ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 325-2 เดินไปสู่หนทางรวยด้วยกัน (2)
ตอนที่ 325 เดินไปสู่หนทางรวยด้วยกัน (2)
“งั้นพี่หลิวมีเงินเยอะเลยใช่หรือเปล่า?”
“ใช่”
“ถึงพันล้านไหม?”
“แค่กๆ น้อยกว่านั้นหน่อย…”
“หลายร้อยล้าน?”
“เอ่อ…เงินหมุนเวียนไม่ได้เยอะขนาดนั้น แต่ฉันมีทรัพย์สินคงที่ในนามอยู่…”
“อ่อ งั้นก็ไม่กี่สิบล้านสินะ ฉันยังคิดว่าพี่หลิวรวยจริงๆ ซะอีก”
หลิวต้าลี่หมดคำจะพูด ไม่ได้โต้แย้งออกไปอีก
หลังจากนั้นฟางหยวนก็เริ่มหลอกถามข้อมูล
หลิวต้าลี่มีบ้านกี่หลัง?
ซื้อรถหรือยัง?
ขับรถอะไร?
ได้ซื้อหุ้นอะไรหรือเปล่า ไดยินว่าช่วงนี้มีหุ้นขึ้นหลายตัว
ได้ลงทุนการเงินไปกับอะไรบ้าง?
—
ชั้นสอง
ฟางผิงได้ยินเต็มสองรูหู ใบหน้าดำคล้ำอยู่บ้าง เด็กแสบ…เอาเรื่องจริงๆ!
หลิวต้าลี่น่าจะเห็นว่าฟางหยวนอายุน้อยเลยไม่ได้ระแวดระวังอะไร ไม่รู้ว่าคุยโวหรือทำหน้าใหญ่ใจโต แต่ที่เปิดเผยมาทั้งหมดคือบ้านภายใต้ชื่อตัวเองมีหลายสิบหลัง รถหรูสามสี่คัน ไม่ได้ลงทุนการเงิน แต่มีหุ้นอยู่หลายบริษัท
จากที่หลิวต้าลี่พูด เงินหมุนเวียนมีไม่เยอะ แต่ทรัพย์สินคงที่กลับไม่น้อย
ทั้งยังเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์หลายบริษัท ทุกปีมีเงินปันผลและเงินเดือนให้จำนวนมาก
“หากเป็นเรื่องจริง หมอนี่ก็มีเงินไม่น้อย!”
ฟางผิงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หลิวต้าลี่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม ตอนนี้อยู่ขั้นสามตอนปลาย ทั้งเข้าสู่ระดับแนวหน้าของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว
ท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์ในสังคม นับว่าเป็นยอดฝีมือเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสังกัดใด ถูกบริษัทบางแห่งเชิญตัวก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ฟางหยวนถามพอหอมปากหอมคอแล้ว ฟางผิงก็ไม่ชักช้าอีก
ไม่นานฟางผิงก็ลอยลงมาจากชั้นสอง ร่วงลงที่เบื้องหลังหลิวต้าลี่
ทางหลิวต้าลี่ตอนนี้ยังกำลังเล่าเรื่องที่ยอดเยี่ยมของตัวเอง หัวเราะว่า “เด็กน้อย พี่หลิวไม่ได้หลอกเธอ ไม่เชื่อเธอเอาชื่อฉันไปตรวจสอบได้ มีชื่อเสียงจริงๆ เมื่อไหร่จะพาฉันไปรู้จักพี่ชายเธอล่ะ?”
ฟางหยวนกะพริบตาปริบมองฟางผิงที่อยู่ด้านหลังเขา หัวเราะว่า “ตอนนี้จะแนะนำให้นายรู้จักก็แล้วกัน”
“จริงเหรอ?”
“อืม พี่ พวกนายทำความรู้จักกันสิ!”
“รู้จักเหรอ รู้จักตั้งนานแล้ว!”
ฟางผิงยื่นมือมากดไหล่หลิวต้าลี่อย่างอารมณ์ดี หลิวต้าลี่ร่างแข็งทื่อทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พะ…พวกนายเป็น…พี่น้องกัน?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ต้าลี่ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
“นะ…น้องฟาง ไม่เจอกันนานเลย!”
หลิวต้าลี่หันมาด้วยใบหน้าแข็งทื่อ เอ่ยอย่างขมขื่น “น้องฟาง ไม่เจอหลายวัน มีสง่าราศีขึ้นไม่น้อย…”
“ไม่ได้สะดวกสบายอย่างพี่ต้าลี่หรอก คนอย่างพวกเราต้องต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ใช้ชีวิตผ่านไปอย่างยากลำบาก จะเหมือนพี่ต้าลี่ได้ยังไง มีบ้านหลายหลัง รถหรูนับไม่ถ้วน ทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทใหญ่หลายแห่งอีก เทียบกับพี่ต้าลี่แล้ว…เฮ้อ รู้สึกว่าฉันแทบไม่ต่างจากขอทานเลยจริงๆ ครั้งก่อนพี่ต้าลี่ไปไม่ลา ติดหนี้ฉันไปหลายสิบล้าน ไม่ใช่ว่าควรสะสางบัญชีหรอกเหรอ?”
“ละ…หลายสิบล้าน?”
ใบหน้าของหลิวต้าลี่แข็งทื่อขึ้นไปอีก!
วิดีโอครั้งก่อนเขาขายขาดไปรวมถึงเงินปันผล ได้ทั้งหมดยี่สิบเอ็ดล้าน ตัวเองได้สิบสองล้านห้าแสน
ยึดตามที่ฟางผิงพูดแบ่งกันแปดสิบยี่สิบ เขาควรจะได้สี่ล้านกว่า แต่รวมกับเรื่องสร้างข่าวลือก็ต้องจ่ายเงินเช่นกัน สี่ล้านห้าแสนถือเป็นเรื่องสมเหตุสมผล
ไม่ว่าจะพูดยังไงก็อมเงินฟางผิงไปประมาณแปดล้านเท่านั้น
ทำไม…ทำไมกลายเป็นหลายสิบล้านล่ะ?
“พี่ต้าลี่ ช่วงนี้น้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเหลือเกิน เพิ่มเข้าไปให้ครบห้าสิบล้าน คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายหรอกมั้ง?”
“ห้า…ห้าสิบล้าน?”
จู่ๆ หลิวต้าลี่ก็ร้องห่มร้องไห้ทันที “พี่ใหญ่ฟาง เมื่อกี้ผมเพิ่งจะโม้ไป บ้านหลายสิบหลังที่ไหนกัน รถหรูอะไร คุยโวทั้งนั้น ตอนนี้ผมไร้ที่อยู่อาศัย เดินทางด้วยรถสาธารณะ อย่าพูดว่าห้าสิบล้านเลย ห้าพันผมก็ไม่มี หากมีเงินจริงๆ ผมคงไม่ทำอาชีพเป็นนักข่าวแล้ว เงินครั้งก่อนก็เอาไปซื้อยาบำรุงหมดแล้ว…”
“ถ้า…ถ้านายไม่เชื่อ…”
หลิวต้าลี่ราวกับนึกอะไรได้ รีบควักมือถือตัวเองออกมา เปิดข้อความหนึ่งให้ฟางผิงอ่าน ฟูมฟายว่า “ตอนเช้าผมซื้อน้ำขวดเดียวยังต้องรูดบัตรเครดิต ตอนนี้บัตรใช้ไม่ได้แล้ว ทั้งยังมีหลายใบที่ค้างชำระ ตอนนี้ยังไม่ได้คืนเลย พี่ใหญ่ฟาง ผมไม่มีเงินจริงๆ ครั้งนี้เสี่ยงตายมาทำข่าวการแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเพราะอยากหาเงินไว้ใช้กินเท่านั้น…”
ฟางผิงมองข้อความนั้นแวบหนึ่ง ใบหน้าดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด เลื่อนไปดูประวัติข้างหลังบางส่วน…เป็นแจ้งเตือนทวงหนี้จริงๆ!
แม่งเหอะ!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตกต่ำถึงขั้นนี้แล้วเหรอไง หมอนี้ทำไมไม่ไปตายซะ!
ฟางหยวนที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงไปเช่นกัน พึมพำว่า “เมื่อกี้นายเพิ่งพูดว่า…”
หลิวต้าลี่น้ำตาพรั่งพรูเต็มใบหน้า “คุยโวไง ความสามารถพิเศษอยู่แล้ว น้องสาวอย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง”
พูดจบก็มองฟางผิงอย่างน่าสงสาร “ได้ยินว่าโรงอาหารของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีข้าวฟรี พี่ใหญ่ฟาง ข้าวกลางวัน…ฉันไปกินที่โรงอาหารได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงหน้าดำเป็นก้นหม้อจนแทบดูไม่ได้ กัดฟันว่า “อาวุธนายล่ะ?”
“อาวุธ?”
หลิวต้าลี่ยกกล้องของตัวเองขึ้นมา เอ่ยอึกอักว่า “อันนี้ขายไม่ได้ราคาเหมือนกัน ของมือสอง…”
ฟางผิงอยากกระอักเลือด นี่คืออาวุธของนาย?
“พี่ใหญ่ฟาง นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของผมแล้ว มีสิ่งนี้ถึงจะหาเงินได้ คุณอย่าเอาไปเลย เอาไปแล้วผมคงต้องอดตายจริงๆ…”
ฟางผิงไร้คำจะพูดอย่างถึงที่สุด นี่…นี่เขามาเจอขั้นสามที่จนที่สุดในโลกแล้วสินะ?
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์จะจน แต่ก็ไม่มีใครจนถึงขั้นนี้หรอก!
กระทั่งบัตรเครดิตยังค้างชำระ!
หมอนี้ไม่อายคนบ้างหรือไง?
ทางธนาคารเห็นข้อมูลของเขาคงอยากกระอักเลือดเหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายคนหนึ่ง ค้างชำระเงินไม่กี่หมื่น นี่ตกลงควรจะทวงหนี้ถึงหน้าประตูหรือเปล่า? อยากจะทวงเงินกลับมา ยังจำเป็นต้องเชิญผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ไปด้วย?
ประเด็นอยู่ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ออกหน้าเพื่อเงินไม่กี่หมื่น จะกล้าลงมืองั้นเหรอ?
แทบไม่คุ้มทุนด้วยซ้ำ!
ฟางผิงสูดลมหายใจเข้าลึก กดความปรารถนาที่จะบดเจ้านี้เป็นหมูสับลงไป กัดฟันว่า “ดี ไม่มีเงินงั้นก็เอาเนื้อมาแลก!”
หลิวต้าลี่ใบหน้าเขียวคล้ำ!
ฟางหยวนมองฟางผิงอย่างตกตะลึงเช่นกัน!
ฟางผิงเอ่ยอย่างโมโหว่า “มองอะไร เขียนหลักฐานการยืมเงินห้าสิบล้านให้ฉัน ทุกปีฉันจะจ่ายเงินให้นายห้าแสนเพื่อใช้คืนเงิน…”
“พะ…พี่ใหญ่ฟาง นี่…”
“อย่าพูดมาก นายไม่อยากถูกตีตายก็เขียนซะดีๆ เขียนเสร็จแล้ว ไปรายงานตัวที่หยวนฟาง ช่วงนี้ขาดแคลนกำลังคนพอดี วางใจเถอะ ฉันไม่ใช่คนที่ขูดเลือดขูดเนื้อคนอื่น เดือนหนึ่งนายอยู่ที่หยวนฟางอาทิตย์หนึ่งก็พอแล้ว เวลาอื่นๆ แล้วแต่นายเถอะ ฉันคนนี้ใจกว้าง หนึ่งปีเข้างานไม่ถึงสามเดือน ให้เงินนายห้าแสน…ถ้านายไม่ยินยอม หนึ่งล้านก็ได้ หรือไม่ไหวจริงๆ ห้าล้าน นายคงไม่แย้งอะไรสินะ? สิบปีก็สามารถคืนหนี้ได้แล้ว ได้เงินเกือบจะสองล้านต่อเดือน นายจะไปหางานแบบนี้ที่ไหนได้?”
หลิวต้าลี่เผยสีหน้าไร้เรี่ยวแรง ในใจกลับลอบเอ่ยว่า ‘ได้ ฉันจะเขียนไปก่อน ค่อยหนีเอาก็ได้’
“แน่นอนว่าถ้านายคิดว่าหนีรอดก็หนีเถอะ แต่นายคิดให้ดี ครั้งนี้มีหลักฐานการยืมในมือ ต่อให้นายหนี ฉันก็ให้หน่วยสืบสวนทั่วประเทศไล่จับกุมนายได้อยู่ดี ถ้านายหนีไปต่างประเทศ นั่นนับว่านายเก่ง หนี้นี้ฉันรับไว้เองก็ได้”
หลิวต้าหลี่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด!
พูดแบบนี้ ฉันก็ต้องทำงานฟรีๆ ให้หมอนี้สิบปีน่ะสิ?
“ตั้งใจทำงานเถอะ วางใจได้ ติดตามฉันต้องรวยได้แน่” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ฉันค้นพบหนทางสู่ความรวยไม่น้อย นายเป็นตัวการสำคัญ ตอนนี้เทคโนโลยีมือถือพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เกรงว่าอีกไม่นานคงจะใช้มือถือดูวิดีโอ ภาพยนตร์และการถ่ายทอดขึ้นมาจริงๆ แล้ว นายเป็นผู้บุกเบิกอุตสาหกรรม ส่วนฉันจะไปเจอยอดฝีมือให้มากๆ หน่อย”
“อย่างเช่นสงครามที่เจี้ยนอันก่อนหน้านี้ ฉันอยู่ที่นั่นเหมือนกัน นายคิดดู เวลานั้นถ้าถ่ายได้จะหาเงินได้เท่าไหร่? โอกาสแบบนี้มีเยอะแยะ หากหาเงินได้จริงๆ ไม่แน่ว่านายจะได้ส่วนแบ่งนิดหน่อย พอให้พลิกตัวขึ้นมาเป็นเถ้าแก่ได้ ทั้งฉันยังรู้จักปรมาจารย์มากมาย ปรมาจารย์บางคน นายไม่มีสิทธิ์เข้าพบด้วยซ้ำ แต่ฉันทำได้ สัมภาษณ์สักหน่อยจะหาเงินไม่ได้อีกหรือไง? พี่ต้าลี่จะเลือกรวยไปกับฉัน หรือว่าเลือกถูกฉันตีตายตอนนี้ นายเลือกเองเถอะ”
แววตาของหลิวต้าลี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “นายจะให้ส่วนแบ่งฉันจริงๆ เหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ใช่คนใจแคบสักหน่อย”
หลิวต้าลี่หัวเราะแห้งๆ ฉันเชื่อนายก็แปลกแล้ว!
แต่ว่า…ถ้าฟางผิงสามารถจัดการให้เขาสัมภาษณ์ปรมาจารย์ได้จริงๆ แม้ว่าจะไม่ให้เงิน เขาก็จะมีชื่อเสียงอยู่ดี ภายหลังคงไม่ขาดโอกาสในการหาเงินแล้ว
ทางฟางผิงกลับคิดในใจว่า หลิวต้าลี่ถือเป็นคนในวงการสื่อ ตัวเองทำบริษัทสื่อเหมือนจะไม่เลวเลย สร้างข่าวลืออะไรก็ใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน