ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 334-2 ตัวสร้างหายนะจากเซี่ยงไฮ้ (2)
ตอนที่ 334 ตัวสร้างหายนะจากเซี่ยงไฮ้ (2)
กลับมาถึงห้อง พวกฟางผิงรวมตัวกันอีกครั้ง พูดคุยง่ายๆ ไม่กี่ประโยค
เพราะยังไม่ได้จับฉลาก รอบแรกจะเจอกับทีมไหนยังไม่รู้ ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องวางแผนกลยุทธ์ รายงานเรื่องราวอะไรอย่างละเอียด
พวกเขาพูดคุยกันคร่าวๆ แล้วก็แยกย้ายกลับห้องไปพักผ่อน
การแข่งขันกำลังเริ่มต้นขึ้น ทุกคนต่างไม่มีกะจิตกะใจออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
—
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันต่อมา ทุกคนตื่นกันแต่เช้าตรู่
การจับฉลากครั้งนี้ รวมถึงการแข่งขันต่อจากนี้ล้วนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง
เดิมบอกว่าจัดในสนามกีฬาเมืองปักกิ่ง
ผลปรากฏว่าไม่รู้เพราะมหาวิทยาลัยปักกิ่งเล่นลูกไม้อะไรถึงเปลี่ยนไปจัดในมหาวิทยาลัยแทนได้ นี่ทำให้ฟางผิงก่นด่าในใจไม่หยุดหย่อน
การแข่งขันแลกเปลี่ยนรบกวนการฝึกวิชาของอาจารย์และนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แต่ไม่รบกวนมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือไง?
เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลคิดจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียม…ไม่สิ นี่ไม่นับว่าเท่าเทียม เข้าข้างมหาวิทยาลัยปักกิ่งมากกว่า
ออกมาจากโรงแรมก็ยังคงไม่เห็นพวกหวงจิ่ง
คนพวกนี้ไม่เห็นเงาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่รู้ว่าไปมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือไปที่อื่น
ครั้งนี้หลิงอีอีไม่ได้มา หานซวี่ก็ไม่ได้มา แต่ส่งคนจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งที่หน้าตาไม่คุ้นเคยมาคนหนึ่ง
คนอื่นไม่คุ้นเคย ฟางผิงกลับคุ้นเคย
เห็นคนที่มา ฟางผิงถึงกับตกตะลึง!
“อาเสียง นึกไม่ถึงว่านายจะกล้ามา!”
ฟางเหวินเสียงไม่ปริปาก หานซวี่บอกเขาว่านี่ถือเป็นหนทางแห่งการฝึกจิตใจ
ยอดฝีมือก็ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งเช่นกัน!
แค่คำเสียดสี เยาะเย้ยและแทงใจของฟางผิงยังรับไม่ไหว งั้นจิตใจบนเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์คงไม่บริสุทธิ์อีกแล้ว
เมื่อวานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ประชุมกันทั้งคืนว่าใครจะเป็นคนมารับ
หานซวี่พูดแฝงด้วยสัจธรรมบอกปัดไม่หยุดหย่อน ฟางเหวินเสียงกลับอาสาตัวเอง ยกมือสื่อว่าเขาจะมารับ
หนทางแห่งการฝึกจิตใจ!
“อาเสียง หนี้ที่ติดฉันไว้ ยังจำได้หรือเปล่า?”
ฟางผิงตบไหล่ของฟางเหวินเสียง นึกไม่ถึงว่าฟางเหวินเสียงจะกล้ามาปรากฏตัวที่นี่คนเดียว
ฟางเหวินเสียงไม่ต่อบทสนทนา บอกเป็นนัยให้ทุกคนขึ้นรถ
เห็นฟางผิงกดตัวเขาไว้ไม่ให้ขึ้นรถ ฟางเหวินเสียงจึงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “ฉันไม่ได้เป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน ถ้านายลงมือกับฉัน ตอนนี้ปักกิ่งมีปรมาจารย์ลาดตระเวนอยู่”
ฟางผิงยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ไม่ลงมืออยู่แล้ว ซ้อมนายพิการ นายจะใช้หนี้คืนได้ยังไง? แค่อยากเตือนนายเท่านั้น นายเป็นคนแรกที่ติดหนี้ฉัน”
นึกถึงการแข่งขันแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ เขากินยาบำรุงไป คาดไม่ถึงว่าฟางเหวินเสียงจะยอมแพ้หนีไป ไม่ได้สู้กับเขาต่อ ทำให้ฟางผิงสิ้นเปลืองยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งไปหนึ่งเม็ด
บัญชีนี้ เวลานั้นเขาบอกไปแล้ว เห็นฟางเหวินเสียงหนึ่งครั้งจะทวงหนึ่งครั้ง
ฟางเหวินเสียงทำหูทวนลม นายจะบอกว่าติดอะไรก็ติดไปเถอะ ฉันมาฝึกจิตใจ
ส่วนลงมือกับฉัน…บ้านฉันมีปรมาจารย์เหมือนกัน
ฟางผิงเหมือนจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ฉันใกล้จะทะลวงด่านแล้ว ถึงเวลานั้นอาจารย์และลูกศิษย์จะไปคิดบัญชีถึงหน้าประตูด้วยกัน ผู้เฒ่าฟางให้เป็นหน้าที่ของอาจารย์ฉัน ส่วนฉันก็จะรับมือกับนาย”
ผู้เฒ่าฟางเป็นศัตรูเก่าของหลู่เฟิ่งโหรว
แค้นเคืองอะไรกัน ฟางผิงไม่ชัดเจนเท่าไหร่
สรุปแล้ว หากเจอกันหลู่เฟิ่งโหรวจะไล่ฆ่าเขา สู้ไม่ได้ก็จะอ้างอดีตสามีมาข่มขู่ ผู้เฒ่าฟางคับข้องใจเช่นกัน ไปเซี่ยงไฮ้ยังต้องฉวยโอกาสตอนที่หลู่เฟิ่งโหรวไม่อยู่
ฟางเหวินเสียงใบหน้าแทบดูไม่ได้ การฝึกจิตใจไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่แล้ว
ลอบด่าในใจอยู่พักใหญ่ ศิษย์และอาจารย์สองคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร
ปู่เขาเอ่ยถึงหลู่เฟิ่งโหรวมีแต่สบถคำด่าออกมา ชายชรารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้พูดอะไรร้ายแรงกลับถูกคนไล่ตามฆ่ามาหลายปี
แต่หากพูดกันตามตรงก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
อันที่จริงในสายตาของผู้เฒ่าฟาง ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทุกคนคุ้นชินกันหมดแล้ว
ลูกสาวของหลู่เฟิ่งโหรวตายในถ้ำใต้ดิน หลู่เฟิ่งโหรวคุ้มดีคุ้มร้าย ผู้เฒ่าจึงเผลอพูดไปว่าลูกสาวตายนับเป็นเรื่องอะไรกัน…เวลานั้นจึงกระตุ้นโทสะของหลู่เฟิ่งโหรวเข้า
อันที่จริงในความคิดของผู้เฒ่าฟาง คำพูดนี้ไม่ได้มีอะไร ครั้งก่อนเถียนมู่ยังด่าจางเทารัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาว่าลูกชายตายไปคนหนึ่งนับเป็นเรื่องอะไร ยังไม่เห็นจางเทาจะแค้นเคือง
ทำได้แค่บอกว่าเป็นความแตกต่างของชายและหญิง
เรื่องนี้จำเป็นต้องยอมรับผิด
เพราะเรื่องของลูกสาว หลู่เฟิ่งโหรวและอู๋ขุยซานยังแตกหักจนต่อกันไม่ติด เขาเป็นแค่คนนอก ถูกไล่ฆ่าเหมือนจะไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกัน
ตอนนี้ฟางผิงมาบอกตัวเองว่าติดค้างยาบำรุงเขาอย่างไร้เหตุผล ฟางเหวินเสียงย่อมคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน
ปู่แกเถอะ นายอัดยาจะฟันคนอื่น แต่ฟันไม่ได้ บัญชีนี้มาตกอยู่ที่ตัวเขาได้ยังไง?
หรือต้องยืนให้นายฟันเฉยๆ กัน?
ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง!
ฟางผิงไม่สนใจเหมือนกัน คว้าไหล่เขาขึ้นไปบนรถด้วยกัน หัวเราะว่า “อาเสียง ก้าวหน้าช้าไปหน่อยแล้ว เพิ่งเข้าสู่ขั้นสามตอนกลาง เทียบกับพวกจ้าวเหล่ยยังช้าไปอยู่บ้าง เทียบกับหานซวี่ยังด้อยอีกเยอะ ดูท่าการสอนของปักกิ่งคงจะธรรมดา พิจารณาย้ายมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้สักหน่อยดีหรือเปล่า?”
ฟางเหวินเสียงเงียบไป
“นายมีปู่เป็นปรมาจารย์ นึกไม่ถึงว่าจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้ กระทั่งเฉินอวิ๋นซียังสู้ไม่ได้ ไม่คิดว่าเป็นปัญหาหรือไง?”
“สภาพแวดล้อมของปักกิ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลือกบ่มเพาะเฉพาะบุคคล นายดูสิ ทำไมหานซวี่ก้าวหน้าไวกว่านาย? เพราะเขาหลอมกระดูกสามครั้ง? ความจริง…ก็เป็นแบบนั้น เพราะเขาหลอมกระดูกสามครั้ง นายหลอมแค่สองครั้ง ปักกิ่งเลยทอดทิ้งนาย แต่เซี่ยงไฮ้ไม่เหมือนกัน นายมาเซี่ยงไฮ้ พวกเราไม่ทิ้งนายแน่นอน หากนายเรียนที่เซี่ยงไฮ้ ตอนนี้คงทะลวงขั้นสามตอนปลายไปแล้ว ทั้งนายและฉันสกุลเดียวกัน ห้าร้อยปีก่อนก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ แต่ถ้าฉันทะลวงเป็นปรมาจารย์ก่อนเรียนจบ ฉันคงไม่รับตำแหน่งประธานต่อ ฉันถูกใจนาย ถ้านายมาเซี่ยงไฮ้ ฉันจะให้นายรับช่วงต่อ!”
ฟางเหวินเสียงปากพะงาบๆ อยากจะด่าคนอย่างมาก!
แม่งล้อเล่นอะไรกัน?
“อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันจริงจัง ฉันกำลังจะขั้นห้าแล้ว อย่างมากครึ่งปีอาจจะขั้นหก! เข้าสู่ขั้นหก ฉันจะปิดผนึกประตูซานเจียวทะลวงสู่ขั้นสูงสุดรวดเดียว ทั้งยังเป็นยอดฝีมือขั้นหกสูงสุดที่สารจิงและเลือดประสานเป็นหนึ่งเดียว อีกสี่ห้าเดือนฉันก็กลายเป็นปรมาจารย์ ทั้งหมดใช้เวลาแค่ประมาณหนึ่งปีเท่านั้น! ถึงเวลานั้นคงเพิ่งจะขึ้นปีสามไม่นาน นายอยู่ปีสามก็รับตำแหน่งประธานผู้ฝึกยุทธ์ได้แล้ว ยังไม่พอใจหรือไง? พูดตามตรง มหาวิทยาลัยปักกิ่งคนเยอะขนาดนี้ ฉันถูกใจนาย นายดูสิฉันไปหาหานซวี่หรือหลิงอีอีเหรอไง? ทำไมฉันถึงพูดแค่เรื่องนี้กับนาย? นายอยู่ปักกิ่งถูกคนกดหัว หรือนายยังไม่รู้ตัวอีก? อาจารย์ฉันและปู่นาย ตอนนี้ไม่ลงรอยกัน นี่ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรุ่นหลัง ฉันคิดว่าพวกเรามีความจำเป็นต้องออกหน้า เปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพ”
“นายกลายเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว ทุกคนต่างเป็นครอบครัวเดียวกัน ถึงเวลานั้นอาจารย์ยังจะต่อต้านคนกันเองได้ยังไง? อาเสียง ครุ่นคิดดูให้ดี อยู่ที่ปักกิ่งหานซวี่จะรับช่วงต่อจากหลี่หานซงแน่นอน นายล่ะ? นายมาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ เว้นเสียแต่นายจะไม่มั่นใจ คิดว่าไม่อาจเอาชนะพวกจ้าวเหล่ยได้ ฉันคนนี้ไม่คิดเอนเอียงอยู่แล้ว นายเป็นประธานไม่มีปัญหา ลูกผู้ชายชาติทหารจะเต็มใจเป็นเบี้ยล่างของคนอื่นตลอดไปจริงๆ เหรอ?”
ฟางเหวินเสียงเอ่ยอย่างตามไม่ทัน “นายกลายเป็นปรมาจารย์ ล้อฉันเล่นหรือเปล่า?”
“ทำไม? ไม่เชื่อ? ถ้าฉันเป็นปรมาจารย์ก่อนเรียนจบ ไม่เอาเยอะหรอก ทรัพย์สินของตระกูลนายแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่งเป็นยังไง?”
ฟางเหวินเสียงเงียบไป
“คิดเอาเองเถอะ จะอยู่เป็นบุคคลที่ไม่สลักสำคัญที่ปักกิ่ง หรือมาควบคุมอำนาจที่เซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ฉันยังเชื้อชวนได้ รอฉันชนะการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ อาจไม่ชวนแล้วก็ได้ จะมาไม่มาแล้วแต่นาย ยังไงหลังจากนี้ก็ไม่ขาดแคลนอัจฉริยะอยู่แล้ว”
ฟางเหวินเสียงจมดิ่งในความคิด
พวกฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างพากันจ้องมองเพดานรถ ไอ้ปัญญาอ่อนนี้ หรือจะเชื่อจริงๆ?
นายกล้าย้ายมาที่เซี่ยงไฮ้ คนของมหาวิทยาลัยปักกิ่งเอานายตายแน่ เชื่อหรือเปล่า?
แม้จะไม่ฆ่านายตาย มาเรียนที่เซี่ยงไฮ้ นายก็ต้องใช้ชีวิตใต้ปีกของฟางผิง ถูกโขลกสับ ทำอะไรต้องให้ฟางผิงเป็นคนตัดสินใจ
แต่ว่า…หากหลอกอัจฉริยะจากปักกิ่งมาได้จริงๆ นั่นก็น่าสนุกแล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต้องรับไว้อยู่แล้ว!
ทุกคนแทบไม่จำเป็นต้องคิด หากฟางเหวินเสียงมาจริงๆ ต่อจากนี้ฟางผิงต้องยืมโอกาสประกาศออกไปอย่างเหิมเกริมแน่ มหาวิทยาลัยปักกิ่งรอเป็นฝ่ายเสียเปรียบเถอะ
อัจฉริยะของตัวเองย้ายมามหาวิทยาลัยอื่น…ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ แล้ว
รถยังคงแล่นต่อไป
ในรถกลับมีบรรยากาศแปลกไปอย่างเห็นได้ชัด
คนที่ขับรถคือคนของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ตอนนี้คนขับรถยังแทบลืมหายใจ จะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!
ตัวสร้างหายนะจากเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ไม่ใช่แค่ยั่วโมโหเพียงอย่างเดียวแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะคิดโค่นล้มกันด้วย!
ลำพัง…อัจฉริยะของตัวเองเหมือนจะคล้อยตามซะด้วยสิ
คนขับรถอยากพูดอะไรสักอย่าง กลับรับรู้ได้ถึงพลังที่จดจ่ออยู่ด้านหลัง ร่างกายชื้นเหงื่อขึ้นมา ไม่กล้าเอ่ยปากออกไป