ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 337 คนใจกล้าถึงจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ (2)
ตอนที่ 337 คนใจกล้าถึงจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้ (2)
บนเวที
พวกซวนจี้เย่ใช้เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูงประชันกัน ระเบิดปราณอย่างแข็งแกร่ง ผู้ชมที่นั่งแถวหน้าส่วนมากเป็นผู้ฝึกวิชา แต่ตอนนี้ยังคงรับรู้ถึงแรงกดดัน
“เปรี้ยง!”
เสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย ผู้ชมทั่วไปร้อนใจจนเหงื่อชื้นหน้าผาก มองไม่เห็นอะไรเลย!
เห็นแค่เงาสองคนพุ่งเข้าหากันอย่างดุเดือดบนเวที พลังปราณสีแดงกระจัดกระจายอยู่เต็มสังเวียน เวทีโลหะแตกลั่นอย่างไม่หยุดหย่อน
การปะทะของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ทำให้คนพวกนี้ทั้งร้อนใจและโมโห
อยากจะตะโกนด่าบอกให้ช้าลงหน่อย!
แต่พวกเขาก็ไม่กล้า นี่เป็นการแข่งขันของยอดฝีมือระดับกลาง ปรมาจารย์จำนวนมากยังอยู่ชั้นบน
เวลานี้พิธีกรทั้งสองคนอธิบายสถานการณ์ให้ผู้ชมฟังอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ซวนจี้เย่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงการฝึกวิชาจะด้อยไปกว่าเสิ่นหงเหว่ยอยู่บ้าง แต่เคล็ดวิชาต่อสู้กลับแผ่ไอสังหารเข้มข้น คงผ่านการสังหารมาไม่น้อย ดาบสายฟ้าพิโรธคงฝึกถึงขั้นสามเป็นอย่างต่ำ ระเบิดได้น้อยสุดประมาณสามร้อยแคล!”
พิธีกรชายพูดจบแล้ว พิธีกรหญิงก็รับบทสนทนาต่อ “สามร้อยแคลของเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูง เทียบได้กับหนึ่งพันแคลของเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับกลาง!”
“ซวนจี้เย่จะปล่อยกระบวนท่าไม้ตายแล้ว!”
จู่ๆ พิธีกรชายก็ตะโกนเสียงดัง ก่อนทุกคนจะเห็นแสงเจิดจ้าผุดขึ้นบนเวที ประกายดาบที่เย็นเยียบฟันฉับลงทันที!
ในเวลาเดียวกันเสียงคมหอกก็แหวกผ่านอากาศ หัวหอกแทงเข้ากลางดาบในชั่วพริบตา!
“ปัง!”
ครู่ต่อมาทุกคนก็เห็นเหตุการณ์ในสนามอย่างชัดเจน
บนสังเวียนปรากฏหลุมขนาดใหญ่หลายแห่งปะปนไปด้วยรอยเท้าบางส่วน
ซวนจี้เย่คุกเข่าอยู่บนพื้น ปากกระอักเลือดพรั่งพรูออกมา แขนขวานั้นไร้แรงถือดาบแล้ว มีบาดแผลปริแตกเลือดชุ่มไปทั่วแขนขวา
เสิ่นหงเหว่ยที่อยู่ตรงข้ามกลับสถานการณ์ดีกว่าเขาเล็กน้อย ยังรักษาท่ายืนไว้ได้ แต่ก็กระอักเลือดออกมาเช่นกัน บนหน้าอกปรากฏรอยดาบยาวพาดผ่านหนึ่งแห่ง ไม่ใช่เพราะดาบของซวนจี้เย่ฟันโดนเขา แต่เป็นบาดแผลที่เกิดจากการถูกไอดาบ
ตอนนี้พิธีกรชายเอ่ยอย่างตกตะลึง “แข็งแกร่งมาก ทั้งสองคนแข็งแกร่งจริงๆ ดาบสายฟ้าพิโรธของซวนจี้เย่ อย่างน้อยคงฝึกถึงระดับสี่แล้ว หนึ่งดาบระเบิดปราณกว่าหกร้อยแคล น่าเสียดาย…”
“น่าเสียดายที่ซวนจี้เย่ฝึกช้าไปหนึ่งก้าว ตอนนี้เกรงว่าจะหมดแรงสู้ต่อแล้ว ถูกเสิ่นหงเหว่ยสั่นสะเทือนอวัยวะภายใน…”
“เสิ่นหงเหว่ยได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน ไอดาบเข้าสู่ร่าง ฝืนต่อไปอาจจะทวีอาการบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น หลังจากนี้ยังมีการแข่งขันอีก ผมคิดว่าเสิ่นหงเหว่ยอาจไม่ลงสนามต่อเสมอไป”
สิ้นเสียงของพิธีกรทั้งสอง ผู้ตัดสินก็ประกาศผลแพ้ชนะ
เสิ่นหงเหว่ยเป็นฝ่ายชนะ!
ทั้งเขาไม่ได้เลือกลงสนามต่อ แต่เดินลงจากเวทีไปรักษาบาดแผล นี่เพิ่งจะเปิดฉากศึกสิบอันดับเท่านั้น ตอนนี้ดึงดันต่อสู้จะกลับกลายเป็นเจ็บหนัก การแข่งขันหลังจากนี้คงไม่อาจลงสนามได้แล้ว อย่าลืมว่าทีมผู้แพ้ยังมีโอกาสท้าประลองทีมผู้ชนะอีก
การแข่งขันของสองฝ่ายสิ้นสุดลง ฟางผิงก็เอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “หลังจากนี้ไม่มีอะไรต้องดูแล้ว โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน ซวนจี้เย่ยังนับว่าไม่เลว อย่างน้อยก็เขี่ยเสิ่นหงเหว่ยออกไปได้ น่าเสียดาย…ฝีมือโดยรวมแย่ไปเล็กน้อย”
ตอนนี้หลิวต้าลี่รีบประจบอย่างบ้าคลั่ง “ประธานฟางสายตากว้างไกลจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะทายถูก ฝีมือของทั้งสองพอๆ กัน ผมคิดว่าปรมาจารย์บางคนยังคาดเดาล่วงหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ…”
ฟางผิงแอบเตะเขาหลังกล้องไปหนึ่งครั้ง!
ไปไกลๆ ซะไอ้เวร!
ปรมาจารย์ยี่สิบกว่าคนอยู่ด้านข้าง คิดจะผูกบัญชีแค้นให้ฉันเหรอไง?
เจ้าหมอนี่จิตใจคับแคบขนาดนี้เลย?
หลิวต้าลี่นั้นงุนงงและไม่รู้อะไรจริงๆ ฉันกำลังประจบนาย นายมาเตะฉันทำไมเนี่ย!
ฟางผิงคร้านจะสนใจเขา กวาดตามองการแข่งขันสนามที่สองแวบหนึ่ง “สองคนนี้ก็คือการต่อสู้ของระดับที่ห้า แต่ทางโรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจวฝึกวิชาได้ลึกล้ำกว่า ภายในสามนาทีน่าจะเห็นผลแล้ว หลังจากซวนจี้เย่จากมหาวิทยาลัยเทียนหนานพ่ายแพ้ พวกเขาคงไม่ทุ่มสุดกำลังต่อแล้ว”
“ทำไมล่ะ?”
“ไร้สาระ เพราะต้องพยายามหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว การแข่งขันของทีมผู้แพ้ หากไม่เหนือความคาดหมาย การแข่งรอบแรกหลายมหาวิทยาลัยน่าจะเหลือแรงเอาไว้ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยซีซานที่ต้องแข่งกับพวกเราตอนบ่าย อาจไม่ถึงกับยอมแพ้ แต่ต้องยั้งมือไว้อยู่บ้าง ป้องกันไม่ให้ถูกมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้โจมตีจนพังพินาศ ไม่สามารถแข่งขันในทีมผู้แพ้ต่อได้ แต่ว่า…จะยั้งมือหรือไม่ยั้งก็เหมือนกัน มหาวิทยาลัยซีซานฝีมือธรรมดา ไม่สามารถโดดเด่นจากทีมผู้แพ้อยู่แล้ว พูดได้แค่ว่ามหาวิทยาลัยซีซานคงต้องบอกลาจากศึกชิงสิบอันดับไป”
ฟางผิงเพิ่งจะพูดจบ ด้านข้างก็มีแรงกดดันถูกส่งมาทันที!
หลิวต้าลี่คุกเข่าลงกับพื้นในชั่วพริบตา ฟางผิงกลับระเบิดพลังจิตใจออกมา ตอนนี้เก้าอี้แทบจะแตกเป็นผุยผงในทันที
“พอได้แล้ว!”
เสียงของหวงจิ่งดังขึ้น ไม่ใช่พูดกับฟางผิง แต่เป็นชายชราคนหนึ่งที่นั่งอยู่
ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เจ้าเด็กนี่ยั่วโทสะฉันอยู่หลายครั้ง หรือคณบดีหวงคิดว่าสิ่งที่ฉันทำเป็นเรื่องผิด?”
หวงจิ่งไม่ใส่ใจนัก เอ่ยว่า “เขาบอกว่าฝีมือของสมาชิกทีมซีซานใช้ไม่ได้ เรื่องจริงก็เป็นแบบนั้น มีอะไรให้ปฏิเสธกัน”
ชายชราไม่พูดอะไรอีก มองฟางผิงที่เชิดหน้าขึ้นแวบหนึ่ง
เจ้าเด็กนี่…ที่แท้ก็มีคุณสมบัติให้อวดดี!
แม้ว่าเขาจะไม่ถึงกับใช้พลังจิตใจทั้งหมด แต่ในใจยังคงคิดมอบบทเรียนให้ฟางผิง ผลปรากฏว่าฟางผิงกลับมีปฏิกิริยาในชั่วพริบตา แถมยังป้องกันพลังจิตใจของเขาได้
แค่เรื่องนี้ ฟางผิงก็มีสิทธิ์ดูถูกผู้ฝึกยุทธ์รุ่นเดียวกันแล้ว
ปรมาจารย์บางส่วนที่อยู่ในที่นั่ง สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน
ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ แม้จะอวดดีจองหอง แต่ฝีมือไม่อ่อนด้อยจริงๆ ในหมู่ผู้เข้าแข่งขันเกรงว่าคนที่คุกคามเขาได้คงมีแค่สองสามคนเท่านั้น
ฟางผิงที่อยู่ไม่ไกล ไม่สนใจหลิวต้าลี่เช่นกัน คารวะให้พวกปรมาจารย์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมองไปทางอธิการของมหาวิทยาลัยซีซาน “ปรมาจารย์เฝิง ผมไม่ได้มีเจตนาร้าย แค่อยากให้มหาวิทยาลัยซีซานเก็บพลังไว้แข่งขันเพื่อเข้ารอบ ไม่ได้มีความคิดล่วงเกินปรมาจารย์เลย แต่ปรมาจารย์เฝิงขึ้นชื่อว่าเป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์กลับลงมือกับนักศึกษาอย่างกะทันหัน ผมไม่กล้าคิดเล็กคิดน้อยกับปรมาจารย์อยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้อธิการบอกผมว่ายอดฝีมือระดับสูงไม่สอดมือยุ่งเรื่องของนักศึกษา ถ้ามีคนแทรกแซง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อาจนิ่งดูดายอย่างแน่นอน รวมถึงมหาวิทยาลัยปักกิ่ง มหาวิทยาลัยต่างๆ และกระทรวงการศึกษาด้วย! ปรมาจารย์เฝิง ถ้านักศึกษาของซีซานลงมือกับผม แม้จะสู้จนผมเจ็บหนักปางตาย นั่นก็เพราะปากผมพาซวยเอง แต่ตอนนี้…”
ปรมาจารย์เฝิงมองเขาอยู่พักใหญ่ แค่นยิ้มว่า “แล้วเธอจะให้ทำยังไง?”
“ปรมาจารย์เฝิงเพิ่งโจมตีพลังจิตใจผมอย่างหนัก พลังจิตใจยากจะฟื้นฟู ทุกคนรู้กันดี นักศึกษาไม่กล้าหลอกลวงใครอยู่แล้ว ปรมาจารย์ชดใช้ยาฟื้นคืนชีวิตให้ผมห้าเม็ด…”
พวกฉินเฟิ่งชิงที่เพิ่งขึ้นมาชั้นบนอ้าปากค้าง แม่งเหอะ ถ้ำใต้ดินในวันนั้นฟางผิงเคยบอกว่าจะตบทรัพย์ระดับสูง ครั้งนี้ทำได้จริงๆ แล้ว!
ปรมาจารย์เฝิงหัวเราะเบาๆ “พูดแบบนี้ ฉันคงจะปฏิเสธไม่ได้สินะ?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่กล้าหรอกครับ ถ้าพลังจิตใจผมเสียการควบคุม ช่วงบ่ายอาจพลั้งลงมือไป ถึงเวลานั้นปรมาจารย์จะมาโทษผมไม่ได้”
ปรมาจารย์เฝิงมองหวงจิ่งไปแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาเซี่ยงไฮ้ของพวกคุณใจกล้าจริงๆ”
“คนกล้าอิ่ม คนขลาดอด” หวงจิ่งหัวเราะเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เขาไปกวาดรังผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดในถ้ำใต้ดิน รอดตายจากราชันเจี่ยวขั้นแปดมาได้…ผู้ฝึกยุทธ์คว้าโอกาสได้ก็ต้องช่วงชิง คุณเป็นคนลงมือเอง ผมยังไงก็ได้ แต่กฏยังคงต้องเป็นกฏ”
ปรมาจารย์เฝิงหัวเราะ พยักหน้าว่า “เอาเถอะ ฉันฝ่าฝืนกฎเอง แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง…”
ฟางผิงเอ่ยทันที “คุณว่ามาเลย”
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่อนุญาตให้ขึ้นมาบนชั้นสอง ถ้าเธอขึ้นมาอีก ถ้ามหาวิทยาลัยซีซานของฉันถอนตัวจากการแข่งขันแล้ว ฉันจะมาสั่งสอนเธอชุดใหญ่เหมือนกัน!”
ฟางผิงลอบดูแคลนในใจ เห็นได้ชัดว่ายังไงก็ต้องแพ้ แต่ถอนตัวยังพอเหลือชื่อเสียงเอาไว้ได้ คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าคุณคิดอะไรอยู่?
ช่างเถอะ ไม่ล่วงเกินปรมาจารย์ไปกว่านี้แล้ว ฟางผิงตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่มีปัญหา ผมรับประกันว่าถ้าปรมาจารย์เฝิงอยู่ ผมจะไม่ขึ้นชั้นสองเด็ดขาด!”
ทุกคนเห็นเขาตอบอย่างฉับไวก็หมดคำพูดอยู่บ้าง ช่างเข้ากับหลักการที่ว่าตอนที่ควรขลาดก็ต้องขลาด ตอนที่ควรกล้าก็ต้องกล้า เจอกับคนหนังเหนียวเช่นนี้ นับว่ามหาวิทยาลัยซีซานดวงซวยแล้ว
ปรมาจารย์เฝิงไม่ชักช้าเช่นกัน สะบัดมือส่งขวดยาบำรุงออกไป ความจริงแล้วนี่เตรียมไว้สำหรับการแข่งขันแลกเปลี่ยน ป้องกันไม่ให้พวกนักศึกษาบาดเจ็บหนัก
แต่ว่า…ตอนนี้เป็นของฟางผิงแล้ว
ฟงผิงรับยาบำรุงมา ไม่มองแม้แต่น้อย ยกมือคารวะแล้วก็ไม่คิดมองคนอื่น หยัดกายเดินลงไป ชั่วพริบตาก็หายไปไม่เห็นเงา
ผู้ชมชั้นสองเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ช่างรวดเร็วฉับไวจริงๆ
ฉินเฟิ่งชิงกลืนน้ำลาย แค่นี้…ก็ได้ยาฟื้นคืนชีวิตมาห้าเม็ดแล้ว?
เทียบกับฟางผิงแล้ว ตัวเองเป็นไก่อ่อนจริงๆ!
ตบทรัพย์ขั้นสามขั้นสี่นับว่ามีฝีมืออะไรกัน ต่อหน้าปรมาจารย์นับสิบ รีดไถจากปรมาจารย์คนหนึ่งได้ นั่นถึงจะเป็นชายชาตรีอย่างแท้จริง!
ฉินเฟิ่งชิงเพิ่งจะคิดทำอะไรสักอย่าง หวงจิ่งกลับสะบัดมือกวาดฉินเฟิ่งชิงลงไปจากชั้นสองเช่นกัน
พวกถังเฟิงราวกับเห็นเป็นเรื่องปกติแล้ว ปรมาจารย์คนอื่นมองอย่างแปลกใจอยู่บ้าง ก่อนจะคล้ายนึกอะไรออก สีหน้าทุกคนจึงพิลึกพิลั่นไปเล็กน้อย…เด็กนี้ คิดจะเลียนแบบฟางผิง?
ยอดฝีมือจากหน่วยทหารที่จับฉลากรายชื่อก่อนหน้านี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบนิ่ง “คณบดีหวง นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้…มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ!”
เขาแทบไม่รู้ว่าจะบรรยายเป็นคำพูดยังไง!
หวงจิ่งปวดหัวอยู่บ้างเช่นกัน ไม่ใช่นักศึกษาเซี่ยงไฮ้หรอก แค่เจ้าสองคนนี้เท่านั้น ทุกคนอย่าได้เข้าใจผิด คนอื่นๆ ยังปกติดี!
มีแค่สองคนนี้เรื่องอะไรก็กล้าทำทั้งนั้น!
นักศึกษาของพวกคุณกล้าไปกวาดรังผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงหรือไง?
นักศึกษาของพวกคุณกล้าเดินออกไปไกลนับห้าร้อยลี้ในถ้ำใต้ดินทั้งที่อยู่ขั้นสาม?
นักศึกษาของพวกคุณสามารถปล่อยให้สัตว์ประหลาดนับร้อยวิ่งไล่ฆ่าจนเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า?
ประเด็นที่สำคัญคือนักศึกษาของพวกคุณมีใครกล้าหลอกลวงปรมาจารย์บ้าง?
แค่เรื่องนี้ก็ใจกล้ามากพอแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป
———————-