ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 333 มาแทงใจดำโดยเฉพาะ (1)
ตอนที่ 333 มาแทงใจดำโดยเฉพาะ (1)
สนามบินปักกิ่ง
ประตูผู้โดยสารขาเข้า
หลิงอีอีเผยใบหน้าไม่เต็มใจ แค่นเสียงว่า “ฉันไม่รับคนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกนายไปรับเถอะ!”
หานซวี่พยักหน้านิ่งๆ แล้วแต่เธอเลย
“ไม่ ฉันจะไปรับคนของเซี่ยงไฮ้ จัดห้องที่แย่ที่สุดให้กับไอ้เวรฟางผิงคนนั้น!”
หานซวี่พยักหน้าต่อ เอาตามที่เธอว่า
“ไม่สิ ยังมีคนอื่นๆ อีก หรือจะจัดห้องที่แย่ที่สุดให้ฟางผิงอยู่แค่คนเดียว?”
หานซวี่ยังคงพยักหน้าเหมือนเดิม เธอว่ายังไงก็อย่างนั้น
“ไม่ได้เหมือนกัน…ไอ้เวรนั่นต้องไม่…”
หานซวี่อดไม่ไหว เอ่ยอย่างจนใจ “รุ่นพี่หลิง ห้องมันเรื่องเล็ก ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยงไฮ้ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินเช่าห้อง อย่าให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องตลกเลย…”
นายไม่ตอบกลับยังพอว่า พอตอบกลับหลิงอีอีคล้ายหาที่ระบายอารมณ์ได้ ชั่วขณะนั้นก็เอ่ยอย่างโมโห “นายดูตัวเองสิ ตอนแรกนำทีมไปแข่งขันแลกเปลี่ยนเหมือนเขา ตอนนี้เขานำทีมมาครั้งที่สองแล้ว นายกลับได้รับหน้าที่ต้อนรับแขก…”
หานซวี่นิ่งไป เหมือนกันนั่นแหละ เธอพูดแทงใจดำฉัน ไม่แทงใจตัวเองบ้างหรือไง?
หลิงอีอีไม่รู้สึกว่าแทงใจเลยสักนิด เพราะเธอเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ด้วย
แต่..ที่น่าโมโหคือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งนึกไม่ถึงว่าจะจัดให้เธออยู่ในทีมสำรอง นี่ทำให้หลิงอีอีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!
นึกไม่ถึงว่าจะดูถูกกันได้!
ขั้นสี่ตอนปลายขั้นสี่สูงสุดแล้วยังไง?
แม้ว่าฉันจะอยู่ขั้นสี่ตอนกลาง ก็ไม่ใช่ว่าใครจะมาบีบเค้นได้ง่ายๆ เธอแค่ไม่อยากบั่นคอไอ้เวรพวกนั้น ไม่งั้นเธอเข้าทีมหลักคงไม่มีปัญหาสักนิด
พูดแทงใจหานซวี่แล้ว หลิงอีอีจึงคลายโทสะลงได้บ้าง
จับจ้องสายตาที่ประตูผู้โดยสารขาเข้า ฟางผิงไอ้เวรนั่นถือสิทธิ์อะไรได้นำทีมมาแข่งขันแลกเปลี่ยน มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่มีคนอื่นแล้วหรือไง?
—
นอกสนามบิน ไม่ใช่แค่ทีมของปักกิ่งที่มารับคน ยังมีสื่อนักข่าวจำนวนมาก
ตอนนี้พวกนักข่าวแบกกล้องถ่ายภาพด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
“คนของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงมาแล้ว!”
เมื่อเสียงดังขึ้น ทุกคนก็ทยอยเดินออกไปข้างหน้า
ทางนี้เพิ่งจะเข้าไป อีกทางก็มีคนตะโกน “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลินก็มาแล้วเหมือนกัน!”
ทีมหลักของครั้งนี้ราวกับรู้โดยทั่วกัน ทยอยนั่งเครื่องบินมาถึงปักกิ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน
คล้อยหลังจากที่มหาวิทยาลัยสองแห่งออกมา มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อื่นๆ ก็ทยอยมาถึงเช่นกัน
ในเวลานี้มีคนตะโกนเสียงดัง “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้มาถึงแล้ว!”
ครู่ต่อมาทั่วทั้งสนามบินก็ตกสู่ความเงียบ
ตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีฟางผิงเป็นคนนำทีม พวกอาจารย์ไม่ได้อยู่ด้วย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่กว่าสิบคนกำลังระเบิดปราณอย่างเต็มกำลัง กดดันจนหลายคนรู้สึกหายใจไม่ออก
จนถึงตอนนี้ค่อยมีคนสังเกตว่าด้านหลังพวกฟางผิงยังตามมาด้วยเด็กหนุ่มในชุดทหารอีกสิบกว่าคน
คนของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง!
—
“เหิมเกริม!”
ในทีมโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง มีคนเผยท่าทีโมโหขึ้นมา
คนของเซี่ยงไฮ้เหิมเกริมเกินไปแล้ว!
ทุกคนลงสนามบินมาด้วยกัน แต่ไม่ได้นั่งมาเที่ยวบินเดียวกัน
ผลปรากฏว่าเพิ่งลงจากเครื่องบิน คนของเซี่ยงไฮ้ก็พุ่งเป้ามาที่พวกเขาทันที ฟางผิงผู้นำทีมถึงกระทั่งใช้พลังจิตใจสั่นสะเทือนพวกเขา…พูดว่าสั่นสะเทือนเหยาเฉิงจวินน่าจะเหมาะสมกว่า!
ยอดฝีมือที่ปล่อยพลังจิตใจได้ตั้งแต่ขั้นสี่ตอนต้นคนนี้ หลังจากทะลวงขั้นสี่สูงสุด พลังจิตใจก็ยิ่งแข็งแกร่งกว่าเดิม
ฟางผิงกำลังยั่วโทสะเหยาเฉิงจวิน
ตอนนี้เหยาเฉิงจวินเผยใบหน้านิ่งเรียบ ไม่ส่งเสียงอะไร ในความเป็นจริงไม่อาจพูดอะไรได้เช่นกัน
พลังจิตใจของฟางผิงไม่อ่อนด้อยแม้แต่น้อย ถึงกระทั่งเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าเขาอยู่เล็กน้อย
แน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้ต่างกันมาก
เหยาเฉิงจวินขึ้นชื่อว่าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร มักจะฝึกฝนอยู่ที่หน่วยทหารตลอดเวลา เข่นฆ่าสังหารมานับไม่ถ้วน หากใช้ไอสังหารก็ไม่ด้อยกว่าฟางผิงเช่นกัน
แม้จะเป็นแบบนี้ เหยาเฉิงจวินยังรับรู้ถึงความกดดันอยู่ดี
ความกดดันที่มาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!
ฟางผิงจากเซี่ยงไฮ้ทะลวงถึงขั้นสี่สูงสุดแล้วเหมือนกัน!
ทั้งสองคนใช้พลังจิตใจปะทะกัน คนอื่นๆ กลับใช้พลังปราณ ตลอดทางทั้งสองฝ่ายแสดงพลังจนค่อยๆ แตะถึงขีดจำกัดหนึ่ง
ด้านหน้าฝูงชนนั้นฟางผิงเผยใบหน้าเรียบนิ่ง รอจนออกมาจากสนามบินแล้ว ฟางผิงที่เงียบมาโดยตลอดค่อยส่งเสียงว่า “โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง นับว่าไม่เลวเลย หวังว่าจะสามารถเห็นพวกนายในรอบชิงชนะเลิศได้!”
ด้านหลังคนของโรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่งต่างระเบิดโทสะออกมา
เหยาเฉิงจวินกลับเผยใบหน้าหนักอึ้ง ฟางผิง…ยังมีพลังอีกเหลือเฟือ!
เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ก่อนหน้านี้เขามองฟางผิงอยู่ระดับเดียวกับเฉินเหวินหลง อันที่จริงถือว่าประเมินฟางผิงสูงเกินไปเช่นกัน ยังไงฟางผิงก็เพิ่งทะลวงได้ไม่นาน มองเขาเทียบกับยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของขั้นสี่ เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นความสำคัญแล้ว
แต่ในตอนที่พลังจิตใจของเขาและฟางผิงปะทะกันอย่างราบเรียบ นี่แสดงให้เห็นว่าเผชิญหน้ากับฟางผิง ความได้เปรียบของพลังจิตใจเขาไร้ผลโดยสิ้นเชิง
“แต่ว่า…ไม่มีความได้เปรียบเรื่องพลังจิตใจ ฉันก็เอาชนะนายได้อยู่ดี!”
เหยาเฉิงจวินพึมพำในใจ ไม่ได้พูดเสียงดังออกมา
—
ฟางผิงที่ทิ้งคำพูดเหิมเกริมไว้ สาวเท้าไปหาหลิงอีอี ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากก็ชิงพูดก่อน “นำทางไปโรงแรม!”
“ฉัน…”
หลิงอีอีแทบอยากด่าถึงบุพการีเลยด้วยซ้ำ!
ไอ้เวรนี้ เห็นฉันเป็นคนรับใช้หรือไง?
“อะไรกัน ปักกิ่งไม่ได้จัดที่พักไว้ให้? ช่างเถอะ พวกเราไปโรงแรมเองก็ได้!”
หานซวี่ได้ฟังก็รีบเอ่ยว่า “จัดเตรียมไว้หมดแล้ว รถรออยู่ด้านนอก”
“ขอบคุณ นำทางพวกเราไปเถอะ”
“ได้ ทุกคนตามฉันมา”
ระหว่างที่หานซวี่พูดก็คิดจะดึงหลิงอีอีไว้ ผลปรากฏว่าหลิงอีอีกลับถลึงตาจ้องเขาไม่กะพริบ นายลองดึงดูสิ?
หานซวี่ไร้เรี่ยวแรงอยู่บ้าง แม่งเหอะ ทำไมฉันถึงมาต้อนรับคนกับผู้หญิงคนนี้ได้!
ไม่มองหลิงอีอีอีก หานซวี่บอกเป็นนัยให้คนที่เหลือไปรับแขกคนอื่นแล้วก็นำทางพวกฟางผิงไปด้วยตัวเอง
แม้ว่านักข่าวด้านนอกอยากจะสัมภาษณ์สักหน่อย ผลปรากฏว่าเห็นสถานการณ์นี้จึงละทิ้งความคิดไป
คนของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ดูเหมือนจะวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่อาจรับมือได้ง่ายๆ
ไปสัมภาษณ์คนอื่นแทนแล้วกัน
รวมถึงคนของโรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่งด้วย ตอนนี้แทบไม่มีนักข่าวกล้าไปสัมภาษณ์เหมือนกัน
คนพวกนี้ทำราวกับว่าถ้าคุณกล้ามา ฉันก็กล้าจัดการคุณ ทำเอาพวกนักข่าวหลายคนตกใจจนต้องหลีกทางให้ พูดกันว่าคนของโรงเรียนเตรียมทหารพูดง่าย ทำไมรู้สึกว่าไม่ง่ายแล้วล่ะ?
คนของโรงเรียมเตรียมทหารอันดับหนึ่งไม่สนใจเช่นกัน พูดง่ายอะไรกันล่ะ เมื่อกี้เพิ่งถูกเซี่ยงไฮ้หาเรื่องมา ให้ทำหน้าตาระรื่นก็แปลกแล้ว
พวกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างตงหลินต่างถูกกลุ่มนักข่าวล้อมแน่น นักศึกษาบางคนยังบ่นออกมา หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้คงเลียนแบบสองสถาบันนั้นไปแล้ว ตอนนี้ให้ระเบิดพลังกดดันคนอีก คงดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่แล้ว
—
รถที่มารอเป็นรถบัส
พวกอาจารย์ไม่ได้เดินทางไปพร้อมพวกเขา หลังจากเครื่องบินลงจอด พวกอาจารย์ต่างก็แยกย้ายกันไป ให้เวลาที่เหลือกับคนหนุ่มสาว
พวกฟางผิงขึ้นรถแล้ว หานซวี่ก็ตามขึ้นมาด้วย เห็นหลิงอีอีทำท่าจะขึ้นมาเหมือนกัน หานซวี่จึงอดเอ่ยไม่ได้ “รุ่นพี่หลิง เธอไปกับทีมอื่นดีหรือเปล่า…”
“หมายความว่ายังไง?”
หลิงอีอีเอ่ยอย่างไม่พอใจ “ฉันจะขึ้นรถคันนี้ นายจะไม่ให้ฉันขึ้น?”
หานซวี่จนใจอีกครั้ง ครั้งหน้าตีเขาให้ตายยังไงก็จะไม่มากับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด ฉันสาบานได้!
หลิงอีอีไม่สนใจเขาเช่นกัน ขึ้นรถแล้วก็ไปนั่งตรงข้ามกับฟางผิง ถลึงตามองเขา
ฟางผิงดูสบายอารมณ์อย่างยิ่ง ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร ยังจงใจชำเลืองมองหน้าอกเธอไปหลายที ทำเอาหลิงอีอีแทบระเบิดโทสะออกมา
ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างหัวเราะขึ้นมา “สหายหลิง ได้ยินว่าเธอไม่ได้เข้าทีมหลัก?”
“ฉินเฟิ่งชิง!”
หลิงอีอีกัดฟันกรอด กำหมัดด้วยใบหน้าแดงก่ำ เอ่ยอย่างโมโห “นายเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
“สหายหลิงไง เธอหูฝาดแล้ว?”
ฉินเฟิ่งชิงเบ้ปากขำ “น่าเสียดาย อายุยังน้อย เฮ้อ นึกถึงตอนแรกเธอก็เป็นคนที่พอจะตามฉันทันได้ นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะตกต่ำขนาดนี้ ตามก้นฉันซะแล้ว…”
“นายลองพูดอีกสิ ไม่จำเป็นต้องรอการแข่งขันแล้ว ฉันจะอัดนายให้ตายเดี๋ยวนี้แหละ!”