ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 334 ตัวสร้างหายนะจากเซี่ยงไฮ้ (1)
ตอนที่ 334 ตัวสร้างหายนะจากเซี่ยงไฮ้ (1)
วันที่ 29 พฤศจิกายน มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมุ่งหน้าสู่ปักกิ่ง
ในนั้นมีมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ที่เหิมเกริมมากที่สุด
ทีมผู้เข้าร่วมแข่งขันของเซี่ยงไฮ้ยั่วโทสะโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งที่สนามบิน กองเชียร์ยังถือป้าย ‘มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันดับหนึ่ง’ ที่สถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถหรูที่นำขบวนก็ติดป้ายไว้เช่นกัน แล่นผ่านตรอกซอกซอยต่างๆ อ้อมด้านหน้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งรอบหนึ่งแล้วจึงค่อยกลับไปโรงแรม
เวลานี้ราวกับว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นทีมเจ้าบ้านแทนปักกิ่งซะเอง
ทำเอาคนของปักกิ่งแทบจะระเบิดความโมโหออกมา!
—
ในโรงแรม
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยั่วโมโหก็ทำแล้ว หลังจากนี้ทุกคนไม่ช่วยออกแรงหน่อย คงเป็นปัญหาแล้ว จะถูกอัดตายก็สมควร”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ยังไงถ้าตาย นายและเฉินเหวินหลงก็ตายก่อน”
ฟางผิงทำเรื่องแบบนี้ ปากบอกว่าทุบหม้อข้าวจมเรือ ในความเป็นจริงเป็นการรนหาที่ตายมากกว่า
ทุกคนกำลังกินข้าวที่ห้องอาหาร จู่ๆ ฟางผิงก็หน้าเปลี่ยนสี ก้มหน้าลงทันที ไม่วางท่ายโสโอหังเหมือนตะกี้อีกแล้ว
ด้านนอกห้องอาหาร ตอนนี้เฉินอวิ๋นซีคล้องแขนเฉินเย่าถิง เอ่ยอย่างดีใจว่า “ปู่อยู่โรงแรมอื่นไม่ใช่หรือไง? ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะ?”
“ปู่ให้คนช่วยเปลี่ยน ครั้งนี้มหาวิทยาลัยจิงหนานก็พักที่นี่เหมือนกัน หลักๆ เพราะมาดูหลานนั่นแหละ เจ้าหญิงน้อยตระกูลเฉินของปู่ กลายเป็นหัวหน้ากองเชียร์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ปู่ อย่าพูดแบบนี้สิคะ พวกเราไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้เลยมาช่วยเชียร์พวกฟางผิง แบบนี้ก็ดีแล้ว”
“ทำไมไม่เห็นหลานช่วยเชียร์มหาวิทยาลัยจิงหนานบ้างล่ะ?”
“ปู่ หนูอยู่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นะคะ…”
“ปู่เสียใจอยู่บ้างจริงๆ”
เฉินเย่าถิงถอนหายใจ เสียใจที่ส่งหลานสาวไปเรียนเซี่ยงไฮ้ รั้งให้อยู่จิงหนานก็คงดี
ระหว่างที่พูด สองปู่หลานก็ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร
“ฟางผิง!”
เฉินอวิ๋นซีตะโกน ฟางผิงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ก้มหน้าก้มตากินข้าวอย่างขะมักเขม้น
ไม่ใช่แค่ฟางผิง ฉินเฟิ่งชิงจอมก่อเรื่อง ในเวลานี้ก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนกัน ไม่ส่งเสียงอะไรสักนิด
ยังคงเป็นจางอวี่ที่ยิ้มทักทายกลับไป รอจนเฉินเย่าถิงเข้ามา พวกเขาก็รีบลุกขึ้นทำเคารพ
ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงทำราวกับมองไม่เห็น ยังคงก้มหน้ากินข้าวต่อ
“ฟางผิง รุ่นพี่ฉิน…”
ฟางผิงราวกับเพิ่งได้ยิน เงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง จู่ๆ ก็เอ่ยว่า “อวิ๋นซี แล้วกันไปเถอะ ฉินเฟิ่งชิงแค่ปากเสียไปบ้าง ตำหนิเธอไม่กี่ประโยคเท่านั้น เธอคงไม่ถึงขั้นเรียกอธิการเฉินมาแก้แค้นเขาหรอกนะ?”
เฉินอวิ๋นซีเผยใบหน้างงงวย ฉินเฟิ่งชิงสำลักไออย่างหนัก!
แม่งเหอะ ฉันว่าแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีแน่
เฉินเย่าถิงเผยแววตาไม่พอใจอยู่บ้าง กวาดสายตามองฉินเฟิ่งชิงก่อนจะมองฟางผิงไปอีกครั้ง
ฟางผิงละล่ำละลักว่า “อวิ๋นซี อธิการเฉิน พวกเรายังต้องกลับไปฝึกวิชาเตรียมพร้อมกับการแข่ง คงไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนพวกคุณได้ พวกเราขอตัวกัน ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะครับ!”
สิ้นเสียงนั้น ฟางผิงและฉินเฟิ่งชิงก็เดินตัวปลิวหายแวบไปในชั่วพริบตา
พวกจางอวี่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทำความเคารพแล้วก็แยกย้ายออกจากห้องอาหาร
พวกเขาไปแล้ว เฉินอวิ๋นซีก็พองลมแก้ม มองค้อนปู่ตัวเอง “ปู่ทำพวกเขาตกใจหนีไปหมดแล้ว”
เฉินเย่าถิงเหนื่อยใจ ตาเฒ่าพูดอะไรหรือยัง?
เจ้าเด็กเหลือขอสองคนนั่นร้อนตัวไปเอง นี่กลับมาโทษฉัน?
ไม่ตอบกลับหลานสาว หาที่นั่งแล้ว เฉินเย่าถิงก็เอ่ยว่า “เดี๋ยวไปหาพี่ของหลานกัน ช่วงนี้เขากดดันไม่น้อย ต้องปลอบใจสักหน่อย”
“อื้ม เข้าใจแล้ว” ระหว่างที่พูดเฉินอวิ๋นซีก็ปวดหัวอยู่บ้าง “ปู่คะ ถ้ามหาวิทยาลัยจิงหนานเจอกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ในรอบแรกจะทำยังไงล่ะ?”
เฉินเย่าถิงสีหน้าดูแทบไม่ได้ แค่นเสียงว่า “เจอก็สู้น่ะสิ!”
“สู้ไม่ไหวหรอก!”
“อวิ๋นซี!”
เฉินเย่าถิงมีโทสะทันที เข้าข้างใครอยู่กันแน่?
หลานรู้ว่าสู้ไม่ไหว?
ปู่ของหลานเป็นอธิการบดี พี่ของหลานเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ หลานพูดแบบนี้ไม่แทงใจตัวเองบ้างหรือไง?
เฉินอวิ๋นซีเห็นปู่คล้ายไม่สบอารมณ์ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “หากเจอกันจริงๆ…หนูจะไปพูดกับพวกเขาให้ยอมอ่อนกับจิงหนานสักสองรอบ ไม่งั้นถูกเอาชนะห้ารวดแน่…”
“หลาน…หลานอยู่เซี่ยงไฮ้ เอาเยี่ยงอย่างได้ดีจริงๆ!”
เฉินเย่าถิงปวดใจอย่างมาก หลานสาวสุดที่รักของตัวเองถูกสอนจนเป็นแบบนี้ซะแล้ว!
หากรู้ก่อนว่าเซี่ยงไฮ้เป็นแบบนี้ ตีให้เขาตายยังไงก็ไม่ส่งหลานไปเรียนที่นั่นหรอก
เฉินอวิ๋นซีปิดปากเงียบ ช่วงนี้ปู่โมโหง่ายจริงๆ ฉันแค่พูดความจริง จะถูกเอาชนะรวดได้
พี่ของเธอเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสี่ตอนปลาย คนอื่นๆ ของจิงหนานอยู่ในขั้นสี่ตอนต้นและตอนกลางทั้งนั้น ส่วนตอนปลายมีแค่พี่รองของเธอคนเดียว
นี่หากเจอกับเฉินเหวินหลงหรือฟางผิง ถึงกระทั่งฉินเฟิ่งชิง อาจจะถูกชนะห้ารวดได้
แม้เฉินเย่าถิงจะปวดใจ แต่ก็มีแรงกดดันอยู่เล็กน้อย
ฝีมือของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อ่อนด้อย
ขั้นสี่สูงสุดสองคน ขั้นสี่ตอนปลายสองคน ขั้นสี่ตอนกลางอีกหนึ่งคน
หากเจอกับมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ จิงหนานคงต้องหลุดจากอันดับไป
“ตำแหน่งสิบมหาวิทยาลัยดัง ยังไงก็ต้องรักษาไว้ให้ได้ หวังว่ารอบแรกจะไม่ได้เจอกัน”
เฉินเย่าถิงถอนหายใจเบาๆ อัจฉริยะมากพรสวรรค์ถูกมหาวิทยาลัยชื่อดังชิงตัวไปแล้ว แม้จิงหนานจะไม่นับว่าอ่อนแอ แต่เทียบกับมหาวิทยาลัยอย่างพวกเซี่ยงไฮ้แล้ว พื้นฐานยังแย่ไปกว่าอยู่บ้าง
โลกข้างนอกรายงานว่าปีนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ตกต่ำลง แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ตกต่ำแบบไหนกัน ฝีมือยังคงแข็งแกร่งมาก
“ฟางผิงเจ้าเด็กนั่นก้าวหน้าไวจริงๆ”
ชายชราถอนหายใจอีกครั้ง นี่เพิ่งจะผ่านไปกี่วันเอง?
ขั้นสี่สูงสุดแล้ว!
—
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องอาหารต่อจากนั้น ฟางผิงไม่รู้อยู่แล้ว
เขารู้แค่นึกไม่ถึงว่าจิงหนานจะเปลี่ยนมาพักโรงแรมเดียวกับพวกเขา
พอคิดว่าอาจต้องอยู่ร่วมกันช่วงหนึ่ง เจอกับเจ้าหนี้อย่างเฉินเย่าถิงทุกวัน ฟางผงก็ปวดหัวขึ้นมา
ท่านผู้เฒ่าตีตัวเองตายยังไม่เกินไปด้วยซ้ำ
ช่วงการแข่งขันมีโอกาสน้อยที่จะลงมือกับเขา
กลัวก็แต่ว่า…จะมาทวงหนี้ถึงหน้าประตูน่ะสิ!
ฟางผิงก็ต้องรักษาหน้าตาตัวเองเหมือนกัน แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าไม่อาจคืนหนี้ได้ จะไปหาแก่นหัวใจมาคืนจากไหนล่ะ
—
ตอนนี้ทั้งโรงแรมมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เข้าพักอยู่สามแห่ง
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน และวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้
ช่วงบ่ายพวกฟางผิงเดินสังเกตการณ์รอบๆ แล้ว ทีมจากจิงหนานฝีมือธรรมดา
คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือเฉินเฮ่าหราน แต่อยู่ในขั้นสี่ตอนปลายเท่านั้น ทั้งยังเพิ่งทะลวงได้ไม่นาน ลมหายใจเลื่อนลอยอยู่บ้าง ได้ยินว่าหลังจากเหยาเฉิงจวินไปท้าประลองอาจารย์ที่จิงหนาน เฉินเฮ่าหรานก็เข้าถ้ำใต้ดิน ทะลวงด่านที่นั่น
ขั้นสี่ตอนปลายหนึ่งคน ตอนกลางสองคน ตอนต้นอีกสองคน
ฝีมือเช่นนี้ สำหรับคนอื่นๆ ถือว่าแข็งแกร่งมาก
ในสายตาของฟางผิงกลับไม่ควรค่าให้กังวล
ส่วนวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สามคน อยู่ตอนต้นและตอนกลางทั้งหมด ไม่ได้มีผู้ฝึกยุทธ์ตอนปลาย
คนอื่นที่เหลือก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุด
ความสามารถเช่นนี้ ยังคงเป็นประโยคนั้น สำหรับคนอื่นถือว่าไม่อ่อนด้อย สำหรับเซี่ยงไฮ้ไม่มีค่าพอให้เหลียวมองจริงๆ
แต่ตอนที่เจอกับทีมของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้กลับมีเหตุไม่คาดฝันอยู่บ้าง
ฉินเฟิ่งชิงเหมือนจะเจอปัญหาแล้ว
ฟางผิงที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในโลกข้างนอกกลับไม่เจอปัญหาอะไร
เป็นฉินเฟิ่งชิงที่ถูกผู้หญิงพวกนั้นใช้แววตาฆ่าคนจ้องมอง
ตอนแรกฟางผิงคิดเชื่อมโยงไปต่างๆ นานา คงจะได้แล้วก็ทิ้ง รักเกลียดไม่ชัดเจน รักเก่าลืมยากทำนองนั้น…
ผลปรากฏว่าฟางผิงกลับเดาผิดไป
ผู้ฝึกยุทธ์หญิงหัวหน้าทีมวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ปะทุโทสะอย่างหนัก มองฉินเฟิ่งชิง ถลึงตาด้วยความโมโหใส่เขา “ฉินเฟิ่งชิง นายยังกล้าโผล่หน้าออกมา!”
อันที่จริงฉินเฟิ่งชิงงุนงงและดูเหนือความคาดหมายเช่นกัน ไม่เหมือนกับแสร้งทำสักนิด เอ่ยอย่างตกใจว่า “เธอรู้จักฉัน? ชื่อเสียงฉันโด่งดังขนาดนั้นเลย?”
“นาย!”
พวกผู้ฝึกยุทธ์หญิงแทบจะกระอักเลือดออกมา!
ใครไม่รู้จักไอ้เวรอย่างนายบ้าง!
ในนั้นมีนักศึกษาหญิงที่ดูอายุน้อยคนหนึ่ง เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “นายแสร้งต่อไปเถอะ! ครั้งก่อนที่ถ้ำใต้ดิน พวกเราไม่ได้ล่วงเกินนาย นึกไม่ถึงว่านายจะล่อให้พวกสัตว์ประหลาดมาตามไล่ฆ่าพวกเรา นายยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงงงงวย เอ่ยอย่างหมดคำพูด “อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นมาก่อน”
“นายยังจะเสแสร้งอีก!”
นักศึกษาหญิงหัวหน้าทีมโมโหอย่างมาก “เมื่อเดือนมกราคมพวกเราเกือบจะตาย ใกล้ๆ กับสนามบดเนื้อมีพวกสัตว์ประหลาดเข้ามานับสิบตัว หากไม่ใช่ว่าอาจารย์พวกเราตามมาทันคงตายไปนานแล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงเกาหัว จริงหรือเปล่า?
วิ่งหนีสัตว์ประหลาด…เขาไม่ได้ทำแค่ครั้งสองครั้งด้วย
เขาทำมาหลายครั้งแล้ว ครั้งก่อนกับฟางผิงก็ไม่ใช่ความบังเอิญ เรื่องนี้เขามีประสบการณ์
แต่สถานการณ์โดยทั่วไป เขาจะวิ่งออกไปค่อนข้างไกล ทั้งไม่เจอผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ด้วยเช่นกัน
ใกล้ๆ กับสนามบดเนื้อ เขาเหมือนว่าจะไม่ได้เข้าไปนะ?
ครุ่นคิดอย่างหนักแล้ว ฉินเฟิ่งชิงจำไม่ได้จริงๆ ทั้งคร้านจะสนใจ เอ่ยออกไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่ตายก็ดีแล้ว จะสนใจมากมายขนาดนั้นไปทำไม”
คำพูดนี้ทำเอาคนพวกนั้นโมโหจนแทบคิดจะบั่นคอเขา
นายพูดเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ!
ฉินเฟิ่งชิงหัวเราะว่า “ถือเป็นการขัดเกลาความรู้ละกัน ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ คนไม่ตายก็เพียงพอแล้ว พูดตามตรง พวกเธอน่าจะขอบคุณฉัน พวกเธอเคยเจอกับสถานการณ์แบบนี้หรือไง? ตื่นเต้นมากใช่หรือเปล่า? กระตุ้นความสามารถของพวกเธอออกมา! สัตว์ประหลาดนับสิบตัว หากถูกฉันล่อเข้าไปจริงๆ งั้นพวกเธอคงไม่เคยเจอมาก่อน เป็นครั้งแรกที่ประสบพบเจอ ใกล้กับสนามบดเนื้อไม่ได้มีสัตว์ประหลาดอะไร พวกเธอเจอสถานการณ์แบบนี้ถึงจะแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ตอนนี้เข้าสู่ขั้นสี่ ฝ่ามาถึงยี่สิบอันดับแรกแล้ว ฉันพูดถูกหรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงแถเอาตัวรอด กลับนึกไม่ถึงว่าพวกผู้ฝึกยุทธ์หญิงจะเงียบไปจริงๆ
ฟางผิงทำหน้าอึ้ง จบง่ายๆ แบบนี้?
ฉินเฟิ่งชิงเอาเรื่องจริงๆ!
ความสามารถในการหลอกคนอัปเกรดขึ้นแล้ว!
ฉินเฟิ่งชิงพูดจบยังเอ่ยต่อว่า “หากรอบแรกได้เจอกับพวกเธอ วางใจเถอะ ฉันจะยั้งมือให้ ฉันไม่เหมือนกับฟางผิง ไม่เล็งหน้าอกหรอก…”
ฟางผิงกลอกตา ดึงตัวเขาออกมาทันที
อยู่กับเจ้าหมอนี่ทีไร มักรู้สึกขายหน้าทุกที