ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 343 ฉินเฟิ่งชิง นายถูกสวมเขาแล้ว (1)
ตอนที่ 343 ฉินเฟิ่งชิง นายถูกสวมเขาแล้ว (1)
“แข็งแกร่งมาก!”
มหาวิทยาลัยหนานเจียงเอาชนะเทคโนโลยีหวาหนานได้อย่างง่ายดาย หวังจินหยางฟันห้าดาบก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว จุดนี้ยังคงเหนือความคาดหมายของใครหลายคน
มหาวิทยาลัยหนานเจียงแข็งแกร่งอย่างนั้นเหรอ?
ก็ปกติ
ความแข็งแกร่งไม่ได้อยู่ที่มหาวิทยาลัย แต่เป็นหวังจินหยางเพียงคนเดียว
ก่อนการแข่งขัน เนื่องจากหวังจินหยางอยู่ในการจัดอันดับขั้นสี่ที่ไม่สูงมาก นอกจากคนกลุ่มน้อยอย่างพวกฟางผิงนี้แล้ว คนส่วนมากต่างคิดว่าหวังจินหยางสู้พวกเหยาเฉิงจวินไม่ได้ อย่างมากก็พอทัดเทียมกับพวกเฉินเหวินหลงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เท่านั้น
แต่ตอนที่ดาบเดียวของหวังจินหยางซัดประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนานขั้นสี่ตอนปลายคนนั้น ทุกคนก็ไม่กล้าคิดเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
พวกเฉินเหวินหลงที่เป็นยอดฝีมือในการจัดอันดับอาจทำไม่ถึงขั้นนี้เสมอไป
อีกฝ่ายไม่ใช่คนอ่อนแอเช่นกัน เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ขั้นสี่ตอนปลายเช่นนี้ไม่อาจมองเป็นขั้นสี่ตอนปลายทั่วไปได้
—
ชั้นสอง
หลี่หานซงเผยสีหน้าเช่นเคย รอจนเห็นหวังจินหยางเดินลงจากเวทีก็ไม่พูดอะไร สาวเท้าจากไป
อีกด้านหนึ่ง เหยาเฉิงจวินนั่งตัวตรง จ้องมองด้านล่างเวทีนิ่งๆ อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินลงไป
ฟางผิงเพิ่งจะลุกขึ้น ถังเฟิงกลับสาวเท้าเข้ามา “หากเจอกับเขา พอจะมั่นใจหรือเปล่า?”
“แน่นอนครับ”
ฟางผิงตอบอย่างฉับไว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้ามีดีแค่นี้ งั้นคงห่างไกลอยู่บ้าง ฝีมือของเทคโนโลยีหวาหนานอ่อนเกินไป ไม่สามารถทำให้เขาระเบิดพลังออกมาอย่างเต็มที่ได้”
“เธอเพิ่งเข้าสู่ขั้นสี่สูงสุดไม่นาน…”
“ไม่มีปัญหาครับ อาจารย์วางใจเถอะ”
ช่วงนี้ฟางผิงเกรงอกเกรงใจถังเฟิงขึ้นมาก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากไม่ไหวจริงๆ เจอกับหนานเจียง ผมถ่วงเวลาหวังจินหยางคงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หรืออาจารย์คิดว่าพวกรุ่นพี่เฉินจะเอาชนะหนานเจียงที่เหลือไม่ได้?”
“ถูกของเธอ”
ถังเฟิงพยักหน้า เอ่ยอย่างเสียดายอยู่บ้าง “ฝีมือโดยรวมของมหาวิทยาลัยหนานเจียงอ่อนไปอยู่บ้าง รักษาตำแหน่งสิบอันดับคงไม่เป็นปัญหามาก แต่อยากขึ้นไปอยู่ข้างหน้าอีก นั่นเป็นเรื่องยากแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ เอ่ยอย่างเสียดายเช่นกัน “น่าเสียดายที่เขาเป็นประธาน ไม่งั้นดึงตัวมาเซี่ยงไฮ้ยังคงพอมีความหวัง”
ถังเฟิงหมดคำจะพูด คิดมากเกินไปแล้ว
หวังจินหยางเป็นหน้าเป็นตาของมหาวิทยาลัยหนานเจียง ถ้าฟางผิงดึงตัวเขามาจริงๆ ปรมาจารย์ของหนานเจียงพวกนั้น รวมถึงจางติ้งหนานอาจจะมาหาเรื่องถึงประตูด้วยซ้ำ
ฟางผิงไม่ได้คิดขัดแย้งมากมาย เดินลงบันไดก็เอ่ยไปพลาง “การแข่งขันหลังจากนี้ผมคงไม่ดูแล้ว ไม่มีความหมายเท่าไหร่”
ดูการแข่งขันของหนานเจียงแล้ว ฟางผิงก็คิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องไปดูอีก
มหาวิทยาลัยแห่งอื่น แม้จะมีผู้แข็งแกร่ง ก็แข็งแกร่งอย่างจำกัด ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของเฉินเหวินหลงด้วยเช่นกัน จุดนี้ฟางผิงยังคงมีความมั่นใจ
ไม่มีเขา เฉินเหวินหลงก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากกระทั่งคนของมหาวิทยาลัยพวกนี้ยังต้านไม่อยู่ งั้นมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว
ถังเฟิงก็ไม่คิดว่าเขามั่นใจในตัวเองเกินไป มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พอจะมีของดีอยู่แล้ว
—
การแข่งขันของวันที่ห้าสิ้นสุดลง หวังจินหยางก็ดังเป็นพลุแตก
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ในแวดวงคนธรรมดากลับไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงมากมาย นี่จึงเป็นครั้งแรกที่กลายเป็นประเด็นอันร้อนแรง
ก่อนหน้านี้เหยาเฉิงจวินซัดครุศาสตร์หวาตงอย่างยับเยิน แต่การจัดทัพของครุศาสตร์หวาตงยังคงสู้เทคโนโลยีหวาหนานไม่ได้
ตอนนี้ห้าดาบของหวังจินหยางทำลายเทคโนโลยีหวาหนานจนพินาศ ชั่วขณะนั้นก็สามารถสูสีกับเหยาเฉิงจวินได้ทันที
ในเวลาเดียวกับที่หวังจินหยางดัง เมืองระดับอำเภอเล็กๆ ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาเช่นกัน
เมืองหยางเฉิงจากหนานเจียง!
—
ในอินเทอร์เน็ต ถกประเด็นกันอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน
“เพิ่งจะรู้ว่าเมืองอย่างหยางเฉิงถือกำเนิดอัจฉริยะมาถึงสองคน ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และหวังจินหยางจากมหาวิทยาลัยหนานเจียงเป็นคนหยางเฉิงทั้งคู่!”
“ฉันได้ยินมาว่าหวังจินหยางและฟางผิงยังจบจากโรงเรียมมัธยมเดียวกัน”
“คนหนึ่งเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อีกคนเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์มหาวิทยาลัยหนานเจียง ทั้งยังขั้นสี่สูงสุดทั้งคู่ หยางเฉิงสภาพแวดล้อมดีจริงๆ”
“พวกนายว่าหวังจินหยางและฟางผิงใครแข็งแกร่งกว่ากัน?”
“หวังจินหยางล่ะมั้ง หวังจินหยางเอาชนะเทคโนโลยีหวาหนานได้อย่างเฉียบขาดมากกว่ามหาวิทยาลัยซีซาน…”
“อาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป ฟางผิงกลายเป็นประธานสมาคมของมหาวิทยาลัยชื่อดังได้ ฉันว่าฟางผิงแข็งแกร่งกว่า”
“สองคนนี้จะได้เจอกันหรือเปล่า?”
“…”
ช่วงเวลาสั้นๆ เรื่องที่ว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่คนไหนเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดก็กลายเป็นประเด็นร้อนทันที
หลี่หานซง? เหยาเฉิงจวิน? หวังจินหยาง? หรือว่าฟางผิง?
การแข่งขันครั้งนี้ในหมู่พวกเขาสี่คน มีเพียงหลี่หานซงที่ยังไม่ได้ลงสนาม แต่การท้าประลองก่อนหน้านี้ของหลี่หานซง ทุกคนยังคงจำได้ ประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ต่อให้อ่อนแอจะอ่อนแอสักแค่ไหนกัน
อีกอย่างหลิวซื่อเจี๋ยจากมหาวิทยาลัยหวากั๋ว ฉินเจ๋อจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เฉินเหวินหลงจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ คนพวกนี้ก็ถูกยกมาเป็นประเด็นเช่นกัน
ห้าระดับที่ฟางผิงพูดถึง ตอนนี้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่พวกนี้จัดอยู่ในระดับไหนกัน?
—
หยางเฉิง
ฟางหยวนดูการแข่งขันจบแล้ว ก็มองประเด็นร้อนในอินเทอร์เน็ตก่อนจะพองลมแก้มอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
พี่ชายฉันต้องแข็งแกร่งที่สุดสิ!
นึกมาถึงตรงนี้ฟางหยวนก็เปิด QQ ขึ้นมา ตอนนี้มีรายชื่อกลุ่มเรียงรายอยู่ไม่กี่สิบกลุ่ม แบ่งเป็นสมาคมหยวนผิงกลุ่มหนึ่ง กลุ่มสอง กลุ่มสามไปจนถึงหลายสิบกลุ่ม
“พวกพี่ๆ น้องๆ ทั้งหลายจงไปโพสต์ในเว็บบอร์ดต่างๆ ว่าพี่ชายฉันต่างหากที่เป็นอันดับหนึ่งของขั้นสี่ รองประธานสมาคมหยวนผิงของพวกเราแข็งแกร่งที่สุดแล้ว!”
ฟางหยวนส่งเข้าไปหลายสิบกลุ่มในรวดเดียว
ไม่นานแต่ละกลุ่มก็มีการเคลื่อนไหวทันที
กลุ่มของสาวน้อยว่างจนไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว พากันกระตือรืนร้นขึ้นมา ไม่นานสมาชิกสมาคมหยวนผิงที่ออนไลน์ก็ทยอยออกไปโต้แย้งในเว็บบอร์ดต่างๆ ทันที
“ฟางผิงแข็งแกร่งที่สุดในขั้นสี่!”
“สมาคมหยวนผิงเก่งที่สุด!”
“อันดับหนึ่งของขั้นสี่คือรองประธานของพวกเรา!”
โพสต์ทำนองนี้ถูกยึดครองในเว็บบอร์ดต่างๆ ทันที ถึงหลายคนจะสับสนก็ตามว่าสมาคมหยวนผิงโผล่มาจากไหนกัน!
—
เรื่องบนอินเทอร์เน็ต ฟางผิงไม่ได้สนใจมาก
สร้างข่าวลือทางอินเทอร์เน็ต ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เอาชนะคนอื่นได้อย่างแท้จริงแล้วค่อยทำก็ไม่สาย เวลานี้โอกาสยังไม่มาถึง
แม้ปากจะพูดว่าไม่กังวล รอจนหนานเจียงแข่งขันเสร็จแล้ว ฟางผิงก็ไม่วิ่งวุ่นไปทั่วอีก ไปฝึกวิชาในโรงแรมแทน
ตั้งแต่ที่ตัวเองทะลวงขั้นสี่สูงสุด ฟางผิงก็ไม่ให้ความสนใจกับการทะลวงด่านเป็นหลักแล้ว แต่พุ่งเป้าไปที่เคล็ดวิชาต่อสู้
หลายวันมานี้เขาฝึกวิชาเคลื่อนไหวในอากาศ หมัดหมัวเหอและดาบพิชิตสวรรค์เป็นหลัก ก้าวหน้าไปไม่น้อย
แต่ฟางผิงรู้ดีว่าเขาฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงในเวลาสั้นเกินไป
ตั้งแต่เดือนกันยายนเขาเพิ่งจะเริ่มแตะเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูง จนถึงตอนนี้เป็นเวลาประมาณสามเดือนเท่านั้น
แต่พวกหวังจินหยาง ฝึกเคล็ดวิชาระดับสูงมากว่าหนึ่งปีแล้ว
เทียบเรื่องเคล็ดวิชา ฟางผิงต้องสู้ไม่ได้อยู่แล้ว
จุดเด่นของฟางผิงอยู่ที่ปราณตัวเองแข็งแกร่งกว่า พื้นฐานร่างกายและพลังฟื้นฟูก็แข็งแกร่งกว่า
แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุด ทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้ฟางผิงมั่นใจที่สุด อันที่จริงยังเป็นผลจากการบ่มเพาะดาบหลายวันมานี้ของเขา
นับตั้งแต่เรียกวิชาสะสมพลังและวิชาระเบิดพลังมาจากตาเฒ่าหลี่ ฟางผิงก็บ่มเพาะดาบตลอดมา สั่งสมพลังจิตใจและปราณลงไปราวกับไม่เสียดายเงิน ตอนนี้ผ่านไปเกือบสองเดือนแล้ว ฟางผิงยังไม่เคยชักดาบออกจากฝักมาก่อน
“ดาบนี้จะชักออกมาง่ายๆ ไม่ได้ ฉันวางแผนจะใช้ฟันขั้นห้า…ช่วงแรกยังต้องพึ่งแต่ตัวเอง”
ในห้องชุดโรงแรม
ฟางผิงพึมพำขึ้นมา ในสถานการณ์ที่ไม่จับดาบ จะสามารถเอาชนะทั้งสามคนอย่างง่ายดายงั้นเหรอ?
มองตัวเลขบนกระดานแวบหนึ่ง ตั้งแต่เข้าสู่ขั้นสี่สูงสุด ฝีมือเขาก็ก้าวกระโดดขึ้นมาช่วงใหญ่
ค่าทรัพย์สิน : 920,000,000
ปราณ : 3100 (3229)
จิตใจ : 672 เฮิรตซ์ (699 เฮิรตซ์)
หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 6 ชิ้น (90%) , 23 ชิ้น (30%+)
ช่องเก็บของ : 1 ลูกบาศก์เมตร
ม่านพลังงาน : ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่น/นาที
หลายวันมานี้ฟางผิงสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไปไม่น้อย ส่วนหนึ่งใช้ไปกับการฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ อีกส่วนหนึ่งใช้ไปกับการบ่มเพาะดาบ
“น่าเสียดาย ไม่ได้ทะลวงพลังจิตใจมาโดยตลอด ไม่งั้น…พลังจิตใจเจ็ดร้อยเฮิรตซ์ขึ้นไป คงจะทำให้ความสามารถของฉันเพิ่มขึ้นอีกครั้ง”
ตอนนี้พื้นฐานร่างกาย ปราณและพลังจิตใจของเขาเพิ่มจนไม่สามารถเพิ่มได้อีกแล้ว
หากอ้างจากเงื่อนไขของอุปกรณ์ ฟางผิงคงแตะถึงขีดจำกัดในขั้นสี่สูงสุดแล้ว
“ถ้าจะแย่ก็แย่ที่เคล็ดวิชาต่อสู้ไม่ลึกล้ำพอ…แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแค่วันสองวันจริงๆ”
ฟางผิงส่ายหัวเบาๆ นึกได้ว่าไม่อาจชักดาบออกมาอย่างง่ายๆ หากปะทะกับพวกเหยาเฉิงจวิน ตอนนี้ใครแพ้ชนะยังเป็นเรื่องที่พูดยาก
“ทำไมระบบไม่เพิ่มทางลัดอัปเกรดเคล็ดวิชาให้สักหน่อย แบบนี้ฉันคงไม่จำเป็นต้องคิดมากแล้ว”
ฟางผิงโลภอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ไม่นานก็เริ่มฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ต่อ
—
แม้ฟางผิงจะไม่ไปดูการแข่งขันอีก แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดกับโลกภายนอกจนเกินไป ข่าวลือจากข้างนอกยังคงแพร่กระจายมาถึงเขา
ช่วงบ่ายของวันที่ห้า โรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งเอาชนะมหาวิทยาลัยจงโจวได้อย่างยากลำบาก
ในสามโรงเรียนเตรียมทหาร อวิ๋นเมิ่งนั้นอ่อนแอที่สุด แม้จะรวบรวมขั้นสี่ห้าคนได้ แต่มีตอนต้นไปแล้วสามคน ตอนกลางอีกสองคน เทียบกับเทคโนโลยีหวาหนานแล้วด้อยไปอยู่บ้าง
มหาวิทยาลัยจงโจวมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่แค่สองคน แต่ในนั้นมีคนหนึ่งอยู่ตอนกลาง ปรากฏว่าเป็นที่เหนือความคาดหมายอยู่บ้าง อีกฝ่ายเอาชนะประธานขั้นสี่ตอนกลางจากโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งคนนั้นได้ ทั้งเกือบจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางสองคนรวดเดียวได้แล้ว
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนต้นที่เหลืออยู่ของมหาวิทยาลัยจงโจวคนนั้น ประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ตอนกลางที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งสองคนต่อสู้จนเสมอกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดสามคนนึกไม่ถึงว่าจะถ่วงรั้งขั้นสี่คนหนึ่งได้ จนผู้ฝึกยุทธ์คนที่สี่ของโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งต้องลงสนาม เวลานี้ค่อยพ่ายแพ้ไป
ผลลัพธ์แบบนี้ทำให้หลายคนจับจ้องโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งเป็นพิเศษอยู่บ้าง
ทีมผู้ชนะ ตอนนี้โรงเรียมเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งเหมือนจะเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดแล้ว
————————
………………………………..