ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 344 เฉินเฮ่าหรานอย่าร้องไห้ (1)
ตอนที่ 344 เฉินเฮ่าหรานอย่าร้องไห้ (1)
สนามกีฬามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของทีมผู้แพ้มีคนมาดูไม่น้อย
แต่ปรมาจารย์ยอดฝีมือชั้นสองกลับบางตาไปอยู่บ้าง นอกจากวันแรกที่เยอะหน่อย หลายวันนี้ปรมาจารย์บางคนก็เดินทางออกไปแล้ว
หลังจากมหาวิทยาลัยซีซานถูกคัดออก ปรมาจารย์เฝิงก็ออกจากปักกิ่งไป
ตอนนี้ต่อให้ฟางผิงขึ้นชั้นสองก็ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว
—
ขึ้นมาชั้นสอง ฉินเฟิ่งชิงยังอยู่ในอาการสับสน
ประจวบเหมาะกับโจวฉีเยวี่ยจากวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้นั่งอยู่ชั้นสองเช่นกัน
ตอนนี้โจวฉีเยวี่ยเผยท่าทีเย็นชาจ้องมองลงไปด้านล่าง ไม่ได้ทักทายฉินเฟิ่งชิง ในความเป็นจริงทั้งสองฝ่ายไม่ได้สนิทกันอยู่แล้ว จะไม่ทักทายก็ไม่แปลกอะไร
ฟางผิงเห็นแบบนั้นจึงสะกิดฉินเฟิ่งชิง กดเสียงจนแทบไม่ได้ยินว่า “ดูสิ ไม่สนใจนายแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงฟังจบก็เงยหน้ามองโจวฉีเยวี่ยแวบหนึ่ง โจวฉีเยวี่ยกลับตรึงสายตาไว้ที่ด้านล่าง ไม่ได้สนใจเขา
“คงจะเสียใจ”
ฟางผิงส่ายหัว ถอนหายใจเบาๆ “ฉินเฟิ่งชิง นายคิดว่าตัวเองหล่อมาก เป็นที่นิยมนักหรือไง? อุตส่าห์มีผู้หญิงมาชอบนาย นายกลับทำแบบนี้กับเธอ…”
ฉินเฟิ่งชิงปิดปากเงียบ
“ช่างเถอะ คิดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ยังไงหากสู้กันจริงๆ นายอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเสมอไป”
“อย่ามายั่วยุฉันให้หน่อยเลย!” ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียง “เขาเพิ่งขั้นสี่ตอนกลาง ฉันฟันเขาตายด้วยดาบเดียวได้ด้วยซ้ำ!”
ฟางผิงเอ่ยออกไปส่งๆ “งั้นนายลังเลอะไร?”
“นายกำลังหลอกล่อฉัน!” ตอนนี้ฉินเฟิ่งชิงได้สติขึ้นมาแล้ว ฉันไม่ได้โง่เหมือนหัวสิงโตนั่น
ฟางผิงชำเลืองมองเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายจะคิดแบบนี้ก็คิดไปเถอะ นายสงสัยว่าฉันพูดโกหกสินะ โจวฉีเยวี่ยไม่ได้ชอบนาย?”
“ไร้สาระ ฉันสัมผัสถึงความรักอะไรไม่ได้ทั้งนั้น นายกำลังปั้นน้ำเป็นตัวอยู่!”
“นายเคยมีความรักหรือเปล่า?”
ฉินเฟิ่งชิงใบหน้าขึ้นสีเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่อาจยอมได้ “แน่อยู่แล้ว”
“งั้นนายรู้หรือเปล่าว่าการที่ผู้หญิงคนหนึ่งชอบผู้ชายคนหนึ่งมีลักษณะสังเกตยังไง?”
ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก “จะบอกนายทำไม นายเป็นแค่เด็กน้อย บอกไปนายก็ไม่เข้าใจ”
ฟางผิงแค่นเสียง “อย่างน้อยฉันก็รู้อยู่เรื่องหนึ่ง ถ้าตำหนิผู้ชายที่เธอชอบ เธอต้องไม่พอใจอยู่แล้ว”
พูดจบฟางผิงก็เอ่ยเสียงเบา “ตอนนี้ฉันตะโกนด่านายเสียงดัง นายลองทายว่าโจวฉีเยวี่ยจะมองฉันด้วยสายตาโกรธเคืองหรือเปล่า?”
“จะเป็นไปได้ไง…”
“งั้นพวกเรามาพนันกัน?”
เวลานี้ฉินเฟิ่งชิงลังเลอยู่บ้าง จ้องเขาว่า “นายอยากด่าฉันอยู่แล้วใช่หรือเปล่า?”
“ไร้สาระ ถ้าฉันจะด่านายจริงๆ จำเป็นต้องหาจังหวะอีกหรือไง?”
“ฉันไม่เชื่อ”
ฟางผิงไม่สนใจเขาเช่นกัน จู่ๆ ก็ตะโกนว่า “ฉินเฟิ่งชิง นายมันไอ้โง่สมองหมู ปัญญาอ่อน ไม่เต็มเต็ง!”
เขาเพิ่งจะด่า โจวฉีเยวี่ยที่พุ่งสายตาลงไปด้านล่างตะกี้กลับหันหน้ามา แววตาประกายโทสะ จ้องฟางผิงเขม็ง!
“นายอย่าได้รังแกคนจนเกินไป!”
นอกจากโจวฉีเยวี่ยจะถลึงตาใส่แล้ว ยังด่าฟางผิงด้วยโทสะสุมหัว
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ “ขอโทษทีๆ ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้ว”
“เหอะ!”
โจวฉีเยวี่ยแค่นเสียง บิดหน้าหนีไม่สนใจเขาอีก
ฉินเฟิ่งชิงตะลึงงันไป!
ฟางผิง…พูดจริงงั้นเหรอ?
ตอนนี้ฟางผิงไม่พูดอีกแล้ว หาที่นั่งได้ก็ดึงฉินเฟิ่งชิงที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้นั่งลง “เอาเถอะ ไม่ต้องคิดมากแล้ว ดูการแข่งขันดีกว่า”
“ฟางผิง…เธอ…แต่ว่าฉัน…ไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่ ฉันชอบสไตล์ตัวเล็กน่ารัก…”
“นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า? ผู้ฝึกยุทธ์มีแบบนั้นด้วยหรือไง?”
“แต่ว่า…”
“ช่างเถอะ นายไม่ต้องบอกฉันแล้ว ฉันไม่สนใจ ยังไงอะไรที่ฉันควรบอกก็บอกไปหมดแล้ว ไม่ว่านายจะชอบหรือไม่ชอบ แต่ที่เธอชอบนายเป็นเรื่องจริง นายคงไม่ปฏิเสธสินะ?”
ฉินเฟิ่งชิงถอนหายใจเบาๆ “ชินแล้ว คนหน้าตาดีก็เป็นแบบนี้แหละ”
“คนของครุศาสตร์หวาตงมาแล้ว นายดูเอาเองเถอะว่าต้องทำยังไง”
ฟางผิงไม่สนใจเขาอีก เริ่มมองไปยังเวทีข้างล่าง
—
ในเวลาเดียวกัน
ปรมาจารย์หลายคนที่อยู่ไม่ไกลพูดกันเบาๆ
“ฟางผิงเหมือนจะใช้พลังจิตใจได้คล่องกว่าเมื่อก่อน ก้าวหน้าไวไม่ใช่เล่น”
หวงจิ่งพยักหน้าเบาๆ “ก้าวหน้าอยู่บ้างจริงๆ แต่ไม่เหมาะสมเล็กน้อย อยู่ดีๆ กลับก่อกวนโจวฉีเยวี่ย…เจ้าเด็กนี้คงไม่ใช่…”
ระหว่างที่พูด หวงจิ่งก็มองไปทางอธิการหญิงของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้แวบหนึ่ง ฟางผิงชอบเด็กสาวของพวกคุณเข้าแล้ว?
เมื่อกี้ฟางผิงพูดกันค่อนข้างเบา พวกปรมาจารย์ก็ไม่ได้ว่างจนแอบฟังคนอื่นพูดอยู่ตลอดเวลา
จวบจนพบว่าฟางผิงใช้พลังจิตใจ พวกเขาจึงตระหนักถึงฟางผิงได้
อยู่ดีๆ ฟางผิงกลับใช้พลังจิตใจก่อกวนโจวเยวี่ยฉี หวงจิ่งจึงคิดไปตามเหตุผล
ปรมาจารย์หญิงของวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ยเรียบนิ่งว่า “พรสวรรค์ไม่เลว แต่ฉีเยวี่ยไม่ชอบคนไร้ความหนักแน่นแบบนี้หรอก!”
ชอบก็พูดออกมา ระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนี้
ฟางผิงใช้พลังจิตใจรบกวนโจวฉีเยวี่ย ประพฤติตัวไม่เรียบร้อย แม้พรสวรรค์เขาจะดียังไง ปรมาจารย์หญิงก็มองไม่เข้าตาอยู่ดี
หวงจิ่งไม่สนใจเช่นกัน หัวเราะว่า “เรื่องของพวกหนุ่มสาว ให้พวกเขาจัดการเองเถอะ ใช่สิ การแข่งของครุศาสตร์หวาตงและมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียงครั้งนี้ พวกคุณคิดว่าเป่ยเจียงจะมีโอกาสหรือเปล่า?”
“มหาวิทยาลัยเป่ยเจียงยังคงมีโอกาสอยู่บ้าง” ปรมาจารย์หญิงพยักหน้าเล็กน้อย อยากจะให้ครุศาสตร์หวาคงแพ้ไปด้วยซ้ำ เมื่อวานทั้งสองมหาวิทยาลัยเกือบจะตีกันขึ้นมาแล้ว
—
คำถกเถียงของปรมาจารย์ ฟางผิงไม่คิดจะแอบฟังอยู่แล้ว
เขาหูดีไม่น้อย แต่เรื่องแอบฟังปรมาจารย์พูดคุย เขาไม่สนใจเท่าไหร่ หากถูกรู้เข้า มีแต่จะโดนซ้อมเท่านั้น
ตอนนี้พิธีกรด้านล่างเวทีเริ่มอธิบายการจัดทัพของทั้งสองฝ่ายแล้ว
ทางครุศาสตร์หวาตงลงสนามติดต่อกัน บาดเจ็บไม่น้อย ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ลงสนามมีขั้นสี่แค่สามคน ในนั้นมีตอนกลางหนึ่งคน ตอนต้นอีกสองคน
ทางเป่ยเจียงแข่งขันไม่ได้พักเช่นกัน แม้จะได้เป็นทีมรอสับเปลี่ยนหนึ่งครั้ง แต่ตอนนี้ก็มีแค่ขั้นสี่สองคนที่ลงสนาม คนหนึ่งตอนกลาง อีกคนตอนต้น
มองจากความสามารถ ครุศาสตร์หวาคงแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง เป่ยเจียงถึงกระทั่งรวบรวมขั้นสามสูงสุดออกมาไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกสามคนที่เหลือเป็นขั้นสามตอนปลายทั้งหมด
ขอแค่ประธานสมาคมเป่ยเจียงที่อยู่ขั้นสี่ตอนกลางถูกเอาชนะก็แทบจะจบการแข่งขันได้แล้ว
ฟางผิงดูอยู่พักหนึ่งก็ส่ายหัวว่า “เป่ยเจียงมีโอกาสไม่เยอะ หูหย่งจากครุศาสตร์หวาตงที่อยู่ขั้นสี่ตอนกลางไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร จางเทาจากเป่ยเจียงกลับบาดเจ็บไม่น้อย”
ฉินเฟิ่งชิงแค่นเสียงว่า “หูหย่งไอ้หยาบช้านั่น ตอนที่สู้กับปักกิ่งทำเป็นไม่ออกแรงเลยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ก่อนหน้านี้สู้กับวิทยาลัยสตรีเซี่ยงไฮ้ก็ใช้วิธีต่ำช้า…”
“เลวหรือไม่เลวยังไม่พูดถึง แต่ฝีมือของหูหย่งไม่อ่อนด้อย ครั้งนี้เอาชนะเป่ยเจียง ประลองกับโรงเรียนเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งอาจมีโอกาสชนะเหมือนกัน ครุศาสตร์หวาตงก็เข้าสู่สิบอันดับแรกได้แล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงไม่พูดอะไร การคาดคะเนของฟางผิงมีความเป็นไปได้
หากโรงเรียมเตรียมทหารอวิ๋นเมิ่งเจอกับครุศาสตร์หวาตงจริงๆ ขอแค่คนของครุศาสตร์หวาตงไม่ได้รับบาดเจ็บหนักจนเกินไป รวมขั้นสี่ห้าคนออกมาได้ก็มีโอกาสสูงที่จะเอาชนะอวิ๋นเมิ่ง
แต่เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสิบอันดับ ครุศาสตร์หวาคงต้องยอมทุ่มใช้ยาบำรุงเพื่อช่วยให้พวกเขาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแน่
วันนี้ขั้นสี่สองคนที่ไม่ได้ลงสนามต่างพักรักษาตัวอยู่ น่าจะรอเตรียมแข่งขันในครั้งหน้า
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน
ด้านล่างเวทีผู้ตัดสินก็ตะโกนเสียงดัง “เริ่มได้!”
สิ้นเสียง หูหย่งจากครุศาสตร์หวาตงก็ทำสงครามพร่ากำลังทันที เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ลงมืออยู่รอบๆ จางเทาไม่หยุดหย่อน โดนตัวแล้วก็ถอยกลับทันที
เขาไม่ได้บาดเจ็บอะไร จางเทากลับยังไม่ได้ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ ถูกบั่นทอนกำลังแบบนี้ เขามีโอกาสชนะสูง ทั้งไม่ได้สิ้นเปลืองจนเกินไป
สำหรับครุศาสตร์หวาตง ตอนนี้ใช้ความมั่นคงเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องสู้อย่างรุนแรงจนเกินไป หากบาดเจ็บก็แข่งขันได้ยากแล้ว
ในความคิดของฟางผิง กลยุทธ์แบบนี้ถูกต้องแล้ว เพื่อช่วงชิงสิบอันดับแรกจะเล่นสกปรกบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ฉินเฟิ่งชิงเหมือนไม่ชอบเท่าไหร่ แค่นเสียงว่า “ต่ำช้าจริงๆ ด้วย ไอ้เลวนั่น!”
ฟางผิงชำเลืองมองเขา หมอนี่ใส่ใจขึ้นมาแล้วสินะ?
ไม่สนใจเขาอีก แล้วแต่หมอนี่เถอะ เมื่อกี้ตัวเองอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่ ตอนนี้ระบายความโกรธไปบ้างแล้ว ทีมไก่อ่อนอย่างครุศาสตร์หวาตง ฟางผิงไม่เห็นความสำคัญเท่าไหร่อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องเป็นแพะรับบาป ฟางผิงไม่ยอมทำแบบนั้นหรอก ครุศาสตร์หวาตงจะพูดยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขา
ด้านล่างเวที
การแข่งขันสนามแรกกินเวลาไปค่อนข้างมาก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่มีพลังฟื้นฟูเร็ว หูหย่งไม่ได้รับบาดเจ็บจึงฟื้นฟูได้ไว
ค่อยๆ บั่นทอนกำลังของจางเทาไป
ความเร็วของจางเทาอาจสู้เขาได้เช่นกัน น่าเสียดายที่ตอนนี้ปราณติดขัดอยู่บ้าง หลายครั้งที่คิดจะจู่โจมจุดสำคัญกลับถูกหูหย่งหลบได้
หลบการโจมตีของเขาไปหลายครั้ง หูหย่งเห็นว่าปราณอีกฝ่ายสิ้นเปลืองไม่น้อยแล้ว ถ่วงเวลาอีกกว่าสิบนาที ก่อนจะจัดการจางเทาจนลงเวทีไปได้
ฟางผิงพยักหน้าเบาๆ “แม้จะสิ้นเปลืองไม่น้อย แต่ฟื้นฟูได้รวดเร็ว ตอนนี้ฟื้นฟูได้กว่าครึ่งใหญ่ สู้กับขั้นสี่คนนี้เสร็จ เป่ยเจียงคงหมดหวังแล้ว”
ฉินเฟิ่งชิงเบะปาก ไม่รับบทสนทนา
ผลลัพธ์ไม่ต่างจากที่ฟางผิงคาดเช่นกัน
ครั้งนี้หูหย่งไม่ทำสงครามพร่ากำลังอีก อีกฝ่ายเป็นแค่ขั้นสี่ตอนต้น ห่างชั้นจากเขาไม่น้อย ตอนที่หูหย่งคิดจะสู้ตรงๆ ก็ไม่อ้อมค้อม ระเบิดกระบวนท่าใหญ่ออกไป งัดข้อกับอีกฝ่ายหลายครั้ง ไม่นานก็เอาชนะได้
“สไตล์การต่อสู้…รู้สึกคุ้นยังไงไม่รู้…”
ฟางผิงพึมพำเบาๆ ฉินเฟิ่งชิงกลอกตา “นี่ไม่ใช่สไตล์การต่อสู้ของนายหรือไง? ดังนั้นคำพูดของคนอื่นก็ไม่นับว่าใส่ร้ายนาย”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย” ฟางผิงแค่นหัวเราะ “เขาเทียบฉันได้หรือไง? ฉันไม่ได้ต่อสู้สกปรก เขาหลบหลีกเป็นหลัก ฉันแทบไม่ได้ทำแบบนั้น”
ไม่ใช่อะไร ปราณเขาทั้งเยอะและแข็งแกร่ง สู้คนอื่นไม่ได้ก็สามารถปล่อยอย่างไร้ขีดกำจัด บั่นทอนกำลังของอีกฝ่ายไป
แน่นอนว่าทุกคนสิ้นเปลืองกันทั้งนั้น เพียงแค่ต่างกันที่รูปแบบ
หากเปรียบเทียบขึ้นมาจริงๆ หูหย่งใช้ปราณได้คล่องมากกว่าฟางผิง เพราะคนอื่นไม่มีเงื่อนไขเหมือนฟางผิง
“ยังไงก็เหมือนอยู่จริงๆ”
ฟางผิงไม่โต้แย้งเช่นกัน เหมือนก็เหมือนเถอะ แต่เขาดูกล้าแกร่งกว่า ไม่ถึงกลับถูกคนด่าว่าต่ำช้า อย่างน้อยทุกคนก็ดูอย่างเมามัน เพราะฟางผิงระเบิดพลังอยู่ตลอดเวลา
สู้กับขั้นสี่สองคนแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายสามคนที่เหลืออยู่ก็ไม่ได้ยอมแพ้ ยังคงกล้าหาญไม่น้อย
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตอนปลายสามคน ขึ้นเวทีก็ใช้กระบวนท่าใหญ่ ท้ายที่สุดเพราะยังห่างไกลกันอยู่บ้าง จึงถูกหูหย่งเอาชนะด้วยความเร็ว
ด้วยเหตุนี้การแข่งขันของทีมผู้แพ้จึงสิ้นสุดลง ครุศาสตร์หวาตงได้รับตำแหน่งอันดับหนึ่งของทีมผู้แพ้
“มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงเลือกท้าประลองมหาวิทยาลัยอื่นได้!”
————————–