแล้ว (2)
จางอวี่เฉียงพยักหน้าว่า “เรื่องนี้ผู้ว่าก็ให้ความสำคัญเช่นกัน แต่ตอนนี้ลัทธินอกรีตแฝงตัวอย่างมิดชิด ประธานฟางน่าจะรู้ว่าคนพวกนี้เป็นคนทั่วไปเหมือนกัน บางครั้งถึงกระทั่งเบื้องหน้ามีตัวตนอื่นอำพรางอยู่ ยากที่จะตรวจสอบ…”
“อยู่ที่ว่าใส่ใจหรือเปล่า สุดท้ายยังคงมีร่องรอยอยู่แล้ว ทางหนานเจียงลงแรง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ย่อมช่วยเหลือ ถึงกระทั่งช่วยติดต่อรุ่นพี่บางคนที่จบไปแล้วได้ คนพวกนี้ต่างมีตำแหน่งสูงในแต่ละพื้นที่ ทุกคนร่วมมือกันวางตาข่ายดักจับ กลุ่มคนต่ำทรามพวกนั้นยังจะซ่อนตัวได้ลึกแค่ไหนกันเชียว?”
ระหว่างที่พูด จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยว่า “นี่อยู่บนทางด่วนของอันเจียงสินะครับ? ”
จางอวี่เฉียงชะเง้อมอง พยักหน้าเล็กน้อย “ทางด่วนอันเจียงตอนกลางคืนไม่ค่อยมีคนอยู่แล้ว”
ฟางผิงยังคงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะกระโดดออกจากหน้าต่างขึ้นไปยืนอยู่บนรถ
“ผู้เฒ่าหลิว อยู่หรือเปล่าครับ?”
“ผู้เฒ่าหลิว?”
ฟางผิงเรียกอยู่หลายครั้ง ผ่านไปสักพัก ในความมืดก็มีเงาร่วงมาจากบนฟ้า หลิวพั่วหลู่ปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าเขา
ฟางผิงราวกับโล่งอก กระซิบว่า “ผู้เฒ่าหลิว ไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่มีอะไร ฉันเฝ้าอยู่ด้านหลัง ลัทธินอกรีตไม่ได้ใจกล้าขนาดนั้นหรอก”
“ลำบากผู้เฒ่าหลิวแล้ว กลับไปผมจะเลี้ยงเหล้าคุณ”
หลิวพั่วหลู่หัวเราะ กระโดดตัวขึ้นหายวับไปกับความมืดอีกครั้ง
ฟางผิงกลับเข้าไปในรถเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลอนตัวเองซะแล้ว ไม่มีอะไรครับ ผู้เฒ่าหลิวตามอยู่ข้างหลัง มีปรมาจารย์อยู่ ในใจก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาไม่น้อย พูดตามตรง ตอนนี้ผมไม่ค่อยกล้าออกจากเซี่ยงไฮ้ เรื่องของลัทธินอกรีตยังไม่คลี่คลาย คงไม่อาจวางใจได้ ผมยังอยากให้ครอบครัวย้ายมาอยู่ในเซี่ยงไฮ้ด้วยซ้ำ ทางหนานเจียงไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่”
“ประธานฟางกังวลเกินไปแล้ว ในหนานเจียงยังคงมีหลักประกันความปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงของพวกนอกรีตไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น ยอดฝีมือของพวกเราจับตามองอย่างเข้มงวด พวกเขาไม่กล้าเสี่ยงโผล่หัว…”
จางอวี่เฉียงพูดไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ฟางผิงก็ตะโกนว่า “วิ่ง!”
สิ้นเสียงนั้น ฟางผิงก็กระโดดออกจากหน้าต่างรถอย่างรวดเร็ว ไม่คิดจะหยุดพัก แตะปลายเท้ากับพื้นกระโดดขึ้นอีกครั้ง หายไปจากตรงนั้นในชั่วพริบตา
จางอวี่เฉียงที่อยู่บนรถปฏิกิริยาว่องไวเช่นกัน กระโดดหนีออกจากหน้าต่างทันที!
ทั้งสองเพิ่งจะออกจากรถ หน้าต่างกระจกรถก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนรถยนต์จะแปรสภาพราวกับแป้ง ถูกบีบจนแบนราบในชั่วพริบตา
คนขับรถไม่สามารถวิ่งออกมาได้ ถึงกระทั่งอาจจะตายตั้งแต่ถูกบีบอัดแล้ว
“หนีไม่พ้นหรอก!”
กลางอากาศมีเสียงหัวเราะดังขึ้น ไล่ตามฟางผิงไปอย่างไม่ลดละ
ด้านหลังนั้นหลิวพั่วหลู่เพิ่งจะปรากฏกาย ด้านข้างก็มีคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สหายหลิว พวกเรามาคุยกันหน่อยเป็นไง…”
หลิวพั่วหลู่คำรามเสียงดัง “ใจกล้าไม่เบา นึกไม่ถึงว่าจะกล้าลงมือกับสองผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดผู้ยิ่งใหญ่!”
“พวกนายสมควรตายแล้ว เป็นคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กลับไม่อยู่ที่นั่นดีๆ นายวิ่งโร่มานั่งรักษาการณ์ที่หนานเจียง เจ้าเด็กนั่นก็กางเล็บวางอำนาจ ครั้งนี้ฆ่าพวกนายแล้ว ดูสิว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ยังจะกล้าออกหน้าหรือเปล่า!”
ในความมืด มีเงาหนึ่งทะลวงฝ่าอากาศออกมา แสงสว่างจ้านั้นพุ่งตรงหาศีรษะของหลิวพั่วหลู่ทันที
—
ในเวลาเดียวกัน
ฟางผิงคำรามเสียงดัง กระโดดหนีออกมานับสิบเมตร ใบหน้านั้นมีเลือดไหลออกมา พยายามต้านแรงกดดันจากอีกฝ่าย
“เอ๋…เอานายไว้ไม่ได้จริงๆ!”
กลางอากาศ ยอดฝีมือของพวกนอกรีตแค่นเสียงอย่างดูแคลน เห็นได้ชัดว่าแปลกใจอยู่บ้าง แม้จะอยู่ไกลกัน แต่ฟางผิงสามารถต้านแรงกดดันจากพลังจิตใจของเขาได้ นี่ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
“พวกผู้อาวุโสไปอยู่ไหนกัน!”
ฟางผิงวิ่งหนีตายอย่างบ้าคลั่ง ตะโกนเสียงดัง
ยังมียอดฝีมืออีกสามคน คนไปไหนซะล่ะ?
“มาแล้ว!”
เสียงของเถียนมู่ลอยมาแต่ไกล เวลาชั่วพริบตาก็กระโดดลงมาจากฟ้า พุ่งหมัดเข้าหายอดฝีมือของพวกนอกรีต
เปรี้ยง!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว
ไม่นานเฉินเย่าถิงก็กระโดดลงมาจากอากาศ หัวเราะเสียงดัง “ไอ้หนูฟาง ไม่เลวนี่นา นึกไม่ถึงว่าจะล่อขั้นแปดออกมาได้หนึ่งคน ขั้นเจ็ดอีกสองคน เพื่อชีวิตเล็กน้อยของเธอ นี่ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตจะทุ่มสุดกำลังแล้ว!”
ฟางผิงที่วิ่งออกมาไกลเกือบพันเมตรแล้ว เผยใบหน้าซีดเผือด ตะโกนอย่างโมโหว่า “ไอ้พวกนอกรีตเวร รอดูเถอะ ฆ่าฉันจำเป็นต้องใช้ระดับสูงเยอะขนาดนี้เลยหรือไง?”
“เหอะ!”
เสียงแค่นในลำคออย่างดูแคลนนั้นดังก้องในอากาศ
ฟางผิงประเมินตัวเองสูงเกินไป!
ครั้งนี้ลัทธินอกรีตส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดมาหนึ่งคน ขั้นเจ็ดอีกสองคน ใช้จัดการฟางผิงแค่หนึ่งในนั้น ส่วนที่เหลือมาเพื่อหลิวพั่วหลู่ต่างหาก
สี่ปรมาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อธิการจางยอดฝีมือขั้นแปดตายในสงคราม หากหลิวพั่วหลู่ที่อยู่ขั้นเจ็ดพินาศไปอีกคน งั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ทำได้เพียงเฝ้าระวังอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ไม่อาจมาประสมโรงกับคนอื่นได้อีก
ฟางผิงกลับคิดว่าระดับสูงทั้งสามมาเพื่อฆ่าเขา ช่างน่าขำจริงๆ
“โค่วเปียนเจียง เถียนมู่ เฉินเย่าถิง…ดีๆๆ นึกไม่ถึงว่ายังตกหลุมพรางของพวกนาย แต่พวกนายคิดหรือว่าจะเอาชนะได้จริงๆ?”
ในอากาศมียอดฝีมือของลัทธินอกรีตแค่นเสียงอย่างเยือกเย็น ปลดปล่อยพลังจิตใจออกมาชั่วพริบตา ทั่วทั้งท้องฟ้าราวกับถูกชะงักหยุดนิ่ง
“ฆ่า!”
เสียงที่เยียบเย็นของชายชราดังสะท้านฟ้า ไกลๆ นั้นโค่วเปียนเจียงราวกับกลายร่างเป็นพระพุทธรูปร่างทอง ทั่วร่างประกายแสงสว่างจ้า แสงสีทองเคลื่อนย้ายหายวับไปชั่วพริบตา ก่อนจะปรากฏขึ้นบนหัวของผู้ที่เปล่งเสียงก่อนหน้านี้
ทางเถียนมู่ก็คำรามเสียงดัง หมัดประกายแสงสีทองทะลวงผ่านอากาศราวกับจะฉีกกระชากท้องฟ้า แสงนั้นสะท้องกับความมืดจนสว่างจ้า
“เถียนมู่!”
ยอดฝีมือนอกรีตที่ตามฆ่าฟางผิงก่อนหน้านี้แผดเสียงร้อง โล่แผ่นหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าโดยพลังจิตใจ
ครู่ต่อมา ฟางผิงที่ยังคงวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่งก็ได้ยินเสียง ‘เคร้ง’ ดังก้องขึ้นอย่างชัดเจน
หมัดของเถียนมู่ราวกับโจมตีถูกโล่โลหะผสม ชั่วพริบตาก็ทำลายโล่จนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
“เหล่าเฉิน ไปช่วยผู้เฒ่าหลิว!”
เฉินเย่าถิงที่คุมทัพด้านหลังไม่ลังเลเช่นกัน เถียนมู่ควบคุมอีกฝ่ายแล้ว กลับเป็นหลิวพั่วหลู่ที่ถูกสกัดไว้
“วันนี้จะฆ่าพวกนายสามคน ดูสิว่าพวกนายจะฆ่าได้สักกี่คน!”
เถียนมู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ร่างทองนั้นประกายแสงวาววับ สะท้อนรอบๆ จนสว่างไสวไปหมด
—
ในเวลาเดียวกัน
ฟางผิงที่วิ่งออกมาเกือบสองพันเมตรก็หยุดฝีเท้าลง บ่นพึมพำไม่หยุด
ยอดฝีมือระดับสูงตั้งสามคน!
ยังมียอดฝีมือร่างทองขั้นแปดอีกหนึ่งคน
นี่หากเขาไม่เชิญยอดฝีมือขั้นแปดสองคนมาคุมทัพคงต้องรอตายอย่างเดียว หลิวพั่วหลู่ย่อมไม่รอดเหมือนกัน
ครั้งนี้ดาบของจางติ้งหนานแทบจะได้กำไรเต็มๆ
ยอดฝีมือสี่คนนี้แทบพูดได้ว่าฟางผิงเป็นคนเชิญมาเอง รวมถึงหลิวพั่วหลู่ นั่นก็เป็นอธิการกิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เช่นกัน
‘เปรี้ยง!’
เสียงดังสนั่นไปทั่วฟ้า
ที่นี่มีคลื่นพลังงานเข้มข้น แม้จะอยู่ห่างขนาดนี้ ฟางผิงยังคงรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน
ตอนที่เห็นกลุ่มสองสีทองลอยมาทางตัวเอง ฟางผิงก็หวาดผวาทันที ตะโกนว่า “ผู้เฒ่าโค่ว อย่ามาทางนี้ๆ!”
ระหว่างที่ตะโกน ยังคงวิ่งไปอีกทางอย่างบ้าคลั่ง
ผลปรากฏว่าด้านหน้ากลับมียอดฝีมือขั้นเจ็ดสามคนประมือกันอยู่ สู้จนพื้นดินแยก ก้อนหินแตกกระจัดกระจาย ฟางผิงกัดฟันเปลี่ยนทิศทางอีกครั้ง วิ่งไปทางอื่นแทน
ยอดฝีมือระดับสูงประมาณเจ็ดคน ร่างทองสามคนกำลังประมือกัน ตอนนี้แม้ว่าจะไม่เข้าร่วมสงคราม ฟางผิงก็รับรู้ถึงแรงกดดันและภัยอันตรายอย่างไม่สิ้นสุดเช่นกัน
หากไม่ระวังถูกติดร่างแหไปด้วย นั่นมีแต่ตายเท่านั้น
ไกลๆ นั้นราวกับมีลมหายใจของระดับสูงโผล่ขึ้นมาอีก ฟางผิงไม่รู้ว่าเป็นคนของลัทธินอกรีตหรือปรมาจารย์ยอดฝีมือในพื้นที่เข้ามาสนับสนุน
ฟางผิงไม่กล้ารั้งตัวอยู่นาน ตอนนี้เขาอยากจะหนีออกไปจากพื้นที่การต่อสู้นี้ด้วยซ้ำ
ยอดฝีมือพวกนี้ทำสงครามใหญ่ ไม่อาจสนใจเขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ได้อยู่แล้ว
“บอกว่าอย่าวิ่งมาทางผม!”
ฟางผิงหนีตายอย่างบ้าคลั่งพร้อมทั้งก่นด่าไปด้วย พวกเถียนมู่และหลิวพั่วหลู่ต่างควบคุมอีกฝ่ายได้แล้ว
แต่โค่วเปียนเจียงอยู่ระดับเดียวกับอีกฝ่าย ไม่อาจควบคุมยอดฝีมือขั้นแปดคนนั้นได้ ทั้งสองคนต่อสู้กันพลางเคลื่อนที่มาทางเดียวกับเขา
แม้ว่าพวกเขาจะประมืออย่างไม่หยุดหย่อน แต่ฟางผิงหนีตายสุดกำลังแล้วก็ยังไม่อาจเร็วเท่าพวกเขา
“ผมจะเลี้ยว พวกคุณก็เลี้ยว คิดอะไรกันอยู่เนี่ย!”
ฟางผิงโมโหจนอยากกระอักเลือด ผู้เฒ่าโค่วจงใจหรือไง?
ขั้นแปดสองคนปะทะกัน ฉันคลาดไปนิดเดียวก็เหลือครึ่งชีวิตได้แล้ว ไปสู้กันไกลๆ หน่อยได้หรือเปล่า?