ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 338 จะชนะคนต้องชนะใจคนก่อน (1)
ตอนที่ 338 จะชนะคนต้องชนะใจคนก่อน (1)
ด้านนอกสนามกีฬา
ฉินเฟิ่งชิงตามฟางผิงออกมา ร้องไห้ขี้มูกโป่งว่า “ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง จู่ๆ ตาเฒ่าหวงก็ผลักฉันลงมา ฉันไปล่วงเกินใครกัน?”
ฉันแค่คิดเท่านั้น ยังไม่ได้ทำสักหน่อย?
ฟางผิงเอ่ยอย่างดูแคลน “ปัญญาอ่อน!”
ตอนนี้เหล่าหวงต้องปวดหัวอยู่แล้ว นายยังจะก่อเรื่องอีก!
เขารีดไถ นั่นเพราะมีเหตุผล
ปรมาจารย์ยอดฝีมือคนหนึ่ง ไม่ว่าจะคิดอยากหยั่งเชิงหรือแฝงเจตนาอื่น แต่ลงมือกับเขา นั่นเท่ากับฝ่าฝืนกฎแล้ว
อย่าพูดว่าขั้นเจ็ดเลย แม้จะขั้นเก้า ฟางผิงก็กล้าตบทรัพย์ก้อนโตเช่นกัน
ขั้นเก้า…นักศึกษาที่จบไปแล้วของเซี่ยงไฮ้ยังมีขั้นเก้าเลย อู๋ชวนก็ใช่เหมือนกัน
ฟางผิงไม่กลัวอีกฝ่าย เว้นเสียว่าอีกฝ่ายจะลงถ้ำใต้ดินฆ่าเขาปิดปากในที่ที่ไร้ผู้คน แต่โอกาสไม่สูงมาก หากถูกคนรู้เข้า ปรมาจารย์ของเซี่ยงไฮ้รวมถึงปรมาจารย์คนอื่นๆ ในประเทศไม่อาจปรานีอยู่แล้ว ย่อมสังหารราวกับเป็นพวกลัทธินอกรีต
ฉินเฟิ่งชิงกลับคิดจะรีดไถปรมาจารย์อย่างไร้เหตุผล หวงจิ่งไม่ตีเขาตายถือว่าเขาดวงดีแล้ว
ฉินเฟิ่งชิงเผยท่าทีไม่พอใจอยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “แบ่งให้ฉันหนึ่งเม็ด!”
“เรื่องอะไร?”
“ฉันเป็นตัวระบายความโกรธแทนนายแล้ว!”
“ไสหัวไป!”
“นายแบ่งให้ฉันเม็ดหนึ่งสิ ครั้งนี้ฉันไม่ได้เตรียมยาบำรุงมา ได้รับบาดเจ็บคงสู้ไม่…”
“จะมีนายหรือไม่มี ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
“ฟางผิง จะพูดแบบนี้ไม่ได้ ใช่สิ สู้พวกไก่อ่อนอย่างซีซานไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่เจอกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งล่ะ?”
“ถ้านายกล้าไม่ออกแรง ครั้งนี้อย่าว่าแต่จะแบ่งให้นายเลย ฉันยังจะแนะนำให้มหาวิทยาลัยกำจัดนายออกไปด้วย คิดเอาเองเถอะ”
ฉินเฟิ่งชิงหุบปากลงทันที ก่อนจะถอนหายใจ เอ่ยอย่างจนใจว่า “ทำไมทุกครั้งที่ฉันทำเรื่องเหมือนนาย คนที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบถึงเป็นฉันตลอดล่ะ?”
“เลียนวิธีน่ะได้ แต่อย่าทำเหมือนฉัน”
“ฟางผิง มีเคล็ดลับอะไรหรือเปล่า?”
“มี!”
“ลองว่ามาสิ”
“ฝีมือต้องแข็งแกร่ง” ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายเป็นแค่ไก่อ่อน จะเทียบกับฉันได้ยังไง? ฉันหลอกปรมาจารย์เฝิงจนเชื่อได้เพราะอะไร? เพราะแข็งแกร่งยังไงล่ะ ความจริงคนที่เสียหน้าก็คือเขา ใช้พลังจิตใจกดดันฉันไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับ หากเขากดดันฉันจนนอนราบกับพื้นจริงๆ ฉันคงไม่มีหน้าไปเรียกร้องอะไร ตาเฒ่าหวงอาจจะไม่ออกหน้าด้วยซ้ำ ไม่มีความสามารถแม้แต่น้อยกลับกล้าคุยโวอย่างไร้ยางอาย คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ประเด็นอยู่ที่ฉันมีฝีมือจริงๆ จะยอมหรือยัง?”
“ยอมแล้ว!”
ครั้งนี้ฉินเฟิ่งชิงพูดง่ายเป็นพิเศษ กระซิบว่า “สอนวิธีฝึกพลังจิตใจให้ฉันหน่อย ฉันจะบอกตำแหน่งแร่พลังงานให้นาย”
“ฮ่าๆ”
“ไม่ต้องมาหัวเราะ ฉันจริงจัง ถ้านายพูดว่าไม่มีวิธีฝึก ฉันจะผ่าหัวนายไปนั่งรองชักโครกซะ ฟางผิง ตอนนี้มีแค่เราสองคน อย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย…”
“ความจริงก็มี…”
“จริงเหรอ!” เสียงของฉินเฟิ่งชิงสูงปรี๊ดขึ้นมาทันที
“จริง ไปป่าราชันเจี่ยว นายอยู่ที่นั่นหลายวันหน่อย หาเรื่องให้เจี่ยวกดดันนาย ฉันรับรองว่าพลังจิตใจนายต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอน”
ฉินเฟิ่งชิงหน้าอึมครึมขึ้นมาทันที นายคิดว่าฉันปัญญาอ่อนหรือไง?
ฟางผิงมองความหมายของเขาออก พยักหน้าเบาๆ บอกเป็นนัยเขาอย่างชัดเจนว่านายก็คือคนปัญญาอ่อนนั่นแหละ
ฉินเฟิ่งชิงเปลี่ยนจากหน้าอึมครึมเป็นดำมืด สาวเท้าออกไปไม่สนใจเขาอีก
เขาจากไป ฟางผิงก็เมินเฉยเช่นกัน เดินเล่นภายในมหาวิทยาลัยปักกิ่งต่อ
แม้จะมีบางแห่งที่เขาเข้าไปไม่ได้ ฟางผิงไม่คิดสนใจเช่นกัน มองสอดส่องอยู่แค่ข้างนอกจนนักศึกษาจากปักกิ่งบางคนแปลกใจขึ้นมา
พวกเขายังคงรู้จักฟางผิง
ประเด็นอยู่ที่หมอนี่ไม่ชมการแข่งขัน ทั้งไม่เตรียมตัวสำหรับการแข่งช่วงบ่าย แต่มาเที่ยวเล่นที่นี่เนี่ยนะ?
ไม่นาน การเดินเที่ยวของฟางผิงก็ดึงดูดความสนใจจากยอดฝีมือบางส่วน
หลี่หานซงปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
คนอื่นๆ ไม่มีคุณสมบัติพอ พวกอาจารย์ไม่อยากออกหน้าเช่นกัน
—
“ประธานฟางอยากชมอะไร ให้ฉันพาชมเป็นยังไง?”
หลิงอีอีและหานซวี่ยืนขนาบซ้ายและขวาของหลี่หานซงเงียบๆ ราวกับเป็นองครักษ์
ครั้งนี้ฟางผิงไม่ได้คิดจะหาเรื่อง เงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยว่า “รุ่นพี่หลี่ นักศึกษาขั้นหนึ่งขั้นสองของปักกิ่งบางคนเหมือนจะว่างจนไม่มีอะไรทำ ดูสบายไปอยู่บ้าง…”
หลี่หานซงได้ฟังก็ถอนหายใจเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยเอ่ยว่า “ประธานฟาง…”
“เรียกฉันว่าฟางผิงก็พอแล้ว”
“รุ่นน้องฟาง นายก็เป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ น่าจะเข้าใจสถานการณ์ดี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองไปถ้ำใต้ดินไม่ได้ ภารกิจก็ทำไม่ได้ ภารกิจเล็กๆ ได้เงินน้อย พวกเขาไม่อยากทำเหมือนกัน แทนที่จะเสียเวลายังไม่สู้ไปฝึกวิชา…”
“ประเด็นอยู่ที่ฉันไม่เห็นพวกเขาฝึกวิชา”
“ฝึกวิชาก็ต้องมีการปลดปล่อยบ้าง พักผ่อนหย่อนใจยังเป็นเรื่องที่จำเป็น”
“ขอละลาบละล้วงหน่อย ตอนนี้มหาวิทยาลัยปักกิ่งมีนักศึกษากี่คน?”
“หกพันสามร้อยคน”
“คนธรรมดามี่กี่คน? ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งมีกี่คน?”
หลี่หานซงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยตอบ “คนธรรมดาหนึ่งพันห้าร้อยกว่าคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งประมาณสี่พันคน”
“รุ่นพี่หลี่ ฝีมือของปักกิ่งแข็งแกร่งจริงๆ ไม่กี่เดือนก่อน ทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีคนธรรมดาสองพันกว่าคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสี่พันกว่าคน แน่นอนว่านั่นมันก่อนหน้านี้ ตอนนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีคนธรรมดาไม่ถึงหนึ่งพันคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งไม่ถึงสี่พันคน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองกว่าหนึ่งพันคน ขั้นสามอีกกว่าหนึ่งร้อยคน”
ทั้งสามคนสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หลิงอีอีเอ่ยอย่างไม่เชื่อ “จริงหรือเปล่า?”
ฟางผิงตำหนิว่า “หุบปาก อย่ามาสงสัยในคำพูดฉันไปซะหมด ฉันจำเป็นต้องหลอกใครเรื่องนี้ด้วยหรือไง?”
หลิงอีอีขุ่นเคืองขึ้นมา หลี่หานซงกลับยกมือห้ามไม่ให้เธอพูด
หลี่หานซงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ความหมายของรุ่นน้องฟางคือ…”
“แม้มหาวิทยาลัยปักกิ่งจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนทั้งหมดได้ แต่ยังสมควรที่จะปฏิรูปบางอย่าง ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ พวกเราไม่อาจสนใจแต่ตัวเอง เมินเฉยคนอื่น งั้นพวกเรายังจะเป็นประธานไปทำไม? รุ่นพี่หลี่ ไม่ใช่ว่ารุ่นน้องหาเรื่อง แค่อึดอัดใจเท่านั้น นักศึกษาขั้นหนึ่งขั้นสอง รวมถึงคนธรรมดาต่างจำเป็นต้องมอบแรงกดดันที่เหมาะสมให้ ไม่มีแรงกดดัน ไม่มีแรงกระตุ้น ใช้วิธีเลี้ยงแบบตามใจ ตอนนี้ใช้ไม่ได้จริงๆ”
“สถานการณ์ถ้ำใต้ดินกำลังตึงเครียด แม้ว่าถ้ำใต้ดินของปักกิ่งจะมีเมืองของมนุษย์อยู่ แต่ก็ไม่อาจสนใจแต่ปักกิ่งอย่างเดียวได้ หากสถานที่อื่นๆ ถูกจู่โจม ปักกิ่งจะมีจุดจบที่ดีอย่างงั้นเหรอ? พวกเราไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นก่อน พวกเราไม่อาจให้ความสนใจแค่เมืองใดเมืองหนึ่งได้ สายตาของพวกเราควรมองทั้งประเทศ ทั้งโลกใบนี้! ตอนนี้มีการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงแล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยอันดับแรกของประเทศจีน นึกไม่ถึงว่าจะยังเหมือนเดิม! นี่เป็นสาเหตุหลักที่เซี่ยงไฮ้ของพวกเราเริ่มล้ำหน้าปักกิ่งแล้วเช่นกัน…”
หลิงอีอีเอ่ยอย่างโมโหว่า “พวกนายล้ำหน้าปักกิ่ง กับแค่คำพูดของนายเนี่ยนะ?”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “โหวกเหวกโวยวายเสียงดังเพื่อแสดงว่าตัวเองมีฝีมือ? การแข่งขันขั้นหนึ่ง พวกเราชนะ สงครามท้าชิงขั้นสาม พวกเราก็ชนะ ถ้าไม่เหนือความคาดหมาย การแข่งขั้นสี่พวกเราก็จะชนะเหมือนกัน แน่นอนว่านี่แสดงให้เห็นอะไรไม่ได้ เป็นแค่ความแข็งแกร่งส่วนบุคคล แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองของพวกเรามีนับพัน ขั้นสามอีกกว่าร้อย แล้วพวกนายล่ะ? ขั้นสองขั้นสามถึงจะเป็นกระแสหลักของมหาวิทยาลัย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามของพวกนายรวมกันแล้ว น่าจะมีสักแปดร้อยคนสินะ? ล้าหลังก็ต้องถูกอัด นี่เป็นสัจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง! มองให้เห็นความจริงหน่อย อย่าเอาแต่จมปลักกับความรุ่งโรจน์ในอดีต หรือคนของปักกิ่งมีสายตาแค่นี้? หากเป็นแบบนั้นจริงๆ งั้นคิดซะว่าวันนี้ฉันไม่ได้พูดอะไร!”
หลิงอีอีอ้าปากพะงาบๆ หลี่หานซงสูดลมหายใจอีกครั้ง เอ่ยว่า “รุ่นน้องฟางพูดมาตรงๆ เถอะ”
“ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือเซี่ยงไฮ้ รวมถึงมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อื่นๆ อันที่จริงล้วนเป็นอนาคตของพวกเรา ยอดฝีมือรุ่นก่อนค่อยๆ โรยราแก่ตัวไป ละทิ้งเรื่องทางโลก การเสริมสร้างของมหาวิทยาลัยยังต้องอาศัยพวกเราเอง แฟลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ ทำไมมหาวิทยาลัยปักกิ่งถึงไม่ร่วมด้วย? เห็นได้ชัดว่าพวกนายมองว่าตัวเองพิเศษ อยู่สูงกว่าคนอื่นไม่สนใจเรื่องพวกนี้? หรือคิดว่าเข้าสู่ธุรกิจสมัยใหม่แล้วจะทำให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งของพวกนายแปดเปื้อน?”
“อนุรักษ์นิยม ยกตนข่มท่าน นั่นมันวิถีของพวกสำนัก ไม่ใช่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้! นี่เป็นแค่เรื่องแรก เรื่องที่สอง ทำไมไม่เปิดระบบกู้ยืมให้นักศึกษา? มหาวิทยาลัยอื่นๆ ไม่มีความสามารถเรื่องนี้พอ แต่ปักกิ่งจะไม่มีได้เหรอ? เป็นเพราะเรื่องพวกนี้มาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ พวกนายจึงดูแคลนที่จะเรียนรู้? เรื่องที่สาม การแข่งขันผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ทำไมพวกนายไม่เข้าร่วม? เพราะคิดใจแคบว่ามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นผู้จัดงาน? เรื่องที่สี่สถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ไม่ค่อยดี ดังนั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสาม พวกเราไม่หวังให้พวกเขาลงถ้ำใต้ดิน ปักกิ่งกลับไม่เหมือนกัน พวกนายเป็นฝ่ายเป็นได้เปรียบ ทำไมยังปล่อยให้ขั้นสองขั้นสามเตร็ดเตร่ในมหาวิทยาลัยอีก? ไม่ใช่แค่คนสองคน แต่เป็นจำนวนมาก!”
หลี่หานซงแก้ต่างว่า “หลักๆ เป็นเพราะเรื่องการแข่งขันแลกเปลี่ยน…”
“นั่นไม่เกี่ยวกับพวกเขา คนกลับมาเยอะขนาดนี้เพื่อเที่ยวเล่นในมหาวิทยาลัย อยากแสดงบารมี? ควรจะลากเข้าถ้ำใต้ดิน เข้าร่วมสงครามบางส่วนด้วยซ้ำ”
ฟางผิงเอ่ยต่อ “อันที่จริงเรื่องพวกนี้ไม่สำคัญ สิ่งที่ฉันอยากพูดคือมหาวิทยาลัยปักกิ่งตัดขาดจากภายนอกเกินไป นี่ไม่ใช่เรื่องดี ปิดกั้นอยู่ภายในมหาวิทยาลัย ไม่ใช่สิ่งที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งควรทำ! ฉันอยากจะแนะนำอะไรสักอย่าง พวกเราสองมหาวิทยาลัยดำเนินการแลกเปลี่ยนระหว่างกัน อย่างเช่นแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาต่อสู้ แลกเปลี่ยนอาจารย์…”
“เรื่องนี้…เรื่องนี้พวกเราไม่สามารถตัดสินใจเองได้…”
————————-