ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 342-2 ไม่กังวลว่าจะแพ้หรือชนะ (2)
ตอนที่ 342 ไม่กังวลว่าจะแพ้หรือชนะ (2)
การแข่งขันสี่รอบทั้งสองวันแทบไม่มีอะไรให้กังวล
โรงเรียนเตรียมทหารจิ่วโจว มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ จิงหนานและปักกิ่ง สถาบันทั้งสี่แห่งผ่านเข้ารอบอย่างราบรื่น
วันที่ 4 ธันวาคม ช่วงเช้าเป็นการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋วและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง ช่วงบ่ายเป็นการแข่งขันของโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งและมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง
การแข่งขันสองรอบนี้กลับดุเดือดกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
—
สนามกีฬาชั้นสอง
วันนี้อธิการเฝิงจากมหาวิทยาลัยซีซานไม่มา ฟางผิงจึงไม่คิดนั่งเบียดเสียดอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ขึ้นไปที่ชั้นสองโดยตรง
ไม่ได้มีแค่เขา ตอนนี้พวกหวังจินหยางและหลี่หานซงต่างอยู่กันที่นี่
สมาชิกทีมคนอื่นๆ ทยอยเข้ามานั่งชมการแข่งขันอยู่อีกฝั่งเช่นกัน
บนเวทีหลิวซื่อเจี๋ยจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋วกำลังปะทะกับประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง
หลิวซื่อเจี๋ยอยู่ขั้นสี่สูงสุด ถูกจัดในอันดับที่สี่สิบแปด ถือว่าไม่ต่ำเลย
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋วเป็นสถาบันในแปดพันธมิตรมหาวิทยาลัยที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้ถูกจัดอยู่ในอันดับสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศ เป็นรองจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งสองแห่ง
ฟางผิงมองอยู่พักหนึ่งก็หันไปเอ่ยกับหวังจินหยางด้วยรอยยิ้ม “หากมหาวิทยาลัยหนานเจียงเจอกับมหาวิทยาลัยหวากั๋วคงจะยุ่งแล้ว”
ฝีมือของหวังจินหยางแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่เจอกับหลิวซื่อเจี๋ย แม้จะได้รับชัยชนะ แต่ตัวเองคงไม่อาจเอาชนะอย่างสบายๆ ทั้งมหาวิทยาลัยหวากั๋วยังมีขั้นสี่อีกสี่คน ในนั้นมีตอนปลายอยู่หนึ่งคน ตอนกลางอีกหนึ่งคน หวังจินหยางอาจเอาชนะรวดไม่ได้เสมอไป
หวังจินหยางพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังคงเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ยุ่งอยู่บ้าง แต่น่าจะยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้”
แม้หลิวซื่อเจี๋ยจะแข็งแกร่ง แต่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน เรื่องนี้หวังจินหยางมีความมั่นใจอยู่
อย่าพูดถึงหวังจินหยางเลย ฉินเฟิ่งชิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างมั่นใจเช่นกัน “เจอกับหลิวซื่อเจี๋ย ให้ฉันลงสนามเถอะ ฉันขี้เกียจจะไปแข่งขันการจัดอันดับ เอาชนะเขาแล้ว ฉันก็จะเข้าสู่การจัดอันดับของขั้นสี่ได้”
“นาย?”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ พวกเราต่างก็รู้ไส้รู้พุงกันแล้ว เว้นเสียแต่ว่าหลิวซื่อเจี๋ยจะออมมือปล่อยให้นายฟัน ไม่งั้นนายยังคงด้อยไปอยู่บ้าง”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงขึ้นจมูก “นายดูถูกฉัน? หากศึกชิงสิบอันดับไม่จำกัดแค่บนเวที ไอ้โง่หลิวซื่อเจี๋ยนี้จะเป็นคู่ต่อสู้ฉันได้ยังไง?”
นอกจากวิชาหนึ่งดาบของเขาแล้ว ความเร็วก็เป็นความได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดเหมือนกัน
ประมือกับหลิวซื่อเจี๋ยซึ่งๆ หน้า เขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิวซื่อเจี๋ยเสมอไป
แต่เทียบเรื่องความเร็ว ความอึด ความอดทน ฉินเฟิ่งชิงยังคงมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วหลิวซื่อเจี๋ยต้องเป็นฝ่ายแพ้
ทุกคนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หวังจินหยางกลับเอ่ยอย่างสงสัยอยู่บ้าง “ฉินเฟิ่งชิง นายก้าวหน้าไวจริงๆ ขั้นสี่ตอนปลายแล้ว…”
“แน่อยู่แล้ว!”
ฉินเฟิ่งชิงเอ่ยด้วยใบหน้าระรื่น “นายรอดูเถอะ ไม่ช้าก็เร็วฉันจะล้ำหน้านาย!”
หวังจินหยางอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด เขาก็อยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด
หวังจินหยางอยู่ขั้นสามสูงสุด เขาเพิ่งเข้าขั้นสามไม่นาน
หวังจินหยางอยู่ขั้นสี่สูงสุด เขากลับกำลังไล่ตามขึ้นมา ทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย ระยะห่างถูกร่นเข้ามาอีกครั้ง
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
หวังจินหยางหัวเราะ ฉินเฟิ่งชิงยังคงมั่นใจในตัวเอง
ส่วนไล่ตามเขา…หากไม่เหนือความคาดหมาย หลังการแข่งขันสิ้นสุด เขาคงจะขั้นห้าแล้ว บางทีอาจจะเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ
ฉินเฟิ่งชิงคิดจะทะลวงขั้นห้ายังเร็วไปอยู่บ้าง
พวกเขาพูดคุยกันจนออกประเด็นไป หลี่หานซงเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริงมหาวิทยาลัยเป่ยเจียงไม่อ่อนด้อยเช่นกัน เทคนิคการต่อสู้โดยทั่วไปเฉียบขาดอย่างมาก แต่ครั้งนี้ไม่ค่อยเด็ดขาดเท่าไหร่ น่าจะอยากเหลือแรงไว้ต่อสู้ในการแข่งขันของทีมผู้แพ้ ก่อนศึกชิงสิบอันดับแรก การแข่งขันที่ดุเดือดอย่างแท้จริงน่าจะเป็นการแข่งขันคว้าตำแหน่งทีมผู้แพ้เพียงทีมเดียว”
ฟางผิงพยักหน้าว่า “การแข่งขันทีมผู้แพ้ครั้งนี้ต้องดูกันว่าสมาชิกพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงจะเป็นผู้ที่ถูกคัดออก มหาวิทยาลัยแห่งอื่นต่างด้อยไปเล็กน้อย แม้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงจะมีสมาชิกขั้นสี่น้อยไปอยู่บ้าง แต่ประเด็นอยู่ที่คนเยอะไปใช่ว่าจะมีประโยชน์”
หลี่หานซงครุ่นคิดเล็กน้อย “ครั้งนี้ฉางเจียงประชันกับไท่ซาน เหมืองแร่ปักกิ่งกับตงหนาน หนานเจียงกับหวาหนาน มหาวิทยาลัยหกแห่งนี้มีสามแห่งที่ต้องเข้าทีมผู้แพ้ นอกจากนี้โรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งเจอกับมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง ครุศาสตร์หวาตงน่าจะเข้าสู่ทีมผู้แพ้ หากหนานเจียงไม่อยากถูกทีมผู้แพ้ท้าประลอง เกรงว่าพรุ่งนี้รุ่นน้องหวังต้องลงแรงสักหน่อยแล้ว”
มหาวิทยาลัยหนานเจียงเอาชนะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน หากไม่ชนะขาดลอยหรือมีใครบาดเจ็บ ศึกสิบอันดับมีโอกาสสูงที่จะถูกทีมผู้แพ้ท้าประลองเป็นอันดับแรก
หวังจินหยางหัวเราะ ไม่พูดอะไร พรุ่งนี้ต้องลงแรงจริงๆ นั่นแหละ ไม่งั้นหนานเจียงแทบมีโอกาสถูกท้าประลองถึงร้อยเปอร์เซ็นต์
ระหว่างที่พูดหลิวซื่อเจี๋ยก็เอาชนะไปแล้วสามคน ไม่ได้เลือกสู้ต่อ
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนปลายคนที่สองของมหาวิทยาลัยหวากั๋วขึ้นเวทีปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนต้นและขั้นสามสูงสุดอีกหนึ่งคนแทบจะต้านไว้ได้อย่างสิ้นเชิง ไม่นานการแข่งขันก็สิ้นสุดลง
ฟางผิงดูอย่างง่วงหงาวหาวนอนอยู่บ้าง ความแตกต่างของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้นั้นค่อนข้างชัดเจน
รอบแรกล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งสู้กับผู้อ่อนแอ ทั้งทีมอ่อนแอยังไม่ได้ลงแรงเท่าไหร่ ดูเหมือนสู้อย่างครึกครื้นอยู่บ้าง อันที่จริงในสายตาของพวกฟางผิงกลับไม่มีความหมายแม้แต่น้อย
—
พอถึงช่วงบ่ายโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่งพบกับมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง
ฝีมือของครุศาสตร์หวาตงถือว่าไม่อ่อนด้อย ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ห้าคน ไม่มีตอนปลาย ขั้นสี่ตอนกลางสามคน ตอนต้นอีกสองคน
ผลปรากฏว่า…ต่อสู้ได้น่าเบื่อยิ่งกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปซะอีก!
เหยาเฉิงจวินลงสนามเป็นคนแรก ทางครุศาสตร์หวาตงเล่นลูกไม้ไม่น้อย เมื่อต่อสู้กันจริงๆ กลับหลบหลีกเสียส่วนใหญ่ ถ่วงเวลาไปเป็นนาทีสองนาที ก่อนจะลอยตัวปลิวออกไปจากเวทีด้วยกระบวนท่าเดียว ไม่จำเป็นต้องตะโกนยอมแพ้ซะด้วยซ้ำ
“ล้มมวย!”
ฟางผิงดูอยู่สองรอบก็ก่นด่า ครุศาสตร์หวาตงทำเพื่อรักษากำลังเอาไว้ หน้าไม่อายจริงๆ จะต้านเหยาเฉิงจวินไม่ได้สักหน่อยเลยจริงๆ หรือไง?
แข่งขันกันห้ารอบ เหยาเฉิงจวินแทบไม่หอบหายใจด้วยซ้ำ เอาชนะครุศาสตร์หวาตงได้ติดต่อกัน
เวลานี้ครุศาสตร์หวาตงกลับไม่ได้ถูกวิจารณ์มากเท่าไหร่ ยังไงเหยาเฉิงจวินก็มีชื่อเสียงมากกว่า เทียบกับฟางผิงแล้ว เหยาเฉิงจวินเป็นอันดับสามของขั้นสี่ เอาชนะขั้นสี่ทั้งห้าคนได้รวดเดียว ไม่ได้เหมือนฟางผิงที่สู้กับมหาวิทยาลัยซีซาน
เสียงเชียร์ที่ว่า อันดับสามของขั้นสี่ ถึงกระทั่งอันดับหนึ่งของขั้นสี่ดังขึ้นมาทันที
ผู้ชมจากโลกภายนอกพวกนั้นมาชมความครึกครื้นเช่นกัน เห็นเหยาเฉิงจวินสู้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่อย่างง่ายดายก็คิดว่าคนๆ นี้แข็งแกร่งเกินไปอยู่บ้าง
รวมกับการจัดอันดับก่อนหน้านี้ของเขา ตอนนี้หลายคนยอมรับโดยทั่วกันแล้วว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับหนึ่งของขั้นสี่
แม้ฟางผิงจะไม่พูดอะไร กลับลอบบ่นพึมพำกับตัวเองไม่หยุด ครั้งนี้คนอื่นไม่ต้องสู้ก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องสู้กับโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง ตำแหน่งอันดับหนึ่งของขั้นสี่นั้นต้องเป็นของฟางผิง
—
วันที่ 5 ธันวาคม
ช่วงเช้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงพบกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน ช่วงบ่ายโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งเจอกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จงโจว
ฟางผิงมาชมการแข่งขันอีกครั้ง
การแข่งขันของมหาวิทยาลัยเจียงหนานและเทคโนโลยีหวาหนานถือเป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบแรก เทคโนโลยีหวาหนานที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย มีชื่อเสียงเก่าแก่ของสิบมหาวิทยาลัยชื่อดังก่อนหน้านี้ย่อมไม่อาจจงใจรักษากำลังไว้ ยอมแพ้อย่างง่ายดายอยู่แล้ว
แม้มหาวิทยาลัยหนานเจียงจะมีหวังจินหยาง แต่ยังไงก็มีแค่คนเดียว สถานการณ์เช่นนี้เทคโนโลยีหวาหนานมีโอกาสชนะได้เช่นกัน
ยอดฝีมือขั้นสี่ห้าคน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ขั้นสี่ตอนปลาย นี่เป็นความสามารถของพวกเขา
รวมกับช่วงนี้ที่หวังจินหยางไม่ได้ลงมือ การจัดอันดับของขั้นสี่ร่วงลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่เทคโนโลยีหวาหนานไม่คิดยอมแพ้เช่นกัน
ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ฟางผิงที่มา หลายคนต่างมาชมการแข่งขัน รวมถึงทีมผู้ชนะและทีมผู้แพ้แทบจะมาชมกันทั้งหมด
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปเจ็ดแห่ง ในนั้นมีมหาวิทยาลัยหนานเจียงที่มีตัวแปรสำคัญที่ใหญ่ที่สุด
—
ไม่นานการแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น
ตอนนี้กระทั่งพวกปรมาจารย์ชั้นสองยังเยอะกว่าสองวันแรกอยู่บ้าง
มหาวิทยาลัยหนานเจียงจะสามารถคว้าโควตาสิบอันดับมหาวิทยาลัยชื่อดังได้หรือไม่ การแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากแพ้ งั้นก็ไม่ค่อยมีหวังแล้ว หากชนะ แต่ชนะอย่างยากลำบากก็มีความหวังริบหรี่
“เริ่มได้!”
ตอนที่ผู้ตัดสินส่งเสียง หวังจินหยางที่นำทัพคนแรกก็ระเบิดพลังจนถึงขีดกำจัด!
ในระหว่างที่ทุกคนตื่นตะลึง ดาบนั้นราวกับขยายใหญ่หลายเท่า ประกายแสงสีแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟันลงมาจากฟ้า
“พลั่ก!”
ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของเทคโนโลยีหวาหนานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นยอดฝีมือขั้นสี่ตอนกลาง แทบตั้งรับไม่ทันจึงถูกดาบจู่โจมเข้า เลือดไหลพรั่งพรูที่หน้าอกในชั่วพริบตา
“ปัง!”
ขณะเดียวกับที่เลือดพุ่งกระฉูด อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหนักจึงลอยกระเด็นออกไปตกบนพื้นอย่างแรง!
“เฮือก!” ในสนามนั้นมีเสียงหายใจหนักอึ้งขึ้นไม่น้อย
หลายคนเผยสีหน้าหนักแน่น หวังจินหยางจากหนานเจียงแข็งแกร่งกว่าที่คิดไว้อยู่บ้าง!
ยอดฝีมือขั้นสี่ตอนปลาย นึกไม่ถึงว่าจะไม่สามารถต้านได้สักดาบเดียวก็บาดเจ็บสาหัสซะแล้ว แทบจะสามารถบอกลาจากการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ได้เลย
ชั้นสอง อธิการจากเทคโนโลยีหวาหนานมีท่าทีหนักอึ้งขึ้นมาไม่น้อย
ประเมินหวังจินหยางต่ำไปอยู่บ้างจริงๆ เพื่อจะสร้างความเกรงขาม หวังจินหยางจึงลงมือหนักอย่างไม่อ้อมค้อม หากเดาไม่ผิดการแข่งต่อจากนี้คงไม่ออมมือด้วยเช่นกัน หากเทคโนโลยีหวาหนานแข่งต่อไป อาจต้องบอกลาจากศึกชิงสิบอันดับจริงๆ ก็ได้
และการแข่งรอบต่อมาก็พิสูจน์การคาดเดาของเขาแล้ว
เมื่อคนที่สองขึ้นเวที สิ้นเสียงประกาศแล้ว ดาบยาวของหวังจินหยางก็เคลื่อนไหวจนมองไม่ทัน เงาดาบกะพริบวูบวาบ อีกฝ่ายแทบไม่ต่างจากคนก่อน กระเด็นร่วงบนพื้นด้วยวิธีเดียวกัน เลือดชุ่มไปทั้งร่าง
“แข็งแกร่งมาก!”
ฟางผิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธ์กลายพันธุ์อย่างหวังจินหยางแข็งแกร่งกว่าขั้นสี่สูงสุดทั่วไปจริงๆ ด้วย
การแข่งขันครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว มหาวิทยาลัยหนานเจียงได้ชัยชนะอย่างแน่นอน
หวังจินหยางมาถึงขั้นนี้ หากไม่มียอดฝีมือในระดับเดียวกันลงมือ ขั้นสี่พวกนี้แทบไม่มีความแตกต่าง
ฟางผิงรอจนเห็นเขาออกดาบจู่โจมคนที่สามก็ไม่ดูต่อแล้ว มองอะไรไม่ออกเลย แข็งแกร่งหรืออ่อนแอยังต้องรอให้พวกเขาเป็นคนลงมือถึงจะมองออกได้
เวลาไม่ถึงสามนาที
ผู้ตัดสินเอ่ยเสียงดังว่า “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หนานเจียงเป็นฝ่ายชนะ!”
การแข่งขันครั้งนี้จบลงอย่างรวดเร็ว หลายคนต่างคาดเดากันล่วงหน้าแล้วว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ หนานเจียงจะชนะหรือเปล่า? ทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้อย่างดุเดือดหรือไม่?
แต่ความจริงกลับบอกพวกเขาว่าขั้นสี่และขั้นสี่ยังคงไม่เหมือนกันจริงๆ
———————-