ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 319 เท่ไม่เกินสามวิ (1)
ตอนที่ 319 เท่ไม่เกินสามวิ (1)
เมืองเจี้ยนอัน
ตอนนี้ทั่วทั้งเจี้ยนอันต่างได้ยินเสียงสนั่นหวั่นไหวจากข้างนอกเมือง
ผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้ชานเมืองถึงกระทั่งสามารถเห็นแสงสีทองในอากาศอย่างเลือนราง
ในระหว่างที่หลายคนหวีดร้อง มีคนไม่น้อยเห็นกลุ่มแสงสีทองสองก้อนเคลื่อนย้ายมาทางในเมือง
“โค่วเปียนเจียง ปล่อยฉันออกไป ไม่งั้นวันนี้ฉันจะสังหารหมู่ทั้งเมือง!”
เสียงดังกึกก้องนั้นสั่นสะเทือนขวัญของทุกคน!
“สังหารหมู่!”
บทพูดที่แต่ไหนแต่ไรก็เห็นอยู่ในละครทีวี ถือเป็นครั้งแรกที่คนเจี้ยนอันได้ยินเต็มสองรูหู
นี่คือยอดฝีมือกำลังต่อสู้กัน!
“ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต!”
ไม่นานก็มีคนได้สติ ชั่วขณะนั้นจึงตกสู่ความหวาดผวา ทั่วทั้งเมืองโกลาหลวุ่นวายขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
—
ฟางผิงที่กำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง ได้ยินเสียงคำรามของยอดฝีมือขั้นแปดของลัทธินอกรีตคนนั้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้สังเกต ตอนนี้พอมองดู อีกฝ่ายล่อโค่วเปียนเจียงไปทางในเมืองจริงๆ
ทั้งสงครามด้านหลัง ตอนนี้ยังไม่ถึงที่สิ้นสุดเหมือนกัน
ขั้นแปดสังหารขั้นเจ็ด ไม่ได้ฆ่ากันง่ายๆ ขนาดนั้น แม้ตอนนี้เถียนมู่จะระเบิดพลังเต็มที่ คิดจะสังหารอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องที่ใช้เวลาสั้นๆ เช่นกัน
“ทำยังไงดี? ผู้เฒ่าโค่วเหมือนจะไม่สามารถสกัดได้ นี่หากเข้าไปถึงเขตเมือง…”
ยอดฝีมือขั้นแปดสองคนลงมือเต็มกำลัง หากไปถึงเขตเมือง นั่นคงเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
เจี้ยนอันไม่ใช่เมืองใหญ่อะไร ที่มี่มียอดฝีมือไม่เยอะ อย่างมากก็ขั้นหกไม่กี่คนเท่านั้น
ยอดฝีมือขั้นแปดมาโจมตีจะต้านไหวได้ยังไง
“ฉันเพิ่งจะขั้นสี่…ฉันก็ต้านไม่ไหว!”
ฟางผิงไร้หนทาง ประเด็นหลักอยู่ที่ถึงฉันจะมีปราณไร้ขีดจำกัดก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน ได้แต่หวังให้ผู้เฒ่าโค่วสกัดอีกฝ่ายได้
ในระหว่างที่ฟางผิงกำลังหนีตาย ข้างหน้าก็มีเงาคนปรากฏขึ้น ฟางผิงออกหมัดโจมตีโดยแทบไม่ต้องคิด!
“ฉันเอง!”
ฟางผิงไม่ได้ชักหมัดกลับ แต่โจมตีโดนอากาศแทน
ตาเฒ่าหลี่ไม่มากความ เข้าไปคว้าคอเขาก่อนจะเคลื่อนกายอย่างว่องไว ลอยถลาไปข้างหน้า
“ไอ้หนู อยากทำการใหญ่หรือเปล่า?”
“ผู้เฒ่าหลี่ คุณมาได้ยังไง?”
“ไม่ต้องพูดมากแล้ว อยากทำการใหญ่หรือเปล่า?”
“ทำอะไร?”
“ตาเฒ่าโค่วเปียนเจียงอายุมากร่างกายถดถอย ใช้การไม่ได้แล้ว อาจสกัดอีกฝ่ายไม่ได้เสมอไป พวกลัทธินอกรีตกำเริบเสิบสานเพราะสาเหตุนี้ด้วยเช่นกัน มีคนเยอะ พวกเราก็ไม่กล้าลงมือส่งเดช…แต่นับว่าเขาโชคร้ายที่มาเจอหลี่ฉางเซิงอย่างฉัน!”
ตาเฒ่าหลี่ชมตัวเองก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พลังจิตใจเธอไม่อ่อนด้อย อีกเดี๋ยวให้ฉันยืมหน่อยเป็นยังไง?”
“หา?”
“ไม่ต้องพูดเหลวไหลแล้ว เดี๋ยวพวกเราหาที่ซ่อนกันก่อน รอพวกเขาผ่านมาพวกเราค่อยเข้าไป เธอระเบิดพลังจิตใจได้เยอะเท่าไหร่ก็เท่านั้น รอดูตาเฒ่าฟันเขาตายด้วยกระบี่เดียวได้เลย!”
“ผมระเบิดพลังจิตใจให้คุณยืมแรง?”
ฟางผิงยังคงสับสนอยู่บ้าง แต่ยังคงเอ่ยไป “ได้”
“งั้นไปกัน!”
ตาเฒ่าหลี่คว้าฟางผิงเคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวอยู่บนตึกแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง
ร่วงสู่ตึกแล้ว ตาเฒ่าหลี่มองไกลๆ ไปยังกลุ่มแสงสีทองสองก้อนที่กำลังใกล้เข้ามา
หลี่ฉางเซิงที่ไม่เคยพกพาอาวุธ ตอนนี้กลับมีกระบี่อยู่ที่เอว ตบลงเบาๆ กระซิบว่า “เดี๋ยวถ้าฉันบอกว่าปล่อย เธอก็ระเบิดพลังจิตใจสุดกำลังแนบไปบนกระบี่ของฉัน!”
ฟางผิงชำเลืองมองกระบี่ของเขาไปแวบหนึ่ง พยักหน้าว่า “ได้ แต่พลังจิตใจของผมไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่…”
“ไม่เป็นไร”
ตาเฒ่าหลี่ไม่ได้สนใจ ฟางผิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “อาจารย์ คุณเพิ่งจะขั้นหก…”
“ดูถูกฉัน?”
“ไม่ใช่ ไม่ได้ดูถูก คุณเพิ่งจะขั้นหก”
ฟางผิงกังวลอยู่บ้าง ขั้นแปดประมือกัน ตาเฒ่าหลี่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสอดมือยุ่ง มีประโยชน์งั้นเหรอ?
“เหอะ ในปีนั้นฉันกวาดเรียบอัจฉริยะไปนับไม่ถ้วน ปรมาจารย์บางคนในตอนนี้ เวลานั้นก็ถูกฉันตีเป็นเด็กๆ เหมือนกัน…”
“ครับๆๆ”
ฟางผิงตอบออกไปลวกๆ มองกลุ่มแสงสีทองที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็เอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ปรมาจารย์ของพวกเรายังไม่มา? ทำไมรุ่นพี่เถียนยังไม่ฆ่าศัตรูอีก?”
“ไม่ได้เร็วขนาดนั้น อันดับแรกเพราะไม่ทันเตรียมการณ์ หากมีคนรู้เยอะ ข้อมูลก็จะรั่วไหลได้ง่าย อีกฝ่ายอาจไม่ตกหลุมพราง”
ตาเฒ่าหลี่อธิบายออกมา เขาที่อยู่ขั้นหกถูกคนค้นพบไม่เป็นไรหรอก
แต่ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ง่ายที่จะถูกค้นพบ
ครั้งนี้ขั้นแปดสองคนที่ฟางผิงเชิญมาล้วนมาจากถ้ำใต้ดินทั้งสิ้น นี่จึงไม่ถูกใครค้นพบ
“หุบปาก เตรียมตัวให้ดี!”
เห็นฟางผิงยังอยากถามต่อ ตาเฒ่าหลี่จึงเอ็ดไปทันที ไอ้หนูนี่ใจกล้าจริงๆ เวลานี้ยังจะมีใจมาตั้งคำถามอีก
—
“อู๋เฉิน นายกล้า!”
กลางอากาศ โค่วเปียนเจียงคำรามอย่างมีโทสะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความโมโห
ยอดฝีมือระดับเดียวกันคิดจะหนีเข้าไปในเขตเมือง เป็นเรื่องยากที่เขาจะสกัดอีกฝ่ายให้อยู่ที่เดิม
“น่าขำ! ตาแก่โค่ว พวกนายถอยออกไป ไม่งั้นฉันจะฝังคนครึ่งเมืองไปพร้อมกับฉัน!”
“รนหาที่ตาย!”
โค่วเปียนเจียงคำรามอย่างโมโห ร่างทองเปล่งแสงสว่างไสว ตอนนี้ไม่อาจประนีประนอมได้ ประนีประนอมครั้งหนึ่ง พวกลัทธินอกรีตจะไม่กลัวเพราะรู้ว่ามีคนหนุนหลัง เป็นแบบนี้ทุกครั้งคงไม่อาจกวาดล้างอย่างหมดสิ้นได้
แม้ว่า…แม้ว่าเจี้ยนอันต้องถูกทำลายไปครึ่งหนึ่งจริงๆ ครั้งนี้ก็ต้องฆ่าอีกฝ่ายให้สำเร็จเช่นกัน ขอแค่รอเถียนมู่สังหารอีกฝ่ายได้หรือยอดฝีมือของมนุษย์มาช่วยสนับสนุน อู๋เฉินก็หนีไม่พ้นแล้ว
ในขณะที่ทั้งสองคนต่อสู้กันพลางเคลื่อนไปทางเมืองเจี้ยนอัน
ด้านล่าง ตาเฒ่าหลี่ถอนหายใจเบาๆ
เดิมทีคิดจะเข้ามาดูเฉยๆ ไม่ได้วางแผนลงมือ กระบี่นี้เขาเตรียมไว้ใช้กับยอดฝีมือถ้ำใต้ดิน
นึกไม่ถึงว่าครั้งนี้ลัทธินอกรีตจะส่งยอดฝีมือมาสามคน ทั้งยังมียอดฝีมือร่างทองอีก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องรอแล้ว
มือขวากดที่กระบี่เบาๆ ครู่ต่อมา ตาเฒ่าหลี่ก็ตะโกนว่า “ปล่อยออกมา!”
ฟางผิงที่รอคอยอยู่ตลอด ชั่วพริบตานั้นก็ระเบิดพลังจิตใจออกมาเต็มกำลังเข้าไปภายในกระบี่ ยังคงเป็นครั้งแรกที่ฟางผิงทำเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพียงพอหรือเปล่า ค่าทรัพย์สินลดหลั่นไปอย่างรวดเร็ว เติมเข้าไปไม่ขาดสาย ชั่วพริบตาบนกระบี่ก็คล้ายถูกปกคลุมด้วยแผ่นบางๆ
ในช่วงเวลานี้ด้านล่างศีรษะของตาเฒ่าหลี่ปรากฏแสงสีทองขึ้นมา แผ่พลังเกรงขาม บนกระบี่ยาวมีไอกระบี่ปรากฏขึ้นมาอย่างทรงอานุภาพ!
พลังจิตใจของฟางผิงคล้ายถูกดึงดูดไปด้วย หลอมรวมพรั่งพรูเข้าไปกระบี่ของตาเฒ่าหลี่กลายเป็นพลังงานใหม่อย่างหนึ่ง
แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
พลังจิตใจของฟางผิงสัมผัสได้ รู้สึกแค่ว่าใจสั่นสะท้านไม่หยุดหย่อน ราวกับตัวเองสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ
“กระบี่อมตะ!”
กลางอากาศ ยอดฝีมือที่กำลังประมือกับโค่วเปียนเจียงคำรามอย่างโมโห น้ำเสียงแฝงด้วยโทสะและความไม่เข้าใจ
กระบี่อมตะถูกทำลายไปนานแล้ว แต่ความรู้สึกที่ถูกข่มขวัญนี้มาจากไหนกัน?
คนไร้ประโยชน์คนหนึ่งข่มขวัญร่างทองขั้นแปดได้?
แต่อานุภาพด้านล่างกลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตัวเองถูกโค่วเปียนเจียงดึงตัวไว้ รับรู้ได้เหมือนกันว่าอับจนหนทางแล้ว
ในเวลานี้ไกลๆ นั้นก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง
“หยุดซะ!”
เสียงคำรามดังขึ้น เถียนมู่ราวกับรู้ว่าใครกำลังลงมือ ตะโกนแล้วก็เคลื่อนไหวอย่างว่องไว แสงสีทองปรากฏอยู่ด้านหน้าตาเฒ่าหลี่
“ฉันเอง!”
เถียนมู่คำราม ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผลกลับไม่คิดใส่ใจ ตำหนิออกไปก่อนจะพุ่งตัวไปบนฟ้า ฝ่าเข้าไปในวงล้อมการต่อสู้!
‘ปัง!’
กลางอากาศ แสงสีทองสามสายระเบิดความสว่างวับวาวมากขึ้นไปอีก
คลื่นพลังงานเข้มข้นทำให้ฟางผิงถูกกดดันจนเงยหน้าไม่ขึ้นอยู่บ้าง
ตาเฒ่าหลี่ใบหน้าซีดเผือดเช่นกัน กระอักเลือดเป็นสายออกมา บนร่างปรากฏบาดแผลขึ้นมาในชั่วพริบตา กลับรีบกดกระบี่ยาวเอาไว้ ด่าว่า “แม่งเหอะ เปลืองน้ำใจฉันชะมัด!”
ทิ้งคำพูดนี้แล้วก็ยกตัวฟางผิงลอยออกไปอย่างรวดเร็ว