ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 325 เดินไปสู่หนทางรวยด้วยกัน (1)
ตอนที่ 325 เดินไปสู่หนทางรวยด้วยกัน (1)
ด้านหลังเวทีสนามกีฬา
ฟางผิงสาวเท้าเข้าไป มองถังเหวินที่เผยท่าทีตึงเครียด ก่อนจะมองนักศึกษาใหม่และนักศึกษาปีสูงคนอื่นที่ฝ่าเข้ามาในร้อยอันดับได้
วันนี้ไม่มีการแข่งขันของพวกเขา แต่ทุกคนแค่มาชมการประลองเพื่อหยั่งเชิงข้อมูลคู่ต่อสู้ในอนาคตเท่านั้น
เห็นฟางผิงเข้ามา พวกเขาต่างรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
ไม่ใช่ไม่เคยเห็นยอดฝีมือมาก่อน อย่าบอกว่าขั้นสี่เลย ในบ้านของคนพวกนี้มีขั้นห้าขั้นหกอยู่ไม่น้อยด้วยซ้ำ
แต่…ผู้ฝึกยุทธ์พวกนั้นอยู่ในบ้าน ยังไงก็เป็นรองฟางผิงที่ควบคุมดูแลพวกเขาในมหาวิทยาลัยอยู่ดี
เจอประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ที่มุ่งมั่นจับตัวพวกเขาเป็นหนูทดลอง ทุกคนต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่แล้ว
“ประธาน!”
ทุกคนทยอยทักทาย ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
หลัวเซิงละล่ำละลักว่า “ทุกคนแข็งแกร่งกันมาก มีแรงกดดันไม่น้อยเลย”
“ไม่ต้องเครียดเกินไป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งความสามารถมีอย่างจำกัด เว้นแต่จะเป็นพวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งรุ่นก่อนที่ฝึกวิชาบรรลุถึงขั้นสุดยอดแล้ว คนอื่นๆ ไม่ได้แตกต่างมากหรอก หลักๆ ยังต้องดูการแสดงฝีมือในสนาม”
อันที่จริงการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งครั้งนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งรุ่นก่อนมาเข้าร่วมไม่มาก
อายุเยอะเกินไป ทั้งยังรั้งอยู่ในขั้นหนึ่ง ความจริงคนพวกนี้รู้สึกขายหน้าไม่น้อย ไม่กล้าโผล่ออกมาแสดงฝีมือเช่นกัน บางทีอาจจะถูกหัวเราะเยาะด้วยซ้ำ
“พวกนายต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง ถึงกระทั่งเกือบสามครั้ง ในขั้นหนึ่งขั้นสอง พวกนายมีความได้เปรียบกว่าคนอื่น ไม่ขาดแคลนอาวุธ ยาบำรุงและเคล็ดวิชา ปราณเข้มข้น กระดูกแข็งแรง…ขอแค่ไม่ลนระหว่างต่อสู้หรือไม่เจอผู้ฝึกยุทธ์ที่ครองกระบวนท่าชั้นยอดในขั้นหนึ่งพวกนั้นก็แทบจะเอาชนะได้สบายๆ แล้ว”
ฟางผิงพูดคร่าวๆ แล้วก็เอ่ยต่อ “ครั้งนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งไม่ส่งคนมาเข้าร่วม หน่วยทหารก็เหมือนกัน จะบอกว่าเป็นการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั่วประเทศ อันที่จริงยังไม่ทั่วถึงพอ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ฝีมือแข็งแกร่งที่สุดในนี้แล้ว เป้าหมายของพวกเราคือคว้าที่หนึ่ง หรือกระทั่งเหมาให้หมดทั้งสามอันดับแรก”
พูดจบ ฟางผิงก็มองไปทางถังเหวิน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อของเธอเป็นระดับสูงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ทั้งยังเป็นอันดับหนึ่งรองจากปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้ในตอนนี้ ในประเทศจีนอาจารย์ถังยังเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจในหมู่ขั้นหก…ถังเหวิน อย่าทำให้พ่อเธอขายหน้า”
ถังเหวินทำหน้าจนใจ นายมีอะไรก็พูดมาตรงๆ
“ต้องคว้าที่หนึ่งให้ได้ ทำไม่ได้ นอกจากเธอจะขายหน้าพ่อตัวเอง ยังขายหน้าสาขายุทโธปกรณ์ ขายหน้ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ขายหน้าสามปรมาจารย์ใหญ่…”
ภาระนี้หนักอึ้งจนถังเหวินอยากตาย พ่อฉันเพิ่งจะขั้นหก หน้าตามีค่าถึงขนาดนั้นเลยหรือไง งั้นลูกหลานของปรมาจารย์พวกนั้นจะทำยังไงล่ะ?
การแข่งขันครั้งนี้ก็มีคนพวกนี้อยู่ด้วย!
สรุปแล้วพ่อฉันฝีมือแข็งแกร่ง ฉันก็ต้องแข็งแกร่งด้วย?
นี่ฟางผิงจงใจหาเรื่องฉันชัดๆ!
“ฟางผิงกลับไม่พูดมากอีก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันหวังดีต่อเธอถังเหวิน สู้ๆ คว้าที่หนึ่งให้ได้ ถึงเวลานั้นฉันจะให้คนใส่ฉายาเธอในการจัดอันดับ…ราชสีห์คลั่งน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งมีฉายาได้ นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์เลยนะ”
พูดเรื่องพวกนี้แล้ว ฟางผิงก็สาวเท้าจากไป
เขาไปแล้ว ถังเหวินค่อยก่นด่าออกมา “ไอ้เวร จงใจหาเรื่องชัดๆ ฉันยังเป็นนักศึกษาใหม่ เรียนเทอมแรกยังไม่จบด้วยซ้ำ ให้ฉันคว้าที่หนึ่ง…”
นี่ไม่ใช่จงใจรังแกคนหรือไง?
คนอื่นๆ ต่างไม่กล้าพูดเสริม เจ้าหมอนั่นยังไปไม่ไกล ไม่กลัวว่าจะได้ยินหรือไง
—
ออกมาจากด้านหลังเวที ฟางผิงก็เดินขึ้นชั้นบนของสนามกีฬา กำลังกวาดสายตามองไปข้างล่าง จู่ๆ ก็ชะงักสายตา
นั่น…ฉันไม่ได้ตาฝาดสินะ?
หลิวต้าลี่กำลังจี้น้องสาวเขาอยู่?
ฟางผิงเกิดความคิดนี้เป็นอย่างแรก ก่อนจะรีบสลัดทิ้งไป เว้นแต่ว่าหลิวต้าลี่อยากจะตายจริงๆ ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าจี้ใครในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หรอก ปรมาจารย์ยังช่วยเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
“เด็กแสบนี้…มาอยู่กับหลิวต้าลี่ได้ยังไง?”
ฟางผิงพึมพำ ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะกวักมือเรียกด้านหลัง
รอคนของสมาคมเดินเข้ามา ฟางผิงก็เอ่ยว่า “ไปเรียกน้องสาวฉันมาหน่อย ไม่ต้องพูดอะไรมาก บอกแค่ว่าพี่ชายรอเธออยู่ที่ชั้นสอง”
“เข้าใจแล้ว”
คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์รีบเดินลงไป ฟางผิงขยับไปนั่งข้างหลังเพื่อหลบจากสายตาของหลิวต้าลี่เช่นกัน
—
ฟางหยวนขึ้นมาก็บ่นอุบอิบ “พี่ ฉันยังถ่ายรูปไม่เสร็จเลย”
“เรื่องถ่ายรูปค่อยว่ากัน ทำไมเธอถึงอยู่กับหลิวต้าลี่ได้?”
“อ๋อ นายหมายถึงนักข่าวคนนั้น?” ฟางหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันกำลังถ่ายรูป เขาก็ถ่ายรูปอยู่พอดี เขาบอกว่าฉันถ่ายไม่สวย จากนั้นก็จะให้ฉันดูตัวอย่างจากเขาให้ได้ เขาเลยรับปากช่วยถ่ายรูปให้ฉัน อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย เขาถ่ายรูปสวยจริงๆ นะ”
พูดจบ ฟางหยวนก็เอ่ยอย่างแปลกใจ “นายรู้จักเขา…ใช่สิ เหมือน…ฉันเหมือนเคยเห็นเขามาก่อน”
ฟางหยวนพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ผ่านไปพักใหญ่เหมือนจะนึกอะไรออก “ก่อนหน้านี้นายต่อสู้กับภิกษุคนนั้น เหมือนเขาจะเป็นคนถ่ายวิดีโอ? เป็นเขาใช่หรือเปล่า?”
ตอนแรกเธอยังไม่ได้คิดมาก ตอนนี้ฟางผิงถามขึ้นมา เธอเลยคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาบ้าง
“เป็นเขานั่นแหละ”
ฟางผิงเอ่ยเสียงเบา “เขาแอบถ่ายวิดีโอของพวกเรา หาเงินได้หลายสิบล้าน ผลปรากฏว่ากลับอมเงินคนเดียว พี่ตามเขามาตั้งนานแล้ว”
“หลายสิบล้าน!”
เสียงของฟางหยวนสูงปรี๊ดขึ้นมาไม่น้อย
“หลายสิบล้าน”
“เขา…เอาเงินทั้งหมดไปคนเดียว?”
“อืม”
ฟางผิงตอบกลับไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะไปจับเขา หมอนั่นอาจไม่พูดว่าตัวเองมีเงินเสมอไป ในเมื่อเธอรู้จัก นั่นก็ดีแล้ว เธอไปหยั่งเชิงหน่อย ตอนนี้เขายังมีเงินเท่าไหร่ อย่าเผลอทำอะไรแปลกๆ ให้เขาจับได้หนีไปล่ะ”
ส่วนความปลอดภัย ฟางผิงกลับไม่ใส่ใจเท่าไหร่
ถึงหลิวต้าลี่จะอมเงินไป พูดกันจริงๆ แล้ว…ก็ไม่นับเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ฟางผิงไม่ได้เขียนสัญญาอะไรกับเขา ทั้งเขาก็แบ่งเงินให้ฟางผิงเช่นกัน
ทั้งสองคนนับว่าเป็นความแค้นส่วนตัว
หากเขากล้าลงมือกับฟางหยวน นั่นคงไม่ใช่เรื่องเงินอีกแล้ว คิดจะเอาชีวิตไปทิ้งจริงๆ
ฟางหยวนแววตาสว่างวาบขึ้นมา พยักหน้าระรัว หลายสิบล้าน!
หมอนั่นนึกไม่ถึงว่าจะยักยอกเงินคนอื่นไปหลายสิบล้าน น่าเกลียดเกินไปแล้ว!
ต้องไปถามให้กระจ่าง ป้องกันไม่ให้เขาโอนทรัพย์สินไปที่อื่น
“งั้นฉันจะไปเอง!”
“แค่กๆ ระวังตัวหน่อย เดี๋ยวฉันจะไปหาเธอทางนู้น เรื่องจับคนฉันทำเอง เขาอยู่ขั้นสาม เธออย่าทำอวดเก่งเกินไป”
“รู้แล้ว”
ฟางหยวนทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะรีบวิ่งลงไป
—
ผ่านไปพักใหญ่
ฟางหยวนกลับมาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
หลิวต้าลี่กวาดสายตามองไปชั้นบนแวบหนึ่ง ไม่เห็นอะไร เอ่ยอย่างแปลกใจว่า “พี่ชายเธอเรียกหา?”
“อืม พี่หลิว ฉันยังบอกเรื่องนายกับพี่ด้วย”
ฟางหยวนหัวเราะ “แต่พี่ฉันบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อนาย ต้องเป็นคนไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่ๆ เขาไม่รับการสัมภาษณ์จากนายหรอก”
หลิวต้าลี่ได้ฟังก็แค่นเสียงว่า “งั้นพี่ชายเธอคงประสบการณ์น้อย สาวน้อย ในแวดวงนี้ อย่างอื่นพี่หลิวไม่กล้าพูดถึง หากจัดอันดับที่หนึ่งสองสามจริงๆ ฉันยอมรับอันดับสอง คงไม่มีคนกล้ารับอันดับหนึ่ง!”
“จริงเหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“พี่หลิวเก่งจริงๆ!” ฟางหยวนร้องอย่างตกใจ เอ่ยว่า “แต่รู้สึกว่าพี่หลิวกำลังโม้อยู่ยังไงไม่รู้ พี่ชายฉันไม่รู้จักนาย พี่ฉันนั้นสนิทกับพวกอธิการของเซี่ยงไฮ้ไม่น้อย หากนายมีชื่อเสียงจริงๆ งั้นพี่ฉันต้องรู้จักนายแน่ อาจจะสามารถจัดการให้นายสัมภาษณ์พวกอธิการได้ด้วยซ้ำ”
หลิวต้าลี่ตาเป็นประกาย!
จริงหรือเปล่า?
พี่ชายของเด็กคนนี้สนิทกับพวกอธิการมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้?
ไม่ได้ล้อฉันเล่นหรอกนะ?
นั่นเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์!
ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2009 ประชาชนก็วาดหวังต่อผู้ฝึกยุทธ์มากขึ้น โดยเฉพาะยอดฝีมือที่ให้ความเคารพนับถือและอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก
ปรมาจารย์ยอดฝีมือ ทุกคนรู้ว่าต้องเก่งกาจอยู่แล้ว
อย่างสงครามของเจี้ยนอันก่อนหน้านี้ ทุกคนก็คาดเดาว่าน่าจะเป็นสงครามของปรมาจารย์ยอดฝีมือ
แต่ตกลงสถานการณ์เป็นยังไง อยู่ขั้นไหน ทุกคนก็ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น
สำหรับข้อมูลของยอดฝีมือ ทุกคนไม่ได้เข้าใจเท่าไหร่
ยอดฝีมือน้อยครั้งที่จะยอมรับการสัมภาษณ์ แม้ว่าจะมี ส่วนมากก็จะพูดเรื่องธุรกิจและการเมือง ไม่ค่อยพูดเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์สักเท่าไหร่
หากตัวเองสามารถสัมภาษณ์อธิการบดีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ได้…นั่นคงมีชื่อเสียงจริงๆ แล้ว!
หลิวต้าลี่กำลังคิดเรื่องนี้ ฟางหยวนกลับส่ายหัวว่า “ช่างเถอะ พี่หลิวต้องกำลังโม้อยู่แน่ๆ…”
“สาวน้อย พี่หลิวยังจะหลอกเธอได้หรือไง? สงครามยอดฝีมือขั้นแปดก่อนหน้านี้ก็เป็นพี่หลิวเธอนี่แหละที่เป็นคนถ่าย ยังมี…แค่กๆ วิดีโอการต่อสู้ของยอดฝีมือหลายคนอีกด้วย”
ฟังจากที่สาวน้อยพูด พี่ชายของเธอต้องเป็นคนมีฝีมือในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แน่ นี่หากรู้จักพวกระดับสูงบางส่วนผ่านทางพี่ชายเธอได้ ยังต้องกลัวฟางผิงไปอีกทำไม!
ฟางหยวนมองพินิจเขาอย่างสงสัย เอ่ยราวกับไม่ตั้งใจว่า “หากพี่หลิวมีชื่อเสียงจริงๆ…ทำไมถึง…ทำไมถึงดูจนอย่างนี้ล่ะ?”
ฟางหยวนพูดอย่างลำบากใจอยู่บ้าง เกาหัวว่า “พี่หลิวอย่าโกรธไป ฉันได้ยินว่านักข่าวที่มีชื่อเสียงมีเงินกันทั้งนั้น หลายคนมีทรัพย์สินเป็นหลายร้อยล้าน…แต่พี่หลิว…”
หลิวต้าลี่แค่นเสียงขึ้นจมูก “เด็กน้อย เธอไปได้ยินใครพูดมา? หากพูดว่ามีเงิน มีแต่ต้องเปิดบริษัทเองทั้งนั้น ไม่งั้นนักข่าวอิสระก็มีแต่พี่หลิวนั่นแหละที่มีเงินที่สุดแล้ว…”
“การจัดอันดับเศรษฐีไม่เห็นมีนาย?”
หลิวต้าลี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เด็กน้อยไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ฉันเป็นแค่นักข่าวคนหนึ่ง ยังจะมีเงินเทียบกับประธานบริษัทพวกนั้นได้ยังไง?
แต่เสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ต่อหน้าเด็กน้อยคนหนึ่งไม่อาจขายหน้าได้ หลิวต้าลี่แก้ต่างว่า “นี่เรียกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองต่างหาก…”