ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 329 ไม่กลัวปัญหา (1)
ตอนที่ 329 ไม่กลัวปัญหา (1)
วันที่ 5 พฤศจิกายน เหยาเฉิงจวินเข้าไปที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน
เอาชนะยอดฝีมือขั้นสี่สูงสุดในอันดับสิบเจ็ดจากมหาวิทยาลัยตงหลินด้วยสามกระบวนท่า สั่นสะเทือนไปทั้งโลกผู้ฝึกยุทธ์!
วันที่ 6 พฤศจิกายน หลี่หานซงมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว เขาออกหมัดก็สามารถเอาชนะอาจารย์ที่ถูกจัดในอันดับสิบสี่ของโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวได้แล้ว
วันที่ 7 พฤศจิกายน เหยาเฉิงจวินอ้อมหนานเจียงเข้าไปยังเป่ยหู ยอดฝีมือขั้นสี่อันดับหนึ่งของโรงเรียนอวิ๋นเมิ่ง อาจารย์ที่ถูกจัดในอันดับรวมที่สิบสองถูกเหยาเฉิงจวินตรึงกับพื้นด้วยหอกเดียว ไร้เรี่ยวแรงตอบโต้ พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
อัจฉริยะทั้งสองคนมีผลการรบที่โดดเด่น!
แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ฝ่าจากอันดับกลางๆ ทะลวงขึ้นมาข้างหน้า เริ่มเปิดศึกกับสิบอันดับแรกของขั้นสี่
และสถานีต่อไปของทั้งสองคนต่างเป็นจงโจว!
จงโจวมียอดฝีมือของสำนักอยู่มากที่สุด!
วัดว่านซาน วัดเส่าซื่อ สำนักเหวินอู่ต่างเป็นนิกายที่มีชื่อของโลกสำนัก
ยอดฝีมือสิบอันดับแรกของขั้นสี่มีหน่วยทหารสองคน มหาวิทยาลัยปักกิ่งสองคน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้หนึ่งคน หน่วยสืบสวนหนึ่งคน คนใต้สังกัดกระทรวงการศึกษาหนึ่งคน แวดวงสำนักสองคนและกองตั้งมั่นเฝ้าระวังทางเหนือหนึ่งคน
สองคนในแวดวงสำนัก คนหนึ่งคือจ้าวฉวนอู่อันดับที่เก้าของสำนักหวังอู่ หลานของผู้นำสำนักพันธมิตร จ้าวซิ่งอู่ ส่วนอีกคนเป็นภิกษุผู่กวงของวัดกว่งเซิ่งมณฑลซีซาน ถูกจัดอยู่ในอันดับที่เจ็ด
สื่อมารวมตัวกันอีกครั้ง การไปเยือนจงโจวของเหยาเฉิงจวินและหลี่หานซงในครั้งนี้ เกรงว่าจะมีเป้าหมายเป็นจ้าวฉวนอู่
ทั้งสองคนจะปะทะกันที่จงโจวหรือไม่ กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกภายนอกเช่นกัน
เหยาเฉิงจวินอ้อมหนานเจียงไป ไม่ได้ประมือกับหวังจินหยางจากมหาวิทยาลัยหนานเจียง เป็นเพราะดูแคลนหรือไม่ประสงค์กันแน่?
—
สื่อทยอยคาดเดาไปต่างๆ นานา ทำให้การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งในช่วงนี้ซบเซาลงอย่างมาก
วันที่ 8 พฤศจิกายน การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งดำเนินมาถึงสิบอันดับสุดท้ายแล้ว
สนามกีฬามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้
ฟางผิงนั่งอยู่ที่ชั้นสอง มองการต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์ข้างล่าง เอ่ยเสียงเบาว่า “ใช้โอกาสที่การแข่งขันแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ยังไม่เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ พยายามจบการแข่งขันขั้นหนึ่งให้เร็วที่สุด เจ้าพวกนี้จงใจสร้างปัญหาให้ฉัน ไม่ช้าก็เร็วจะทำให้พวกเขาได้เห็นดีกัน!”
เฉินอวิ๋นซีพยักหน้างึกงัก ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งน่าสนุกตรงไหนกัน วันมะรืนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋จะประลองกัน สนใจไปดูสักหน่อยหรือเปล่า?”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋มีใครโดดเด่นหรือไง?”
“ไม่มีหรอก ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเขาเพิ่งจะทะลวงขั้นสี่ แต่ไปดูการแสดงฝีมือของหวินจินหยางก็ไม่เลว…”
“นายไปดูมีประโยชน์อะไร? ทีมหลักในครั้งนี้ นายอาจไม่ถูกเลือกเสมอไป”
ฟางผิงพูดจบ ฉินเฟิ่งชิงก็ใบหน้าดำคล้ำ เอ่ยอย่างโมโหว่า “ฉันอาจไม่ถูกเลือกเสมอไป? ฟางผิง นายหมายความว่ายังไง?”
“เฉินเหวินหลงทะลวงขั้นสี่สูงสุด จางอวี่เข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลาย โจวชิ่งทะลวงขั้นสี่ตอนกลาง เหลียงเฟิงหวาแตะถึงขั้นสี่ตอนกลางเหมือนกัน นายถือสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าตัวเองจะถูกเลือก?”
“ฉันแข็งแกร่งกว่าพวกเขา!”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียง ฉันใกล้จะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลายแล้ว แม้จะระดับเดียวกัน พวกเขาก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ตัวเองเสมอไป
ฟางผิงคลี่ยิ้ม “ฉันเป็นคนตัดสินในการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีม เพื่อนร่วมทีมเป็นใคร ฉันยังมีสิทธิ์เลือกด้วยตัวเอง ฉินเฟิ่งชิง ครุ่นคิดสักหน่อยเถอะ”
“ครุ่นคิดอะไร?”
“ครุ่นคิดว่าต้องติดสินบนฉันหน่อยหรือเปล่า? อย่างเช่นแผนที่ที่ไหนสักแห่ง…”
“ไม่มีปัญหา!”
ฉินเฟิ่งชิงตอบอย่างรวดเร็ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แค่แผนที่แหล่งแร่พลังงานไม่ใช่หรือไง? ได้ ฉันจะให้นาย กลัวแค่นายจะไม่กล้ารับเท่านั้น”
ฟางผิงชำเลืองตามองเขา ไม่กล้ารับเท่าไหร่จริงๆ นั่นแหละ
หมอนี้ต่ำตมยิ่งกว่าหนองที่อยู่ใต้เท้า นี่หากเอาแผนที่สถานที่อันตรายให้ตัวเอง เขาตายยังไม่รู้จะตายยังไง
ฉินเฟิ่งชิงเห็นเขาเงียบไปก็หัวเราะอย่างได้ใจ เอ่ยต่อว่า “ในหมู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ครั้งนี้ ผู้ที่คุ้มค่าจะให้ความสำคัญมากที่สุดก็คือมหาวิทยาลัยหนานเจียง มหาวิทยาลัยเป่ยเจียงเป็นอันดับสอง มหาวิทยาลัยตงหลินอันดับสาม ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่างด้อยไปกว่าเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่น้อยจนแทบจะนับคนได้ ศึกสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังเริ่มต้นขึ้น โอกาสที่รอบแรกพวกเราจะเจอกับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งหรือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งพวกนั้นไม่ได้สูงมาก แม้จะบอกว่าเป็นการจับฉลาก แต่ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแน่นอน ไม่อาจให้พวกเรามาเจอกันในช่วงแรกหรอก แต่มหาวิทยาลัยหนานเจียงก็พูดยากแล้ว อาจมีโอกาสได้เจอกัน”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ หากไม่เหนือความคาดหมาย มหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว และมหาวิทยาลัยหวากั๋ว สถาบันห้าแห่งพวกนี้มีโอกาสที่จะเจอกันในรอบแรกน้อยมาก
เพราะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้และโรงเรียมเตรียมทหารพวกนี้มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุด ศึกสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดัง อาจไม่เปิดฉากให้พวกเขาเจอกันตั้งแต่ทีแรก
“ใช่สิ หลิวซื่อเจี๋ยจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋วก็ทะลวงขั้นสี่สูงสุดแล้วเหมือนกัน”
“อืม”
ฟางผิงไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ฉินเฟิ่งชิงมองเขาไปแวบหนึ่ง เอ่ยหยั่งเชิงว่า “ตอนนี้นายก้าวหน้าถึงไหนแล้ว?”
ครั้งก่อนที่เขาลงถ้ำใต้ดินกับฟางผิงก็ผ่านมาประมาณเดือนสองเดือนเท่านั้น
เวลานั้นฟางผิงเพิ่งจะทะลวงขั้นสี่ตอนกลางไม่นาน
“ตอนปลาย”
“อ่อน อ่อนเกินไปแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงส่ายหน้า “นายแค่ขั้นสี่ตอนปลาย เคล็ดวิชาต่อสู้ธรรมดา นอกจากความอึดแล้วแทบจะไม่มีข้อดีอะไร…”
“นายมั่นใจ?”
ฟางผิงเลิกคิ้ว “ช่วงนี้ฉันอยากหาคนแลกเปลี่ยนความรู้สักหน่อยอยู่พอดี นายอยากลองหรือเปล่าล่ะ?”
“เชอะ ฉันว่างนักหรือไง บาดเจ็บไม่ต้องเสียเงินรักษา? เว้นแต่ว่านายจะส่งยาฟื้นคืนชีวิตให้ฉันสักสิบเม็ดก่อน…”
ฉินเฟิ่งชิงทำหน้าดูแคลน ฉันจะสู้กับนายไปทำไม รีดไถนายยังทำได้ด้วยซ้ำ
ฟางผิงไม่สนใจเขาอีก หันกลับไปมองสังเวียนด้านล่าง
ตอนนี้คนที่กำลังประลองอยู่เป็นหลัวเซิง
หลังจากนั้นไม่นานหลัวเซิงก็ถูกคนซัดตัวปลิวร่วงลงจากสังเวียน หมดหวังจากสิบอันดับแรกไป
“สั่งสมประสบการณ์น้อยไปหน่อย แต่ในช่วงขั้นหนึ่งขั้นสองขาดแคลนไปบ้างก็ไม่เป็นไร การแข่งขันครั้งนี้สิ้นสุดลง คนพวกนี้คงจะสามารถเข้าสู่ขั้นสองได้แล้ว”
ฟางผิงกลับไม่ได้โกรธอะไร ฝ่าเข้ามาถึงยี่สิบอันดับแรกก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ครั้งนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ฝ่าเข้ามาร้อยอันดับแรกได้ทั้งหมดสิบเอ็ดคน เข้าสู่ห้าสิบอันดับแรกเจ็ดคน
ในยี่สิบอันดับแรกมีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้อยู่สี่คน
ตอนนี้สิบอันดับแรก หลัวเซิงพ่ายแพ้ไปแล้ว กู้หลงเฟยก่อนหน้านี้เอาชนะได้ ยังเหลือถังเหวินและนักศึกษาปีสองอีกหนึ่งคน มีโอกาสชนะไม่น้อย
หากชนะทั้งหมด สิบอันดับแรกจะครอบอยู่สามอันดับ ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน
พูดจบฟางผิงก็มองไปทางเฉินอวิ๋นซี “เล่าความก้าวหน้าในการทะลวงด่านของนักศึกษาเซี่ยงไฮ้ให้ฉันฟังหน่อย”
ตอนนี้ห่างจากตอนเปิดเทอมประมาณสองเดือนกว่าแล้ว
เวลาสองเดือนกว่านี้ คะแนนจำนวนมากถูกยืมออกไป ภารกิจจำนวนมากถูกแจกจ่ายออกไป เทียบกับหลายปีก่อน พวกนักศึกษาอยู่ดีกินดีมากกว่า
“มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีนักศึกษาทั้งหมดหกพันห้าร้อยแปดสิบคน ตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สิบสี่คน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเก้าสิบแปดคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเก้าร้อยแปดสิบสองคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสี่พันห้าร้อยคน ส่วนที่เหลือเป็นคนธรรมดา ทั้งเป็นนักศึกษาใหม่ทั้งหมด นักศึกษาปีสูงเป็นผู้ฝึกยุทธ์หมดแล้ว รุ่นของพวกเราต่างทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน”
“พูดแบบนี้แสดงว่าในหมู่นักศึกษาใหม่มีมากกว่าครึ่งหนึ่งที่ทะลวงด่านแล้ว?”
“อืม”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ ความก้าวหน้านี้ไม่นับว่าช้าเลย
ตอนที่เข้ามหาวิทยาลัย นักศึกษาใหม่มีเกือบสองพันคน ตอนนี้กว่าหนึ่งพันคนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว อย่าลืมว่านี่เพิ่งเปิดเทอมไม่ถึงสามเดือนเท่านั้น
เมื่อปีก่อนเทอมแรกสิ้นสุดลงยังมีคนกว่าครึ่งไม่ได้ทะลวงด่านด้วยซ้ำ
รุ่นนี้หากไม่เหนือความคาดหมาย เทอมนี้สิ้นสุดลง นอกจากคนกลุ่มน้อย น่าจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันหมดแล้ว
“จำนวนของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเกือบเป็นสองเท่าแล้วเหมือนกัน” ฟางผิงพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีแค่ห้าร้อยกว่าคนเท่านั้น
พูดจบฟางผิงก็เอ่ยต่อว่า “เทอมนี้เป้าหมายของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์คือต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งมหาวิทยาลัย! ปีสองปีสามปีสี่มีทั้งหมดประมาณสี่พันหกร้อยคน ตอนนี้นักศึกษาขั้นหนึ่งยังมีประมาณสามพันห้าร้อยคน ปีสองยังไงก็เพิ่งเข้าเรียนมาหนึ่งปี ฉันไม่บังคับอะไรหรอก แต่ปีสามปีสี่ตอนนี้ยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งอีกประมาณสองพันคน คนพวกนี้ฉันคิดว่าแรงกดดันคงไม่เยอะเท่าไหร่ กลับไม่ไฟแรงเหมือนนักศึกษาใหม่ ใครบอกฉันได้บ้างว่ามันเพราะอะไร?”