ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 321-2 ตีให้พวกนายร้องไห้ (2)
ตอนที่ 321 ตีให้พวกนายร้องไห้ (2)
ในอินเทอร์เน็ตมีการถกประเด็นอย่างร้อนระอุ รัฐบาลถือโอกาสเผยแพร่พฤติกรรมชั่วร้ายของลัทธินอกรีตให้แก่ประชาชนรับรู้เช่นกัน ตั้งลัทธินอกรีตให้เป็นศัตรูอันดับหนึ่งของมนุษยชาติ นี่ถือเป็นกลยุทธ์ชั่วคราวของรัฐบาล
นอกจากทำให้คนทั่วไปรับรู้ว่าพวกเรามีศัตรูแล้ว ยังสามารถทำให้ทุกคนได้ปรับตัวให้ชินกับคาวเลือดของเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกจนเกินไป
ยังไงผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตก็มีจำนวนน้อย ฝีมือไม่นับว่าแข็งแกร่งมาก ทั้งยังอยู่ในการควบคุมของมนุษย์
ไม่เหมือนกับถ้ำใต้ดิน นั่นเป็นเป็นสิ่งที่มนุษยชาติไม่สามารถต้านทานได้
หากประกาศการมีอยู่ของถ้ำใต้ดินออกไป ตอนนี้โอกาสยังไม่เหมาะสม จะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกเป็นวงกว้าง ประชาชนไม่มีจิตใจทำงาน เศรษฐกิจเสียหาย จะบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ์และกองทัพออกมามากมายได้ยังไง?
ไม่ถึงเหตุสุดวิสัย การมีอยู่ของศัตรูที่สามารถล่มสลายมนุษยชาติได้ ปิดบังไว้ก่อนจะดีที่สุด
—
สงครามของธรรมมะและโลกอธรรม ในฐานะผู้เข้าร่วม ฟางผิงไม่สนใจเท่าไหร่
สิ่งที่เขาสนใจอย่างแท้จริงยังคงเป็นเรื่องของจางติ้งหนานและผู้ว่าหนานหู
หลังจากสืบเสาะข่าวมาหลายแห่ง ฟางผิงก็รู้เรื่องราวคร่าวๆ อยู่บ้าง
ในหอพัก
ฟางผิงหัวเราะว่า “ผู้ว่าจางถูกต่อยหรือเปล่า?”
ปลายสายนั้นเป็นหวังจินหยาง
ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะแนวหน้าของหนานเจียง บางเรื่องหวังจินหยางพอจะรู้อยู่แล้ว
“จะเป็นไปได้ไง” หวังจินหยางหลุดขำ “แม้ผู้ว่าหนานหูอยากจะอัดคนก็ไม่อาจลงมือได้จริงๆ หรอก แต่ยังคงรายงานต่อส่วนกลาง ครั้งนี้ผู้ว่าจาง จะว่ายังไงดีล่ะ…น่าจะไม่มีปัญหาอะไร เจี้ยนอันไม่ได้เกิดเรื่องขึ้น ทั้งยังสังหารลัทธินอกรีตระดับสูงได้สามคน แต่ฝ่าฝืนกฏอยู่บ้างจริงๆ อาจจะถูกเรียกไปตักเตือนด้วยวาจาเท่านั้น”
“น่าเบื่อ นั่นก็เท่ากับไม่มีปัญหาอะไรเลยน่ะสิ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้ถ้ำใต้ดินหนานเจียงกำลังจะอุบัติขึ้น พูดตามตรง หากทำลายเจี้ยนอันจริงๆ ก็ไม่เป็นอะไรหรอก ทางหนานเจียงยังต้องพึ่งพาฝีมือของผู้ว่าจาง”
หวังจินหยางถอนหายใจว่า “อย่าโกรธเขาเลย บางทีนายอาจคิดว่าเขาวางแผนกับนาย แม้จะไม่ได้บังคับนายจริงจัง แต่ก็นับว่าบังคับด้วยความชอบธรรม เปลี่ยนเป็นฉัน อาจจะทำแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้ผู้ว่าจางไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเขา เข้าใจความหมายที่ฉันพูดหรือเปล่า?”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย “ไม่หรอกมั้ง แม้ถ้ำใต้ดินจะอุบัติขึ้น แต่เขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ว่าการมณฑล…”
“เขาวางแผนจะเข้าไปกลุ่มแรก ช่างเถอะ เรื่องนี้พูดมากไปไม่มีประโยชน์”
หวังจินหยางไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่นับว่าแก้ต่างให้จางติ้งหนานด้วยเช่นกัน
ถ้ำใต้ดินอุบัติใหม่ ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มแรกที่เข้าไปเป็นเรื่องอันตรายที่สุด อันตรายอย่างมหันต์!
ยิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายมากเท่านั้น
เพราะยอดฝีมือที่เข้าไปกลุ่มแรกต้องถูกยอดฝีมือของถ้ำใต้ดินต่อต้าน หากยอดฝีมือด้านในมีเยอะเกินไป บางทีอาจรอไม่ถึงกลุ่มที่สองเข้าไปก็ตายในสงครามหมดแล้ว ทุกครั้งที่ถ้ำใต้ดินอุบัติขึ้น คนที่เข้าไปกลุ่มแรกมักจะรอดชีวิตไม่กี่คนเท่านั้น
ไม่ใช่ว่าไม่อยากเข้าไปพร้อมกัน แต่ถ้ำใต้ดินเกิดใหม่ ทางเดินไม่ค่อยเสถียร ยอดฝีมือเยอะเกินไปจะทำให้ทางเดินเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ อาจจะพังทลายได้
พังทลายถาวรก็แล้วไป แต่ทางเดินอุบัติขึ้นอีก นี่จะทำให้พวกยอดฝีมือจำเป็นต้องแบ่งกลุ่มเข้าไป
ฟางผิงได้ฟังแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก จางติ้งหนานปรมาจารย์ที่เป็นผู้ว่าคนนี้ตั้งใจสู้ตายในสงครามถ้ำใต้ดิน
ตอนนี้ล่วงเกินคนไปบ้างจะเป็นไรไป?
เขารู้ว่าฟางผิงอาจจะไม่สบายใจ แต่เขาไม่สน ตอนนี้ฟางผิงยังไม่มีความสามารถพอจะสร้างปัญหาให้เขาได้ รอเขามีความสามารถนั้น ทั้งตัวเองยังมีชีวิตรอดค่อยว่ากันอีกที
ก็เหมือนกับครั้งนี้ที่เกิดสงครามที่หนานหู
ผู้ว่าหนานหูต้องไม่พอใจอยู่แล้ว แต่ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้
ฟางผิงถอนหายใจ ทิ้งเรื่องนี้ไว้ข้างหลัง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พี่หวัง ช่วงนี้ฝึกวิชาไปถึงไหนแล้ว? ใกล้ขั้นห้าแล้วสินะ?”
“ยังหรอก ไม่รีบ”
“ยังอยู่ขั้นสี่สูงสุด?” ฟางผิงจงใจถามทั้งที่รู้ หัวเราะว่า “พี่หวัง อยู่ขั้นสี่มาเกือบปีแล้ว รู้สึกว่าพี่จะหละหลวมไปอยู่บ้าง ไม่มีแรงกดดันแล้ว?”
“นายอยากพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไร ไม่กี่วันก่อนทะลวงขั้นสี่ตอนปลายแล้ว ผมครุ่นคิดว่าอีกเดือนสองเดือนน่าจะถึงขั้นสี่สูงสุดได้ ถึงเวลานั้นจะอยู่ระดับเดียวกับพี่หวัง พวกเราจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้กันหรือเปล่า?”
“…”
อีกฝ่ายเงียบไปสองวินาที หวังจินหยางเอ่ยอย่างเนิบนาบว่า “ไม่เลว แลกเปลี่ยนความรู้ไม่จำเป็นต้องรีบ การแข่งขันแลกเปลี่ยนปลายปี ถ้าถ้ำใต้ดินยังไม่อุบัติฉันไปแน่ วางใจเถอะ”
ฟางผิงอยากลองเช่นกัน หัวเราะว่า “พี่หวัง อุบัติขึ้นก็ไม่เป็นไร เลื่อนออกไปสักหน่อยก็ได้แล้ว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะแนะนำให้เลื่อนเวลาออกไปเอง”
“แบบนั้นย่อมดีที่สุด”
“พี่หวัง หากอุบัติขึ้นจริงๆ พวกเราไปสำรวจดูสักรอบดีหรือเปล่า ดูว่าใครจะฆ่าผู้แข็งแกร่งได้มากกว่ากัน?”
“มั่นใจดีนี่”
“ช่วยไม่ได้ เฮ้อ ตอนนี้ผมอยู่เซี่ยงไฮ้ ในหมู่นักศึกษาไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ได้ เหงาจะตายอยู่แล้ว”
“วางใจเถอะ อีกไม่นานนายจะไม่เหงาแล้ว ฟางผิง ระวังตัวหน่อย ในฐานะที่เป็นผู้บุกเบิกเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ให้นาย ฉันคิดว่าควรต้องสอนอะไรนายสักหน่อยแล้ว”
ฟางผิงยังคงมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า ตอบรับว่า “พี่หวังน่าจะรู้ใจผม พี่นับว่าเป็นอาจารย์คนหนึ่งของผมเหมือนกัน แต่พวกเราอยู่รุ่นราวคราวเดียวกัน รุ่นเดียวกันวรยุทธ์ไม่มีอันดับสอง ก้าวข้ามคนอื่น อันที่จริงผมไม่ได้คิดภาคภูมิใจอะไรจริงๆ มีแค่พี่หวังที่ผมตั้งตารอมานานแล้ว เทียบกับหลี่หานซงพวกนั้น พี่หวังถึงจะเป็นเป้าหมายของผม พวกเขาแทบไม่นับว่าเป็นอะไร”
“งั้นตั้งตารอเถอะ!”
หวังจินหยางหัวเราะขึ้นมา ไม่นานก็วางสายไป
รอวางสายแล้ว หวังจินหยางค่อยแค่นยิ้ม “เจ้าเด็กนี้อวดดีไม่ใช่เล่น”
“ขั้นสี่ตอนปลาย…”
หวังจินหยางเคาะโต๊ะเบาๆ พึมพำว่า “หากเรื่องเหนือความคาดหมายจริงๆ เขาเป็นฝ่ายชนะ คงไม่มีหน้าไปเจอใครแล้ว”
เขาเป็นคนบุกเบิกเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ให้ฟางผิง!
ตอนที่เขาอยู่ขั้นสาม ฟางผิงเพิ่งจะสัมผัสกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ไม่กี่วันเท่านั้น
เขาอยู่ขั้นสี่ ฟางผิงเพิ่งจะขั้นหนึ่ง
ชั่วพริบตาเดียว ฟางผิงกลับทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย แต่เขายังอยู่ขั้นสี่สูงสุด
หน้าอายจริงๆ!
เรื่องระดับขั้นคงไม่พูดถึงแล้ว ในเวลาหนึ่งปีเขาทะลวงจากขั้นสี่ตอนต้นถึงขั้นสี่สูงสุด ความเร็วนี้ใครก็พูดว่าช้าไม่ได้
แต่…หากถูกฟางผิงเอาชนะจริงๆ นั่นยังจะมีหน้าไปเจอใครอีก?
“ปราณไร้ขีดจำกัด ไขกระดูกแปรสภาพ พลังจิตใจแข็งแกร่ง…ไม่มีช่องโหว่? ไม่สิ เขามีช่องโหว่หนึ่งอยู่ตลอด ใช้เวลาสั้นเกินไป ไม่อาจเติมเต็มเรื่องนั้นได้”
หวังจินหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย ฟางผิงมีช่องโหว่
ช่องโหว่ที่ใหญ่ที่สุดคือการระเบิดพลังครั้งเดียวไม่แข็งแกร่งพอ
ในขั้นสามสูงสุดพอจะฝืนเติมเต็มช่องโหว่นี้ได้ แต่เพราะเข้าสู่ขั้นสี่เร็วเกินไป ตอนนี้ยิ่งทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย ช่องโหว่นี้จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
แต่หวังจินหยางรั้งอยู่ในขั้นสี่มาหนึ่งปี แม้ว่าจะไม่ได้นานมาก แต่ก็นานกว่าฟางผิงเยอะ
“จัดการกับเขา มีแค่ต้องต่อสู้ยืดเยื้อเท่านั้น”
หวังจินหยางพึมพำ ท้ายที่สุดกลับหัวเราะขึ้น ไม่นานมานี้เขาเพิ่งจะคิดว่าอาจมีวันหนึ่งที่ต้องคิดวิธีเอาชนะฟางผิง?
ก่อนหน้านี้หลายคนบอกว่าฟางผิงและเซี่ยเหล่ยมีโชคชะตาที่จะต้องต่อสู้กัน
ทั้งสองคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งต้องปะทะกันสักวันแน่
แต่ผลปรากฏว่าฟางผิงกลับเอาชนะเซี่ยเหล่ยอย่างง่ายดาย
ในความเป็นจริงคนที่ต้องต่อสู้กับฟางผิงสักวันคือหวังจินหยางต่างหาก
ครั้งนี้ไม่สู้กันก็ต้องเป็นครั้งหน้า
เขาเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ให้ฟางผิง ในความเป็นจริงเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในใจฟางผิงด้วย เหมือนที่ฟางผิงบอกว่าทุกคนรุ่นราวคราวเดียวกัน
ไม่ว่าจะเก่งในตำราหรือวรยุทธ์ล้วนไม่มีอันดับหนึ่งอันดับสอง
ฟางผิงล้ำหน้าคนอื่น แต่ล้ำหน้าหวังจินหยางไม่ได้ คงไม่อาจเรียกว่าอันดับหนึ่งของยุค
ฟางผิงอยากเป็นยอดฝีมือที่ไร้ผู้เทียบเทียม หวังจินหยางก็คิดเหมือนกัน
“ไม่ใช่แค่นายและฉัน หลี่หานซงก็คิดเหมือนกัน เหยาเฉิงจวินก็ด้วย หากปลายปีโรงเรียมเตรียมทหารเข้าร่วมได้ นั้นคงยิ่งสนุกแล้ว!”
หวังจินหยางเผยรอยยิ้มบนใบหน้า ตอนนี้ในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัย พวกเขาทั้งสี่คนนั้นแข็งแกร่งที่สุด
บางทีอาจยังมีขั้นสี่ตอนปลายหรือขั้นสี่สูงสุดคนอื่นๆ อีก แต่คนพวกนั้นไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายพวกเขา
“น่าสนุกแล้ว”
พึมพำกับตัวเอง ก่อนหวังจินหยางจะยืดเส้นยืดสาย หยัดกายขึ้นเดินไปข้างนอก ควรต้องเตรียมตัวสักหน่อย
—
ในเวลาเดียวกัน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
ฟางผิงนั่งไขว่ห้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กลัวว่าคงจะคิดฆ่าฉันในชั่วพริบตา เพราะระเบิดกระบวนท่าเดียวไม่แข็งแกร่งพอสินะ? ฟันขั้นแปดด้วยกระบี่เดียวของตาเฒ่าหลี่…ฝึกได้แล้วยังจะกลัวพวกเขาทำไมอีก จะฟันพวกนายให้ร้องไห้เลยคอยดู!”