ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 319-2 เท่ไม่เกินสามวิ (2)
ตอนที่ 319 เท่ไม่เกินสามวิ (2)
กลุ่มแสงสีทองสามเส้นกลางอากาศกำลังต่อสู้กันอย่างไม่หยุดหย่อน เห็นได้ชัดว่าเถียนมู่สังหารศัตรูได้แล้วจึงมาร่วมมือกับโค่วเปียนเจียง พวกเขาเป็นฝ่ายครองความได้เปรียบแล้ว ฟางผิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก อดหันไปมองตาเฒ่าหลี่ไม่ได้
เห็นทั่วร่างเขาเต็มไปด้วยเลือด จึงเอ่ยขึ้นว่า “อาจารย์ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร”
ตาเฒ่าหลี่เผยสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกำลังคนที่กำลังกระอักเลือดอยู่ไม่ใช่เขา
“คุณฆ่าขั้นแปดได้จริงๆ?”
“แน่นอน”
ตาเฒ่าหลี่ทำสีหน้าหยิ่งผยอง เชิดหน้าว่า “เถียนมู่ไม่มา คืนนี้ฉันคงโด่งดังไปแล้ว ฟันขั้นแปดด้วยกระบี่เดียว ใต้หล้ามีแต่หลี่ฉางเซิงผู้เดียวเท่านั้น!”
“เชอะ!”
ฟางผิงเบ้ปาก อดเอ่ยไม่ได้ “ฆ่าได้จริงๆ?”
“ไร้สาระ!”
“กระบวนท่าชั้นยอด?”
“ใช่”
“คุณสอนผมหน่อยสิ!” ฟางผิงเผยสีหน้าลิงโลด เอ่ยทันที “ขั้นหกฆ่าขั้นแปดได้ งั้นผม…สามารถฆ่าขั้นหกด้วยกระบี่เดียวได้สินะ? รู้อย่างนี้ผมจะเรียนดาบไปทำไมกัน อาจารย์ ต้องสอนผมนะครับ ใช่สิ กระบี่อมตะคือกระบี่ที่อยู่ในมือคุณเล่มนี้?”
ฟางผิงจ้องกระบี่ยาวในมือหลี่ฉางเซิง กลืนน้ำลายไปอึกใหญ่ นี่มันกระบี่อะไร?
เมื่อครู่ไอกระบี่พวยพุ่งขึ้นมา ไม่ได้พุ่งมาที่เขา ทั้งยังไม่ทันออกกระบี่ ฟางผิงกลับรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกหั่นเป็นชิ้นๆ แล้ว
นี่คือกระบี่ระดับ A?
ไม่สิ อาจจะดีกว่านั้น อาวุธวิเศษ!
นึกไม่ถึงว่าตาเฒ่าหลี่จะซ่อนของล้ำค่าแบบนี้เอาไว้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ตาเฒ่าหลี่ไม่สนใจเขา ยังคงมองไปบนฟ้า ผ่านไปสักพักก็ถอนหายใจเบาๆ “ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ครั้งนี้เธอทำผลงานชิ้นใหญ่แล้ว ระดับสูงสามคน อย่าคิดจะหนีไปได้เลย!”
ยอดฝีมือลัทธินอกรีต เดิมทีก็ไม่ได้มีเยอะอยู่แล้ว
ครั้งนี้ระดับสูงถูกฆ่าไปสามคน เพียงพอให้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์โดยรวมแล้ว
ตอนนี้ฟางผิงกลับไม่สนใจเรื่องนี้ จับจ้องกระบี่เล่มนั้นด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อาจารย์ พลังจิตใจคุณมีน้อยจริงๆ ประมาณห้าร้อยเฮิรตซ์สินะครับ?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
ตาเฒ่าหลี่เอ็ดออกไป ไอ้เวรนี้พูดแทงใจดำกันงั้นเหรอ?
หากพลังจิตใจฉันแข็งแกร่งคงกลายเป็นปรมาจารย์ไปแล้ว
เห็นตาเฒ่าหลี่โมโห ฟางผิงจึงสงบเสงี่ยมลง ยังอดมองร่างกายของเขาไม่ได้ กระซิบว่า “เมื่อกี้ผมเหมือนเห็นร่างคุณเปล่งแสง นี่ไม่ใช่ร่างทองของขั้นแปดหรอกเหรอครับ?”
“กึ่งร่างทองเข้าใจหรือเปล่า? หากไม่ใช่ว่าฉัน…คงกลายเป็นร่างทองไปแล้ว!”
ตาเฒ่าหลี่วางท่าอวดดี ฆ่าขั้นแปดจะไม่มีความสามารถเลยสักนิดได้หรือไง?
ฉันมีกระบี่ที่ไม่เคยชักออกจากฝักเป็นสิบปี!
ฉันมีร่างทองที่สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
เพิ่งจะวางท่าอวดดี ตอนนี้ตาเฒ่าหลี่แห้งเหี่ยวลงอยู่บ้าง ขั้นแปดหากไม่มีคนสกัด ตัวเองฆ่าไม่ไหวหรอก แต่ไปเป็นกำลังเสริมยังพอมีหวัง หากเจอขั้นแปดจริงๆ อีกฝ่ายระเบิดพลังจิตใจใส่เขาเต็มกำลัง ตัวเองอาจไม่มีโอกาสได้ลงมือเสมอไป
หากเอาปลอดภัยไว้ก่อน ฆ่าขั้นเจ็ดนั้นมีความหวังที่สุดแล้ว
“กึ่งร่างทอง…”
ตอนนี้ฟางผิงแทบไม่ได้สนใจการปะทะของยอดฝีมือ เอาแต่ระเบิดความสงสัย ไล่ถามว่า “พูดกันว่าระดับกลางหลอมร่างทอง กึ่งหนึ่ง หรือขั้นหกสูงสุดก็คือกึ่งร่างทองแล้ว?”
“เหลวไหล เธอเอาขยะพวกนั้นมาเปรียบเทียบกับฉัน?”
ตาเฒ่าหลี่เย่อหยิ่งไม่น้อย แค่นเสียงว่า “สิ่งที่เรียกว่าร่างทองคืออะไร? ร่างกายไม่บุบสลาย! ตีไม่เข้า ทุบไม่แหลก…”
ฟางผิงไม่พูดอะไร ใช้นิ้วทิ่มไปที่แผลของเขาซึ่งกำลังเลือดไหล
ตาเฒ่ามีความสามารถคุยโวไม่ใช่เล่น คุณแทบจะระเบิดเป็นน้ำพุอยู่แล้ว นี่ยังเรียกว่าตีไม่เข้าทุบไม่แหลกอีก?
“ไสหัวไปไกลๆ เลย!”
ตาเฒ่าหลี่โมโหอย่างยิ่ง นี่เขาทำตัวเองเถอะ สร้างความเสียหายให้กับร่างทอง
ไม่งั้นหากขั้นหกเข้ามาสู้กับกับเขาคงตีไม่เข้า แม้จะทะลวงได้ ก็จะฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว จะเลือดกระฉูดแบบนี้ได้หรือไง
ฟางผิงเห็นเขาอายจนโมโหก็ไม่แทงใจดำอีก เอ่ยต่อว่า “พูดแบบนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดอาจจะไม่ใช่กึ่งร่างทองทุกคน?”
“ใช่”
“งั้นจะมีได้ยังไง?”
ตาเฒ่าหลี่ชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วว่า “เธออย่าฝันเลย แม้จะบอกว่ากึ่งร่างทอง อันที่จริงเป็นเรื่องสมมุติ ไขกระดูกยังไม่ได้หลอมถึง…”
“ผมหลอมถึงแล้ว!”
ตาเฒ่าหลี่พูดไม่ออกทันที สีหน้าดำคล้ำอยู่บ้าง ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย
ถอนหายใจอีกครั้ง ตาเฒ่าหลี่ค่อยเอ่ยว่า “ฉันเดินทางลัด อันที่จริงสำหรับเธอ เข้าสู่ขั้นแปดอย่างแท้จริงถึงจะเป็นทางหลัก หลอมร่างทองกึ่งหนึ่งในขั้นหก นอกจากเสียเวลาแล้ว ยังสิ้นเปลืองทรัพยากร…”
“คุณลองพูดมาก่อนว่าหลอมยังไง ไม่แน่ว่าผมติดอยู่ขั้นหกสักพักก็อาจจะหลอมร่างทองกึ่งหนึ่งไว้หลอกคนได้แล้ว”
“หลอกคน?”
ตาเฒ่าหลี่โมโหจนอยากกระอักเลือดอีกครั้ง แค่นเสียงอย่างหนักว่า “กลับไปค่อยว่ากัน ไป เข้าไปดูกัน!”
พูดจบก็หิ้วคอฟางผิงขึ้นอีกครั้ง ลอยไปทางไกลๆ นั้น
ฟางผิงไม่ใส่ใจเช่นกัน ดึกดื่นขนาดนี้ไม่มีคนเห็นอยู่แล้ว เขาไม่ต้องลอยเองด้วย
“อาจารย์ พวกรุ่นพี่เถียนชนะแล้วเหรอครับ?”
“ใกล้แล้ว ขั้นเจ็ดสองคนถูกสังหาร ตอนนี้เหลือแค่ขั้นแปดคนนั้นกำลังกระเสือกกระสนจากความตาย”
“ทำไมลัทธินอกรีตถึงไม่ส่งคนมาช่วยล่ะ?”
“ไอ้หนูนี่หยุดพูดบ้างได้รึเปล่า!” ตาเฒ่าหลี่ปวดหัวอยู่บ้าง “สาเหตุที่พวกนอกรีตไม่ถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก ไม่ใช่เพราะพวกเขาแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะซ่อนตัวอย่างลึกล้ำ ตอนนี้ส่งคนมาช่วย สงครามใหญ่ได้ดึงดูดความสนใจของยอดฝีมือนับไม่ถ้วนแล้ว ยอดฝีมือขั้นเก้าต่างเริ่มจับสังเกต เวลานี้ส่งออกมามากเท่าไหร่ก็ตายเยอะเท่านั้น ยอดฝีมือระดับสูง เธอคิดว่ามีเป็นเบือหรือไง? ครั้งนี้ส่งออกมาสามคน ลัทธินอกรีตคงตัดสินใจอย่างฉับพลันเหมือนกัน ฆ่าเธอนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย สังหารผู้เฒ่าหลิวถึงจะเป็นเป้าหมายสำคัญ ขั้นแปดหนึ่งคน ขั้นเจ็ดสองคน ฆ่าผู้เฒ่าหลิวไม่ได้ใช้เวลาเยอะหรอก”
ฟางผิงฟังจบก็ด่ากราด “ผมว่าแล้วจางติ้งหนานเชื่อไม่ได้ หากฟังเขา ผมคงตายหากระดูกไม่เจอไปนานแล้ว ครั้งนี้ขั้นแปดสองคนกับขั้นเจ็ดสองคนยังเกือบถูกคนลากไปสู้ถึงเขตในเมือง นี่หากฝ่ายนั้นมียอดฝีมือร่างทองอีกคน คงจะเป็นปัญหาไม่น้อย”
“นั่นก็ไม่แน่เสมอไป หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงไม่เปิดเผยว่าผู้เฒ่าหลิวตามนายมาหรอก”
“คนอื่นเดาได้เหมือนกันนั่นแหละ”
“นั่นก็ถูก ดังนั้นฉันถึงบอกให้เธอระวัง อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวให้มาก ตอนนี้ชื่อเสียงของเธอโด่งดังยิ่งกว่าปรมาจารย์ซะอีก ไม่รู้ยังจะคิดว่าเธอเป็นปรมาจารย์แล้ว ในความเป็นจริงเป็นแค่ไก่อ่อนเท่านั้น”
“ผมขั้นสี่ตอนปลายแล้ว…”
“ฉันขั้นหกสูงสุด ฉันอวดตัวเองรึเปล่าล่ะ?”
“คุณหกสิบเข้าไปแล้ว ใกล้จะถึงเจ็ดสิบด้วยซ้ำ พวกเราไม่เหมือนกัน…”
ตาเฒ่าหลี่ปิดปากเงียบ ลงน้ำหนักมือตอนหิ้วคอเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ฟางผิงร้องโอดโอยทันที ตาเฒ่าหลี่ไม่ยอมรับความจริง ฉันพูดไม่ผิดสักหน่อย จะเจ็ดสิบแล้วจริงๆ
—
เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตลอดทาง ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่ต่อสู้
ตอนนี้กลางอากาศมียอดฝีมือสี่คนล้อมยอดฝีมือร่างทองผู้นั้นไว้ตรงกลาง
ความสามารถของยอดฝีมือร่างทองไม่ได้เกิดขึ้นจากกอไผ่อยู่แล้ว แม้จะเผชิญหน้ากับร่างทองสองคนและขั้นเจ็ดสูงสุดสองคน อีกฝ่ายก็ยังไม่มีเค้าลางจะพ่ายแพ้ในทันที
ทั้งห้าคนทำสงคราม พลังสั่นสะเทือนฟ้าดิน
ฟางผิงและตาเฒ่าหลี่เข้าไปใกล้หน่อยก็รับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลแล้ว ฟางผิงใบหน้าซีดเผือด ตาเฒ่าหลี่ชะงักไปเล็กน้อย ใช้มือกดกระบี่ ผ่านไปพักหนึ่งก็ราวกับปรับตัวได้ ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงอีกแล้ว
แม้พลังจิตใจจะเบาบาง แต่ความเกรงขามยังกล้าแกร่ง ควันหลงแค่นี้ยังคงต้านไหว
ฟางผิงเงยหน้ามองพักหนึ่ง หอบหายใจว่า “อาจารย์ ไม่ต้องดูแล้ว ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ฆ่าไปสองคนแล้วหรือไง? ไปคลำศพกัน พวกเขายังไม่ทันคลำศพเลย พวกเราต้องเร่งมือหน่อย ไม่งั้นจะไม่ทันแล้ว”
ตาเฒ่าหลี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย อดมองฟางผิงไปแวบหนึ่งไม่ได้
ไอ้หนูนี่พื้นฐานจิตใจแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
ขั้นแปดกำลังต่อสู้ เขากลับไม่คิดจะมอง อย่างแรกที่นึกถึงก็คือไปคลำศพ ในสมองกำลังคิดอะไรอยู่กัน?