ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 342 ไม่กังวลว่าจะแพ้หรือชนะ (1)
ตอนที่ 342 ไม่กังวลว่าจะแพ้หรือชนะ (1)
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนานเผชิญหน้ากับวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยเจอกับผู้ฝึกยุทธ์หญิงเท่าไหร่ เมื่อนักศึกษาของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ขึ้นเวทีก็ดึงดูดเสียงเชียร์จากผู้ชมด้านล่างทันที
ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จิงหนาน…ขึ้นเวทีด้วยบรรยากาศที่เงียบเหงาอยู่บ้าง
เฉินเย่าถิงเหมือนไม่สนใจ ฟางผิงกลับพึมพำว่า “บรรยากาศนี้มัน…ผู้เฒ่าเฉิน อะไรที่ลงทุนได้ก็ควรลงทุนจริงๆ”
เฉินเย่าถิงเงียบกริบ
ฟางผิงกระแอมไอว่า “ผมจริงจังนะครับ ยุคสมัยนี้สุราดีก็ต้องกลัวตรอกลึกเหมือนกัน ชื่อเสียงของจิงหนานไม่ดังเท่าไหร่ แม้จะคว้าตำแหน่งสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แต่ในสถานการณ์ที่อยู่ระดับเดียวกับมหาวิทยาลัยชื่อดังสิบแห่ง ชื่อเสียงสถาบันแห่งอื่นๆ ดังกว่า งั้นผมต้องเลือกมหาวิทยาลัยอื่นอย่างแน่นอน อนาคตเป็นของคนหนุ่มสาว ตอนนี้สภาพแวดล้อมการฝึกวิชาของพวกเขาค่อนข้างดีกว่าพวกเรา ก้าวหน้าได้ไวกว่า…”
เฉินเย่าถิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เธอยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลยเถอะ!”
พูดอย่างกับว่าตัวเองอายุมากแล้ว!
สภาพแวดล้อมของการฝึกวิชาดีกว่าพวกเธอ? เธอเลยยุคทองมาแล้วหรือยังไง?
แย้งฟางผิงออกไปแล้ว จู่ๆ เฉินเย่าถิงก็เอ่ยว่า “ลงทุนยังไง?”
ฟางผิงกระตือรือร้นขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างแรกดูที่ฝีมือ แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยจิงหนานด้อยไปอยู่บ้าง ครั้งนี้ไม่โดดเด่นเท่าไหร่ อย่างที่สอง สร้างความน่าเกรงขาม อย่างน้อยคนของมหาวิทยาลัยจิงหนานขึ้นเวทีแล้ว บรรยากาศของผู้ชมด้านล่างต้องตื่นเต้นครึกครื้นขึ้นมา อย่างที่สามฝีมือด้อยไปอยู่บ้าง งั้นก็ต้องเลียนแบบวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ ให้หนุ่มหล่อสาวสวยนำทัพดึงดูดสายตาจากผู้คน อย่างที่สี่ การกระจายข้อมูลที่รวดเร็วมากที่สุดก็คืออินเทอร์เน็ต เสียเวลากับอินเทอร์เน็ตเขียนบทความโฆษณาอะไรสักหน่อย เผยแพร่ข่าวของมหาวิทยาลัยจิงหนาน อย่างเช่นว่าเมื่อก่อนพรสวรรค์ยังไม่โดดเด่น พอเข้าเรียนที่จิงหนานแล้ว หนึ่งปีทะลวงสามขั้น สามปีทะลวงห้าขั้นได้…”
“อย่างที่ห้าตะโกนคำปลุกใจให้ดังหน่อย อย่างเช่นสามปีเอาชนะปักกิ่งได้ ห้าปีเอาชนะเซี่ยงไฮ้ แย่งชิงอันดับหนึ่งอะไรพวกนี้ ตะโกนให้รู้ทั่วทั้งประเทศ แม้ทุกคนจะรู้ว่ามหาวิทยาลัยของพวกคุณสู้พวกเราไม่ได้ แต่ก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกราวกับว่านอกจากสถาบันสองแห่งนี้ มหาวิทยาลัยจิงหนานก็เป็นอันดับสามแล้ว! อย่างที่หก ขึ้นชื่อว่ามหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้เมืองหลวง ทั้งยังเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชื่อดังที่อยู่ทางเหนือ ก็ท้าประลองกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งให้บ่อยๆ หน่อย ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ แต่คุณกล้าท้าประลอง ทุกคนจำมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ก็จะจำจิงหนานได้เหมือนกัน นี่เรียกว่าสร้างกระแส ทั้งเป็นการเกาะคนดังด้วยเช่นกัน…”
“วิธีการสกปรก!”
เฉินเย่าถิงตำหนิออกมา ไม่สนใจฟางผิงอีก
แต่ว่า…ในใจของผู้เฒ่ากลับครุ่นคิดว่าหลานชายของตัวเองจะทำเรื่องนี้ออกมาได้หรือเปล่า?
ช่างเถอะ ไม่ไหวก็หาผู้เชี่ยวชาญมาช่วย จิงหนานไม่ได้ขาดแคลนอัจฉริยะแบบนี้สักหน่อย
ฟางผิงเบ้ปาก อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็แล้วแต่
ไม่สนใจเฉินเย่าถิงอีก ฟางผิงเริ่มดูการแข่งขันข้างล่าง
มหาวิทยาลัยจิงหนานให้เฉินเฮ่าหราน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนำทัพเช่นกัน
เฉินเฮ่าหรานอยู่ขั้นสี่ตอนปลาย ส่วนอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวขั้นสี่ตอนกลางจากวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ ทั้งเป็นคนเดียวกับที่ด่าฉินเฟิ่งชิงในครั้งก่อน
—
ทั้งสองคนประมือกันอย่างรวดเร็ว
มองอยู่สักพัก จู่ๆ ฟางผิงก็เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ผู้ฝึกยุทธ์ไม่แบ่งแยกหญิงชาย สู้กันเล่นๆ หรือไง!”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา เฉินเฮ่าหรานที่ตอนแรกอ่อนข้อให้อีกฝ่ายอยู่บ้าง จู่ๆ กลับทุ่มสุดพลัง ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงสามส่วน ไม่ถึงสิบกระบวนท่าก็เอาชนะอีกฝ่ายได้
ฟางผิงเบะปาก หยัดกายเดินออกไปทันที
เฉินเย่าถิงไม่พูดอะไร รอเขาไปแล้ว เวลานี้ค่อยมองไปทางหลานสาวที่ยังมองสอดส่องไปทั่ว “เป็นคนมีฝีมือคนหนึ่ง แต่กำลังพุ่งความสนใจกับเส้นทางผู้ฝึกยุทธ์อย่างเต็มที่ เกรงว่าคงไม่หมกมุ่นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่”
เฉินอวิ๋นซีหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย เอ่ยเสียงแผ่วว่า “หนูรู้แล้ว”
“แน่นอน ผู้ฝึกยุทธ์ต้องแข่งขันช่วงชิง!” เฉินเย่าถิงเอ่ยอย่างด้วยรอยยิ้ม “อันดับแรกต้องมีฝีมือเพียงพอ ไม่มีฝีมือพอก็จะถูกคนกลืนกิน นี่ไม่ใช่วิถีของผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกเรา ตอนนี้หลานเพิ่งจะขั้นสามตอนกลาง ล้าหลังไปอยู่มาก ตั้งใจฝึกฝนวิชาให้ดี…”
พูดจบ ท่านผู้เฒ่าก็ควักกล่องไม้กล่องหนึ่งส่งให้หลานสาว แววตาเผยความเอ็นดู เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าถ่วงรั้งการฝึกวิชา”
เฉินอวิ๋นซีเปิดกล่องไม้อย่างสงสัย ในนั้นมีหินพลังงานขนาดเท่าไข่ไก่หนึ่งฟองวางอยู่
เฉินอวิ๋นซีอ้าปากค้างเล็กน้อย หินพลังงานฝึกวิชา?
ใหญ่ขนาดนี้คงสองร้อยกรัมเป็นอย่างต่ำ!
นี่หากขายออกไปข้างนอกอย่างน้อยได้ถึงสองร้อยล้าน!
“ปู่คะ นี่มัน…เอาให้พี่รองดีกว่า…”
“เขาต้องช่วงชิงด้วยตัวเอง ปู่เอาให้หลานนั่นแหละ หลานไม่ใช่นักศึกษาจากจิงหนาน ปู่ไม่ถือว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่หาผลประโยชน์ให้ตัวเองเช่นกัน…”
ฉินเย่าถิงส่ายหัว นี่เป็นของที่เขาไปช่วงชิงมาจากถ้ำใต้ดิน พวกหลานชายอยากได้ก็ไปช่วงชิงเอาเอง
หลานสาวฝีมือด้อยไปอยู่บ้าง ทั้งยังเป็นผู้หญิง ควรให้การดูแลเป็นพิเศษสักหน่อย
เฉินอวิ๋นซีอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ฟางผิงที่เมื่อกี้ไม่รู้เดินไปที่ไหน กลับมาปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าเธอในเวลานี้
จ้องมองกล่องไม้ในมือเธออยู่พักหนึ่ง ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “เก็บไว้เถอะ อย่าให้ผู้เฒ่าเฉินเสียน้ำใจเลย มีหินพลังงานก้อนนี้ ก่อนเข้าสู่ขั้นสี่คงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปราณอีกแล้ว หากพกพาไม่สะดวก ฉันสามารถช่วยเธอ…”
เฉินอวิ๋นซีไม่ได้ให้เขาช่วยเก็บไว้ ฟังจบก็เก็บกล่องไม้ พยักหน้าว่า “ปู่ งั้นหนูจะรับไว้ละกัน”
ฟางผิงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ฉันไม่ได้จะเอาของเธอสักหน่อย ฉันจะช่วยเธอเก็บไว้ต่างหาก อย่างมากก็ช่วยเธอตรวจสอบระดับความบริสุทธิ์เท่านั้น ถือไว้เองไม่เมื่อยหรือไง?
ฟางผิงละสายตาจากกล่องไม้ มองไปทางเฉินเย่าถิง ปรมาจารย์ก็คือปรมาจารย์ คนรวยดีๆ นี่เอง!
ควักหินพลังงานฝึกวิชาขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาได้ง่ายๆ
หากไม่ใช่เพราะเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานคงพลาดไปซะแล้ว เฉินอวิ๋นซีทึ่มเกินไปจริงๆ กำลังจะขาดทุนใหญ่อยู่แล้ว
แทนที่จะให้ผู้เฒ่าเฉินเอาไปสร้างความแข็งแกร่งให้จิงหนาน เอาให้ฉินอวิ๋นซีที่เป็นคนของเซี่ยงไฮ้จะดีกว่า
“ผู้เฒ่าเฉิน คุณเคยเห็นหินพลังงานฝึกวิชาขนาดเท่าหัวคนหรือเปล่า?”
เฉินเย่าถิงยิ้มไม่พูดอะไร
“ผู้เฒ่าเฉิน ครั้งหน้าส่งขนาดเท่าหัวคนให้เฉินอวิ๋นซีสิครับ อันนี้ไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ ครั้งนี้ผมจะตัดสินใจเอง อวิ๋นซีสามารถไปห้องแหล่งพลังงานของเซี่ยงไฮ้ได้ เผาไหม้หินพลังงานปลดปล่อยออกมาฝึกวิชา…”
เฉินเย่าถิงชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง หินฝึกวิชาของมนุษย์สามารถนำมาฝึกวิชาได้โดยตรง
แต่หากจะฝึกวิชา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามอ่อนแอเกินไป ครั้งเดียวอาจจะดูดซับพลังงานได้ไม่เท่าไหร่ ยังต้องอาศัยความพยายามของตัวเองดูดกลืนการเปลี่ยนแปลงของพลังงาน
แต่ห้องแหล่งพลังงานของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้สามารถปลดปล่อยพลังงานได้โดยตรง ลดการสิ้นเปลืองของพลังงานได้มาก
จิงหนานไม่มีเงื่อนไขนี้ สร้างห้องแหล่งพลังงาน ราคาไม่ใช่น้อยๆ
ฟางผิงบอกว่าเขาจะให้เฉินอวิ๋นซีไปฝึกวิชาโดยใช้หินของเธอเอง ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้เช่นกัน
เฉินเย่าถิงไม่อาจกล่าวขอบคุณอยู่แล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือเรื่องภายในของเซี่ยงไฮ้เอง”
“นี่ก็ถูก ผู้เฒ่าเฉิน หินฝึกวิชาขนาดเท่าหัวคน คุณจะสามารถส่งมาได้เมื่อไหร่?”
เฉินเย่าถิงไม่สนใจเขา ไสหัวไปไกลได้เท่าไหร่ก็ดีเท่านั้น
ขนาดเท่าหัวคนอะไรอีก เธอรู้หรือเปล่าว่ามันใหญ่ขนาดไหน หนักแค่ไหน?
ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นกรัมด้วยซ้ำ!
ของแบบนี้หากปรากฏขึ้นจริงๆ ปรมาจารย์ต่างพากันอยากได้ นอกเสียว่าจะเข้าไปลึกในแหล่งแร่พลังงาน ไม่งั้นหินพลังงานระดับความบริสุทธิ์สูงที่ใหญ่ขนาดนี้แทบไม่มีทางหาเจอ
ฟางผิงเห็นเขาไม่สนใจตัวเองก็รู้สึกเสียดายอีกครั้ง ผมไม่เคยเห็นขนาดใหญ่แบบนั้นมาก่อน ควักออกมาให้ผมเปิดหูเปิดตาสักหน่อยก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
อย่าพูดถึงขนาดใหญ่เพียงนั้นเลย ขนาดเท่าไข่ไก่เขายังเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“อย่ามาเสียเวลาที่นี่เลย อวิ๋นซี ตอนบ่ายกลับไปที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ฉันจะเกริ่นกับทางมหาวิทยาลัยเอง ไปฝึกวิชาที่ห้องแหล่งพลังงานเถอะ”
“ตอนบ่าย?”
เฉินอวิ๋นซีเอ่ยด้วยสีหน้าตกใจ การแข่งขันยังไม่จบเลย
“กว่าจะถึงการแข่งขันของเซี่ยงไฮ้ยังอีกนาน อยู่เสียเวลาที่นี่ไม่มีประโยชน์ พวกเราไม่เหมือนกัน พวกเราฝึกวิชามาจนถึงตอนนี้ล้วนอยู่ในช่วงเกือบถึงขีดจำกัดแล้ว เธอรีบเข้าสู่ขั้นสี่ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”
ครั้งนี้เฉินเย่าถิงสนับสนุนด้วยเช่นกัน “ไปฝึกวิชาที่เซี่ยงไฮ้เถอะ การแข่งขันสิบอันดับยังมีเวลาอีกหลายวัน ทั้งยังไม่ถึงศึกชิงอันดับหนึ่ง เซี่ยงไฮ้ไม่อาจแพ้ง่ายๆ หรอก”
“ศึกชิงอันดับหนึ่งไม่มีเรื่องต้องกังวลเช่นกัน” ฟางผิงพูดแทรกขึ้นมา
เฉินเย่าถิงเมินเฉยต่อเขา คุยกับฟางผิงแล้วเหนื่อยจริงๆ เจ้าเด็กนี้ชอบแย่งพูด
เฉินอวิ๋นซีเห็นทั้งสองคนพูดแบบนั้น ครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้าว่า “งั้นก็ได้ ขอตัวก่อน ถึงการแข่งชิงชนะเลิศฉันจะมาอีกที”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ ไม่รั้งตัวอยู่นานอีก เคลื่อนไหวเล็กน้อยก็หายแวบไปทันที
เฉินเย่าถิงเห็นแบบนั้นก็หัวเราะ เจ้าเด็กนี้สัมผัสไวจริงๆ เขาสงสัยว่าถ้าตอนนี้ตัวเองควักหินพลังงานออกมาอีกชิ้น เจ้าเด็กนี้คงจะโผล่ขึ้นมาในทันที
“พลังจิตใจไม่อ่อนด้อยจริงๆ”
เฉินเย่าถิงพึมพำ หากเจ้าเด็กนี้ต่อสู้จนได้ชื่อไร้ศัตรูในระดับกลางได้จริงๆ กลายเป็นระดับสูงคงเป็นเรื่องที่แน่อนแล้ว
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เก็บสมบัติล้ำค่าได้แล้วจริงๆ
—
การแข่งขันช่วงเช้าไม่มีอะไรให้กังวลมาก
เฉินเฮ่าหรานที่อยู่ขั้นสี่ตอนปลายไม่ได้เอาชนะห้ารวด แต่ก็แข็งแกร่งจนเอาชนะวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ได้ถึงสามคน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสองคนที่เหลืออยู่ถูกสมาชิกทีมจิงหนานคนที่สองเอาชนะอย่างง่ายดาย
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ครั้งนี้มีเจ็ดแห่งที่ตกรอบไป แต่นอกจากมหาวิทยาลัยหนานเจียงแล้ว ฟางผิงคิดว่าไม่มีมหาวิทยาลัยไหนที่จะมีหวังเข้าสู่สิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ทั้งนั้น
การแข่งขันช่วงบ่ายคือศึกระหว่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน
ฟางผิงไปดูแวบเดียวก็ออกมาทันที
หลี่หานซงไม่ได้ลงสนาม คนแรกที่นำทัพเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งในร้อยอันดับ ฉินเจ๋อ
ฉินเจ๋อที่อยู่ร้อยอันดับแรก แม้จะสู้หลี่หานซงไม่ได้ แต่เทียบกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่สูงสุดทั่วไปแล้วกลับแข็งแกร่งอยู่ช่วงใหญ่
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลินทราบเช่นกันว่าไม่อาจเอาชนะได้ เพื่อรักษาพลังเอาไว้จึงไม่ได้สู้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่
ฉินเจ๋อคนเดียวเอาชนะรวดทั้งหมด ฟางผิงดูการแข่งรอบแรกแล้วก็ออกมาทันที ไม่มีอะไรให้กังวลมาก
————————–